ตอนที่ 357 เสื้อคลุมและอ้อมกอดของฟังจือหัน / ตอนที่ 358 เหมือนโดนตบหน้าจนพูดไม่ออก

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 357 เสื้อคลุมและอ้อมกอดของฟังจือหัน

 

 

แวบแรกที่เห็นเฉียวพั่นเอ๋อร์ อวี๋กานกานจึงมีลางสังหรณ์บางอย่าง นึกแล้วว่าต้องเกิดเรื่อง

 

 

ใครช่างดลใจให้เธอซวยทุกครั้งที่เจอยัยเฉียวพั่นเอ๋อร์ พับผ่าสิเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย

 

 

“ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานรู้ดีว่าคำพูดของเธอช่างไร้ประโยชน์ แต่ยังเสียเธอก็ยังคงต้องพูด เฉียวพั่นเอ๋อร์แสยะยิ้ม “เหอะ ฉันเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ เธอคงไม่คิดหรอกมั้งว่าแฟนฉันมองเธอ ยั่วเธอ? เธอต่างหากล่ะ…”

 

 

จั่วไห่เหวินสีหน้าสลดในทันที ตีหน้าเศร้าประจบสอพลอเฉียวพั่นเอ๋อร์ “ที่รัก ผมจะไปยั่วเธอได้ยังไง เธอต่างหากล่ะที่มายั่วผมก่อน เมื่อกี้ผมนั่งอยู่ตรงนี้ เธอมองผมตลอดเวลาเลย ส่งสายตาอ่อยผมด้วย ผมก็แค่สงสัยนึกว่าเจอคนรู้จัก ผมถึงได้เดินมาถามเธอไงจ๊ะที่รัก”

 

 

มือของเขาโอบเอวเฉียวพั่นเอ๋อร์เอาไว้อย่างแสดงความรักใคร่ “ที่รักจ๊ะ นี่ถ้าหากเอาคุณมายืนเทียบกับเธอนะ คนที่ตาถึงเขาต้องรู้ว่ายังไงผมก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้ว เชื่อผมนะครับ คนที่ผมรักคือคุณคนเดียว ผู้หญิงชาเขียว[1] ถ้าไม่คิดว่าเจอคนคุ้นหน้าล่ะก็ผมไม่มองให้เสียเวลาหรอกครับ”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

คู่ผีเน่ากับโรงผุ ช่างเหมาะสมกันโดยไม่มีอะไรมากั้น!

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ยังคงตีโพยตีพาย “อวี๋กานกานมารยาร้อยเล่มเกวียนจริงๆ เธอเป็นหมอประสาอะไรฮะ น่าจะเข้าวงการบันเทิงไปเป็นดารามากกว่า คนมารยาแบบเธอมันไร้ยางอาย ดูแล้วการตีบทแตกและเล่ห์เหลี่ยมของเธอ กลัวว่าจะได้รับเล่นบทเด่นๆ จนไม่หวาดไม่ไหว”

 

 

ไม่เพียงแต่พูดจากระแทกแดกดันอวี๋กานกานเท่านั้น แถมยังดูถูกฐานะของอวี๋กานกานอีกด้วย

 

 

อยากบอกทุกคนว่าอวี๋กานกานไม่ใช่คนในตระกูลมั่งมีอะไร แล้วก็ไม่มีเบื้องหลังอะไร เธอเป็นเพียงแค่แพทย์หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

 

 

คำพูดพล่อยๆ ที่ว่ากล่าวออกไป ทำให้ทุกคนมองอวี๋กานกานเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

 

 

อวี่กานกานไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง ยังไงก็เป็นแค่คนแปลกหน้ากัน

 

 

วันนี้คือวันแต่งงานของหลินจยาอวี่ เธอไม่อยากก่อความวุ่นวายหรือเป็นตัวตลกของทุกคน

 

 

เธอกดเสียงต่ำลง “วันนี้เป็นวันแต่งงานของหลินจยาอวี่ ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจผู้ชายของเธอด้วย ยังไงเสียผู้ชายหน้าด้านไร้ยางอาย หน้าม่อเรี่ยราดไปทั่ว ก็คงจะมีแต่คนอย่างเธอเท่านั้นแหละที่เหมาะสมด้วย”

 

 

“คนอย่างฉัน นี่หมายถึงคนยังไง เธอไม่มีพ่อแม่สั่งสอนรึไง”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์เดือดปุดๆ

