ตอนที่215 ขี้ใครก็ตามเช็ดเอง

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่215 ขี้ใครก็ตามเช็ดเอง

ฉีเล่ยหัวเราะเยาะตอบกลับไปว่า

“ถึงแม้ผมจะเคยเป็นหนี้บุญคุณของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมตกลงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้แน่”

ดวงตาคู่สวยของชูซินซูจับจ้องฉีเล่ยไม่กระพริบ

“ถึงแม้ฉันจะสามารถหาผู้ชายที่ดีกว่าคุณได้ภายในครึ่งชั่วโมง แต่ฉันก็ไม่ต้องการ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการคือคุณ!”

จู่ๆฉีเล่ยก็เอ่ยถามขึ้นว่า

“ที่อยากแต่งงานกับผม เพราะชอบผมอย่างงั้นเหรอ?”

ถึงจะฟังดูเป็นคำถามที่ไร้ยางอายไปบ้าง แต่เขาก็ไม่รู้สึกกระดากปากที่ได้เอ่ยถามออกไปเลย เขาต้องการขุดคุ้ยหาต้นตอของปัญหาเรื่องนี้จริงๆ ว่าเพราะอะไรผู้หญิงคนนี้ถึงได้ต้องยื่นข้อเสนออะไรโง่ๆแบบนี้ด้วย

“ฉันก็แค่รู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ไม่น่ารำคาญ”

ชูซินซูครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสริมขึ้นว่า

“แต่บางครั้งก็รู้สึกดีด้วย”

“ถ้าเป็นแบบนี้ ผมว่าคุณไปหาคนอื่นดีกว่าครับ ยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่สามารถทำให้คุณรู้สึกแบบนี้ได้”

“แต่คุณเป็นคนเดียวที่ช่วยให้ฉันสามารถปฏิเสธคนๆนั้นได้”

กว่าที่เธอจะบากหน้ามาพบฉีเล่ยในวันนี้ได้ เธอต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อครุ่นคิดอย่างหนักมาก

อีกสามวันก็ใกล้จะถึงวันเกิดครบรอบ80ปีของฉินเย่ หรือก็คือคุณปู่ของฉินฟางนั่นเอง

และฉินเย่คนนี้ก็ค่อนข้างจะถูกอกถูกใจเธอเป็นอย่างมาด้วย ถึงขั้นที่ว่าเคยเอ่ยปากกับชูซินซูด้วยตัวเองว่า หากเธอได้ดองกับหลานชายของเขาก็คงเป็นเรื่องที่วิเศษมากทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นฉินฟางเองก็ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผนวกกับความปรารถนาของฉินเย่ผู้เป็นปู่ จึงยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดินหน้าตามจีบเธอเรื่อยมา

หากสามารถปฏิเสธได้โดยไม่ส่งผลเสียอะไรก็คงดีไม่น้อย แต่ปัญหาหลักก็คือ ศัตรูเจ้าเก่าแก่อย่างตระกูลต่งเริ่มที่จะเคลื่อนไหวโจมตีตระกูลชูอีกครั้งแล้ว ฉะนั้น ตัวเลือกเดียวในเวลานี้ที่จะสามารถช่วยสกุลซูกำราบสกุลต่งได้ดีที่สุด ก็เห็นจะเป็นการดองกับตระกูลฉินนี่ล่ะ

หญิงสาวเองก็ไม่ต้องการที่จะทำให้ตระกูลชูต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เพียงเพราะอารมณ์ส่วนตัวของเธอเอง แต่จะให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยอย่างฉินฟาง เธอเองก็ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน

สรุปแล้วก็คือ ฉีเล่ยนับเป็นโล่ป้องกันตัวที่ดีที่สุดสำหรับเธอในเหตุการณ์ครั้งนี้

เมื่อครั้งที่น้องชายผู้แสนงี่เง่าของเธอได้เอาเรื่องที่ฉีเล่ยปฏิเสธข้อเสนอของปู่ไปบอกกับฉินฟางนั้น ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียว แต่มาตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องดี

เพราะถ้าเธอหาผู้ชายสักคนมาแทนฉีเล่ยในตอนนี้ ฉินฟางอาจมองว่าเธอจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับเขา และมีโอกาสที่สกุลฉินจะไปร่วมมือกับอีกฝ่ายก็มีสูงมาก

แต่หากอีกฝ่ายรู้ว่าเป็นฉีเล่ยซึ่งเคยได้ยินชื่อมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาคงจะไม่คิดไปในทางนั้น และจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะเอาชนะใจของเธออย่างแน่นอน

สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเธอกับฉีเล่ยในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น เธอยังไม่คิดอะไรมากในตอนนี้ คิดมากไปแล้วยังไงล่ะ? ต้องมาเสียเวลามีปัญหาจุกจิกแบบคู่รัก ซึ่งชีวิตแบบนั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับเธอ

ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นทันที

“แล้วคนๆนั้นที่คุณว่าเป็นใครกัน?”

