บทที่ 204 อยากจะจับไว้แต่ทำไม่ได้

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 204 อยากจะจับไว้แต่ทำไม่ได้

เฉินเฉียงได้มองตรงไปยังจิ้งจอกสายฟ้าหลังจากได้ยินเสือดาวมีปีกร้องคำราม

คนในกองกำลังโจมตีจิ้งจอกสายฟ้าพร้อมกันแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้

และด้วยการที่การโจมตีของสัตว์ประหลาดประเภทสายฟ้านั้นแหลมคมอย่างมาก นี่ทำให้คนในกองกำลังเทียนเว่ย เริ่มมีบาดแผลจากมันบ้างแล้ว

เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ยิ้มกริ่มออกมาก่อนที่จะส่งเสียงทางจิตออกไป –หลิวไฮ่ หวังต้าลู่ อย่าไปเผลอฆ่าจิ้งจอกสายฟ้าตัวนั้นนะ พยายามรั้งมันเอาไว้ แล้วฟังที่ข้าบอก-

ทั้งสองนิ่งอึ้งไปเพราะต่างก็ไม่รู้ว่าเฉินเฉียงนั้นต้องการทำอะไรกันแน่

แต่หลังจากร่วมกองกำลังอย่างจริงจังกันมาบ้าง ทำให้ทั้งสองต่างเชื่อมันในคำสั่งของเฉินเฉียง นี่ทำให้ทั้งสองต่างก็พยักหน้าและรุมล้อมจิ้งจอกสายฟ้าเอาไว้

แต่นี่กับทำให้จิ้งจอกสายฟ้านั้นราวกับบ้าคลั่งในทันที มันรู้สึกร้อนรนจนหันรีหันขวางเพราะไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นจะทำอะไรกับมัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือสัตว์ประหลาดในสังกัดของเสือดาวมีปีกนอกจากตัวเสือดาวมีปีกเองแล้วก็เหลือแต่มันเพียงตัวเดียวเท่านั้น

เมื่อคนอื่นๆเริ่มว่าง พวกเขาจึงคิดจะเข้าร่วมวงการต่อสู้ของคนอื่น และวงของเจิ้งยี่คือเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม เจิ้งยี่ในตอนนี้กำลังตั้งท่าเผชิญหน้าด้วยสายตาที่แดงก่ำ จางหยวนที่กำลังเข้าไปก็รู้ทันทีว่าตัวเองกำลังถูกไล่ออกมา

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ เฉินเฉียงจึงรีบส่งคำพูดผ่านกระแสจิตในทันที -จางหยวน พาคนอื่นๆออกจากวงต่อสู้ของเจิ้งยี่ซะ แค่ทำการล้อมเอาไว้ห่างๆก็พอ เดี๋ยวเสือดาวมีปีกมันจะหนีไปซะก่อน แล้วก็ไม่ต้องไปร่วมวงกับหลิวไฮ่กับหวังต้าลู่ล่ะ แค่นี้สองคนนั้นจัดการได้อยู่แล้ว-

“ครับท่าน”

จางหยวน เมื่อได้รับคำสั่งก็ได้พาอีกเก้าคนไปล้อมวงเจิ้งยี่และเสือดาวมีปีกอยู่ห่างๆ

“อ๊ากกกก”

ท่ามกลางการต่อสู้นี้ เจิ้งยี่ได้พลาดท่าและทำให้ถูกโจมตีจากเสือดาวมีปีกเป็นรอยเล็บที่กลางหลัง

เมื่อหลางซานเอ๋อและคนอื่นๆได้เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็มองหน้าเฉินเฉียงในทันที

-ศิษย์น้อง/กัปตัน หากเป็นแบบนี้ต่อไปเจิ้งยี่มีหวังต้องตายแน่ๆ-

ถึงกระนั้น เฉินเฉียงยังไม่คิดที่จะลงมือแต่อย่างใด เขาทำเพียงมองไปที่เจิ้งยี่เฉยๆเพียงเท่านั้น

เมื่อเสือดาวมีปีกเห็นว่าเฉินเฉียงและพวกไม่ได้รุมโจมตีมันในตอนนี้ นี่ทำให้มันโล่งใจในทันที

นั่นก็เพราะด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หากเฉินเฉียงและคนอื่นๆรุมโจมตีมัน มันก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจหนีพ้นความตายไปได้

เจิ้งยี่นั้นหลังจากได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะคลุ้มคลั่งจนสาดซัดดาบทองคำในมือประหนึ่งดั่งห่าฝนใส่เสือดาวมีปีก

เมื่อเฉินเฉียงได้เห็นฉากนี้ ก็อดที่จะพยักหน้าอย่างพึงพอใจไม่ได้

หากว่ากันตรงๆแล้ว มีเพียงเฉินเฉียงเท่านั้นที่เข้าใจเจิ้งยี่มากที่สุดชนิดทะลุปรุโป่ง