 

 

อวี๋กานกานตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนแบบเธอไงแต่งกับคนรวยๆ เพื่อที่จะไต่เต้าหลอกใช้คนอื่นยังไงก็ได้ มีอะไรที่เธอทำไม่ได้บ้างล่ะ”

 

 

ในขณะที่อวี๋กานกานกำลังจะขยับปากจะด่าต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังชัดขึ้นมาทางด้านหลัง “ทำไมคุณถึงมานั่งตรงนี้ล่ะ”

 

 

เสื้อสูทสีดำตัวหนึ่งคลุมตัวอวี๋กานกานจากทางด้านหลัง

 

 

อวี๋กานกานชะงักกายค้างแน่นิ่ง

 

 

           หันหน้าขึ้นไปมองช้าๆ จึงเห็นว่าเป็นฟังจือหันที่มายืนตรงข้างหลังเธอ

 

 

เสื้อสูทถูกถอดออกจากกายของเขา ข้างในจึงเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น เขายืนภายใต้แสงระยิบระยับของ

 

 

แชนเดอเลียร์คริสตัล ดูสูงส่งและงามสง่าเกินต้านทาน

 

 

ไหนตอนแรกเขาบอกว่าจะไม่มางานแต่งงานของลู่เสวี่ยเฉินไง

 

 

แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

แถมยังมาพร้อมกับความอบอุ่นของเขาที่อยู่ภายในเสื้อสูทคลุมกายตัวนี้ ปกคลุมไว้แบบนี้ราวกับว่าเธอกำลังถูกสวมกอดไว้ในอ้อมอกของเขาเลย

 

 

บนโต๊ะมีคนแสดงสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นพวกเขาจึงลุกขึ้นทักทายฟังจือหัน มีบางคนตื่นเต้นดีใจ มีบางคนความเคารพยำเกรง

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ผู้หญิงชาเขียว ในภาษาจีนอ่านว่า 绿茶婊 ลี่ว์ฉ๋าเปี่ยว เป็นคำด่าแสลงของจีนในอินเตอร์เน็ต หมายถึงผู้หญิงไม่ดีหรือผู้หญิงที่มีอาชีพขายบริการ 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 358 เหมือนโดนตบหน้าจนพูดไม่ออก

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์และจั่วไห่เหวินถูกเมินอยู่ข้างๆ

 

 

ทั้งยังมีคนแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามพวกเขาอีก

 

 

เสื้อสูทจากฝ่ายชายคลุมร่างฝ่ายหญิงให้ ก็พอจะรู้ว่าพวกเขาสนิทแนบแน่นกันแค่ไหน

 

 

ณ เวลานี้ไม่ต้องการคำพูดใดๆ ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอวี๋กานกานได้แล้ว ยังไงเสียมีแฟนที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ใครยังจะเชื่อว่าเธอด่างพร้อยอีกล่ะ

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ขบฟันกรามแน่น ขยับปากอยากจะเอ่ยอะไรออกมา

 

 

ฟางจือหันปรายตามองไปที่เฉียวพั่นเอ๋อร์อย่างเย็นชา สายตาที่มองไปยังร่างเฉี่ยวพั่นเอ๋อร์คมราวกับความคมของน้ำแข็ง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์จึงรีบกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ เธอนึกถึงวันนั้นที่ฟังจือหันคนนี้จัดการกับตู้ซูเหนียนยังไง

 

 

กระพริบตาปริบๆ ไม่กล้าสบตา

 

 

เธอหันไปหาแฟนของตัวเองน่าจะเพื่อต้องการหาความกล้า

 

 

แต่กลับพบว่าแฟนของเธอหน้าถอดสีลอบกลืนน้ำลายอยู่ จากนั้นพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คุณ…คุณฟังครับ”

 

 

ฟังจือหันมองเขาปราดเดียวไม่แสดงสีหน้าใดๆ ราวกับเทพเจ้าที่กำลังมองสรรพสัตว์จากเบื้องบนลงมาข้างล่าง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์กำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ทั้งโกรธทั้งโมโห ไอ้จั่วไห่เหวินกำลังทำอะไรอยู่

 

 

ซูจือจิ้งพาเสี่ยวเฮ่าเฮ่าเดินเข้ามาพอดี เธอมองฟังจือหันด้วยยิ้มเจือจาง “ฟังจือหัน คุณมาแล้วเหรอ”

 

 

เมื่อเสี่ยวเฮ่าเฮ่าเห็นฟางจือหันจึงเบะปากน้อยๆ อย่างไม่ชอบใจ จากนั้นขยับเข้าไปเกาะร่างของอวี๋กานกาน “พี่เสี่ยวอวี๋กาน”

 

 

ฟางจือหันพยักหน้าให้ซูจือจิ้งเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับไป

 

 

“พวกเราไปกันเถอะ”

 

 

เขาดึงอวี๋กานกานให้ลุกขึ้น

 

 

คนมองกันมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นงานแต่งงานของหลินจยาอวี่อีกด้วย อวี๋กานกานจึงไม่กล้าปฏิเสธเป็นธรรมดา เมื่อกล่าวขอตัวซูจือจิ้งและเสี่ยวเฮ่าเฮ่าแล้วจึงเดินตามฟางจือหันไปนั่งที่โต๊ะข้างหน้าสุดซึ่งเป็นโต๊ะวีไอพีของงานเลี้ยง

 

 

ซูจือจิ้งแลตามองไปที่เฉียวพั่นเอ๋อร์นิ่งๆ “มีปัญหาอะไรอีกไหม”

 

 

“ไม่มีครับ ไม่มี”

 

 

จั่วไห่เหวินยิ้มแห้งๆตอบกลับไป จากนั้นจึงลากเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่สีหน้าทนดูไม่ได้ออกไป

 

 

หน้าแตกยับเยิน เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่มีหน้าอยู่ในงานเลี้ยงอีกต่อไป เธอจึงเดินออกไปจากงานเลี้ยงเสียเลย

 

 

เมื่อเห็นว่าข้างนอกไม่มีคนอยู่แล้วจึงโมโหโวยวายใส่แฟนหนุ่มของเธอทันที “ฟังจือหันคนนั้นแน่มาจากไหน มีอะไรที่สู้มันไม่ได้ ถึงทำให้คุณยอมก้มหัวให้มันขนาดนี้”

 

 

ยิ่งนึกถึงเมื่อกี้จั่วไห่เหวินหน้าถอดสี เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ยิ่งโมโหแทบตาย

 

 

เห็นชัดๆ ว่าแฟนหนุ่มของเธอทั้งดีมากและโดดเด่นมาก แต่เมื่อเทียบกับฟางจือหัน ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่าแฟนหนุ่มของเธอแทบเหลือแต่กาก

 

 

ปกติหากเฉียวพั่นเอ๋อร์โมโหเล็กๆ น้อยๆ จั่วไห่เหวินจะหาทางง้อเธอแน่นอน แต่คราวนี้กลับไม่ง้อ

 

 

เขาทำหน้านิ่งมองเฉียวพั่นเอ๋อร์ “คุณก็เหมือนกัน ทำไมถึงไม่ฟังคนอื่นเขาพูดดีๆ ซะก่อน แล้วยังให้ผมออกหน้าแทนอีก คุณรู้ไหมว่าคุณเกือบทำผมซวยแล้ว”

 

 

ทำไมเฉียวพั่นเอ๋อร์ถึงบอกแค่ว่าอวี๋กานกานเป็นแพทย์แผนจีน ทำไมไม่บอกว่าเป็นแฟนของฟานจือหันด้วย

 

 

สายตาที่เขาเคยมองเฉียวพั่นเอ๋อร์จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจเล็กน้อย น้ำเสียงที่พูดกับเธอก็แฝงไปด้วยความรำคาญ

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์จ้องตาด้วยความโกรธ “คุณหมายความว่าไง ฉันบอกให้คุณออกหน้าแทนตอนไหน ก็เห็นๆ อยู่ว่าคุณบอกว่าจะแก้แค้นแทนฉันเอง แล้วตอนนี้คุณกลับมาโทษฉันอย่างนั้นเหรอ”

 

 

เมื่อคิดได้ว่าตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเท่าไหร่ จั่วไห่เหวินจึงอ่อนเสียงลง “ที่รักครับ ผมผิดเอง ผมไม่ควรโมโหใส่คุณ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์กลับไม่สะทกท้าน เธอแสยะยิ้ม “ผู้ชายคนนั้นสกุลฟัง ตระกูฟางผู้ยิ่งใหญ่มีอะไรที่สู้ไม่ได้บ้างล่ะ”