เขาที่มีใจบริสุทธิ์และตรงไปตรงมาอย่างเขานั้น ยอมกลายเป็นเถ้าธุลีเสียดีกว่าที่จะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ หากไม่ใช่เพราะเฉินเฉียงสร้างทางเลือกให้เขา เขาก็คงยอมตายไปนานแล้ว

แต่ในเมื่อเขานั้นต้องอยู่รอดแล้ว เขาก็จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขานั้นจะไม่มีวันยอมถูกแผ่นแก่นพลังงานนี้ควบคุมไว้ได้

สำหรับเขา เจิ้งยี่ ต่อให้ถูกฝังแผ่นแก่นพลังงาน เขาก็ยังเป็นมนุษย์

และด้วยการที่เข้าใจจิตใจของเจิ้งยี่ดีนี่เอง เฉินเฉียงจึงได้บอกให้ทุกคนหยุดช่วยเขา

แน่นอนว่าหากเจิ้งยี่ตกอยู่ในอันตราย เขาจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง

ภายใต้การต่อสู้ปกตินั้น หากต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว มนุษย์นั้นถือได้ว่าด้อยกว่าอยู่หลายขุม

แต่คนที่กำลังสู้อยู่กับมันในตอนนี้นั้น แม้จะกำลังสู้กับสัตว์ประหลาดที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่คนคนนี้กลับสู้ได้อย่างสูสีกับมัน โดยไม่ต้องการให้ใครช่วยเหลือ

นี่ช่างไม่ตรงกับหลักการอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ชายคนนี้นั้นยังสู้ด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ต้น แม้จะมีคนอื่นเข้ามาช่วยสู้ กลับถูกคนคนนี้ไล่ออกไปซะอย่างนั้น แถมยังไม่มีท่าทีจะเข้าร่วมอีก

นี่ก็ไม่ตรงกับสิ่งที่มันรับรู้มาเลยสักนิด

และที่ทำให้มันงงยิ่งกว่าก็คือ ดูเหมือนว่าผู้นำของคนตรงหน้ามันนั้นจะมีระดับเพียงนายพลวิญญาณขั้นกลาง แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ในบริเวณนี้ทุกคนกลับฟังคนคนนี้อย่างมาก

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เมื่อเป็นแบบนี้ มันเชื่อว่ามันสามารถหลุดรอดจากมนุษย์ที่ถือโลหะสีทองตรงหน้ามันได้

ต่อให้มันหนีไม่ได้ แต่หากจิ้งจอกสายฟ้าหนีไปได้ มันก็จะรีบตามกำลังเสริมมาอยู่ดี

เมื่อมันเห็นว่าจิ้งจอกสายฟ้านั้นดูอยากจะเข้าร่วมวงต่อสู้ มันจึงจะเป็นต้องคำรามออกมาด้วยเสียงอันดังลั่นใส่ทั้งสองคน เพื่อให้จิ้งจอกสายฟ้าหนีไปได้

แต่เสือดาวมีปีกไม่รู้ว่าเฉินเฉียงเองก็รับรู้ได้ว่ามันจะใช้การโจมตีคลื่นเสียงเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้จิ้งจอกสายฟ้าหนีไป แล้วนี่ทำให้เขารีบส่งเสียงผ่านจิตออกไปอีกครั้ง

“หลิวไฮ่ หวังต้าลู่ รีบปล่อยให้มันหนีไปแต่อย่าให้มันสังเกตว่าปล่อยมันไป”

ด้วยคำสั่งของเฉินเฉียงนี้ ตอนที่ทั้งสองเมื่อถูกโจมตีทางคลื่นเสียง ทั้งสองจึงแกล้งทำเป็นทนไม่ได้และแสดงออกมาว่าเคลื่อนไหวได้ช้าลง

เมื่อจางหยวนและคนอื่นๆที่รายล้อมอยู่ทั้งสองวงเห็นเข้าก็ทำท่าจะไล่ตาม แต่ทุกคนก็ได้ยินเสียงอันเย็นเฉียบผ่านจิตสำนึกของตน “ใครก็ตามที่กล้าไล่จิ้งจอกสายฟ้านั่นไป ข้าจะลงโทษฐานที่ขัดคำสั่งอย่างหนักหน่วง”

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ทุกคนก็ได้สงวนท่าทีไว้ทำเป็นเมินเฉยแสร้งเป็นไม่รับรู้

ไม่กี่นาทีต่อมา จิ้งจอกสายฟ้าได้ปล่อยประกายสายฟ้าจนเกิดแสงจ้าเพื่อสลัดการโจมตีคลื่นเสียงนี้และจากไปอย่างรวดเร็วประดุจเส้นแสงสายฟ้า

“โฮก….”

เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกสายฟ้าหายไปแล้ว เสือดาวมีปีกก็ได้คำรามลั่นอีกครั้ง ก่อนที่จะโจมตีเจิ้งยี่อย่างหนักหน่วง

เป็นตอนนี้เองที่เฉินเฉียงได้หัวเราะออกมาและตะโกนอย่างดังลั่น “งี่เง่าเอ๊ย นี่แกคิดจะให้จิ้งจอกสายฟ้านั่นตามพวกมาใช่ไหมล่ะ”

“นี่เจ้าคิดจริงเหรอว่าคนของข้าฆ่ามันไม่ได้น่ะ”

“น่าขันนัก”

“ข้า นายพลเว่ยหวู่คนนี้ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว ก็อีแค่จิ้งจอกสายฟ้าเนี่ยนะ หากว่ามันไม่ได้คิดไปตามพวกมา มีหรือที่ข้านั้นจะปล่อยมันไป”

“ข้าจะบอกความจริงให้แกรับรู้ไว้นะ เสือดาวมีปีก ข้านั้นปล่อยมันไปเพื่อที่จะให้พวกข้านั้นจัดการพวกแกได้ง่ายๆ และกวาดล้างพวกแกในคราวเดียวยังไงล่ะ”

คำพูดของเฉินเฉียงไม่เพียงจะสร้างความสงสัยให้กับจางหยวนและคนอื่นๆเท่านั้น แม้แต่เสือดาวมีปีกเองก็ยังต้องตกตะลึงจนเกือบจะหยุดนิ่งในการต่อสู้

ถึงแม้มันนั้นจะไม่รู้ว่ามนุษย์คนอื่นพูดอะไรออกมาก็ตาม แต่มันนั้นกลับเข้าใจคำพูดของคนคนนี้อย่างชัดเจน

“กรรรรร” (นี่แกเข้าใจภาษาพวกเรา….เหรอ)

เฉินเฉียงพยักหน้าแล้วพูดต่อ “เสือดาวมีปีกเอ๋ย ถึงเจ้าจะรู้ก็สายเกินไปแล้ว ข้าล่ะอยากจะให้เจ้าเห็นจริงๆว่าเมื่อจิ้งจอกสายฟ้านั่นพาพวกแกมาที่นี่และจะตกอยู่ในสภาพใด”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เสือดาวมีปีกก็ได้ทะยานขึ้นฟ้าและคิดที่จะหลบหนีในทันที แต่มันนึกไม่ถึงว่าเฉินเฉียงนั้นเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว เขาได้ใช้กระบวนท่าในเคล็ดวิชาสายฟ้าสะกดวิญญาณออกไป และนี่ทำให้มันล่วงลงจากฟ้าในทันที

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ เจิ้งยี่จึงได้โอกาสตวัดดาบทองคำขึ้นฟ้าผ่าร่างของเสือดาวมีปีกจนขาดครึ่ง

“จางหยวน พาทุกคนเก็บกวาดร่างสัตว์ประหลาดพวกนี้ หลังจากนั้นเก็บแก่นวิญญาณต่อไป ถ้าเสร็จแล้วก็หาที่พักฟื้นซะ ข้าจะตามจิ้งจอกสายฟ้าไป”

“กัปตัน ข้าจะไปด้วย”

เฉินเฉียงที่เห็นอาการบาดเจ็บที่หลังของเจิ้งยี่ที่หนักจนเห็นกระดูกก็ได้พูดออกมา “เจิ้งยี่ ทำได้ดีมาก ตอนนี้เจ้าต้องพักฟื้นก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันหลังเจ้าพักฟื้นเสร็จ”

“ไม่ ข้าจะตามท่านไปด้วย”

เมื่อเห็นสายตาที่ดื้อรั้นของเจิ้งยี่ เฉินเฉียง เขาก็ไม่ได้หยุดเจิ้งยี่แต่อย่างใด เขากวักมือเรียกเจิ้งยี่เข้ามาหา

ด้วยการที่เจิ้งยี่นั้นบาดเจ็บไม่น้อย เฉินเฉียงจึงจัดการยัดยาฟื้นฟูใส่ปากของเจิ้งยี่ ก่อนที่จะลากเขาลงไปในดิน และลากเขาไปในตอนใช้ทักษะดำดินไปด้วย

ด้วยการที่จิ้งจอกสายฟ้าตัวนี้มีกลิ่นที่แรงมาก เฉินเฉียงจึงได้ตามกลิ่นของมันได้แม้จะอยู่ใต้ดิน และเพียงชั่วพริบตา เขาก็ไล่ตามมันทัน

“กัปตัน ข้าขอขอบคุณ”

ในตอนที่ทั้งสองกำลังตามจิ้งจอกสายฟ้าไปอย่างไม่เร็วไม่ช้านี้ เจิ้งยี่เองที่เจ็บหนักก็ได้ฟื้นฟูมาพอสมควรแล้ว และนี่ทำให้เขานั้นรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ห้ะ ขอบคุณอะไรล่ะนั่น” เฉินเฉียงได้ถามออกมาเพราะเขาอยากรู้จริงๆ

“ขอบคุณที่เชื่อใจข้า ขอบคุณที่ทำให้ข้านั้นยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์อยู่”