คนที่สามารถต้อนชูซินซูให้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ จะต้องมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งไม่น้อยอย่างแน่นอน

ชูซินซูเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ฉินฟาง คุณคงไม่รู้จักเขาหรอก”

ฉีเล่ยไม่ใช่คนในแวดวงสังคมเดียวกันกับเธอ คงจะแปลกมากหากเขาเคยได้ยินชื่อของอีกฝ่ายมาก่อน

ผู้ชายคนนี้ฉลาดพอที่จะไม่เปิดเผยตัว หรือทำตัวเด่นดังแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าตัวเองควรจะต้องออกหน้าไปพบปะใครบ้าง จึงจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์กับตัวเขา

ผู้ชายคนนี้จะก้มศีรษะให้กับคนที่สำคัญมากพอ และต้องเป็นคนที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตัวเขาได้ในวันข้างหน้า สำหรับใครที่ไม่มีความสำคัญแล้วล่ะก็ ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางที่จะสละเวลามาใส่ใจอย่างแน่นอน

พวกไฮโซที่ถูกสื่อทำข่าวแฉจนอยู่ไม่ได้นั้น สำหรับฉินฟางแล้ว คนพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น และคนแบบนี้ก็ไม่มีวันที่จะค้ำฟ้าในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งได้แน่

ฉีเล่ยย่อมไม่รู้จักอีกฝ่ายแน่นอน และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลฉินนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

เขาส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเอ่ยถามต่อไปว่า

“ผมไม่รู้จักเขา แต่อำนาจอิทธิพลของเขาคงจะแข็งแกร่งไม่น้อยเลยสินะ?”

“แข็งแกร่งเกินกว่าที่คุณจะคาดคิดเลยล่ะ”

เป็นถึงทายาทผู้สืบทอดตระกูลฉินรุ่นปัจจุบัน จะไม่มีอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งเกินจะจินตนาการได้ยังไงกันล่ะ?

“ภูมิหลังกับฐานะของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนงั้นเหรอ?”

“ก็บอกแล้วไงว่าเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ยังไงล่ะ!”

หากจะพูดกันตามตรง รากฐานของตระกูลฉินนั้นได้ฝังลึกอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว ทุกวงการธุรกิจล้วนมีชื่อสกุลฉินสลักจารึกอยู่ทั้งนั้น คงแทบไม่ต้องถามถึงเรื่องอำนาจอิทธิพลแล้วล่ะว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด?

แม้แต่ตระกูลชูยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำไป

ฉีเล่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เขายกมือขึ้นตบโต๊ะเสียงดังปัง ก่อนจะลุกขึ้นพรวดขึ้นยืนพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าก่นด่าชูซินซูเสียงดัง

“คุณนี่มันบัดซบที่สุดจริงๆ! คิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยรึไง! ตั้งใจจะให้ผมไปเป็นศัตรูกับคนระดับนี้ ใครจะยอมโง่ไปเป็นโล่มนุษย์ให้คุณกัน! ท้ายที่สุดก็มีจุดประสงค์แบบนี้นี่เอง น่ารังเกียจสิ้นดี!”

เขายังไม่ได้ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของบรรพบุรุษสกุลเฉินให้บรรลุเลย เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่อยากจะต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้…

คิดแล้วเขาก็แทบอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ด้วยมือตัวเองจริงๆ

แต่เมื่อถูกฉีเล่ยปฏิเสธกลับมาด้วยท่าทีรุนแรงแบบนี้ ชูซินซูกลับไม่ได้รู้สึกโกรธ เธอเอื้อมมือที่เรียวขาวราวกับหยกออกมาหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นจิบ โดยไม่มีท่าทีประหม่าหรือว่าเกรงกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงพูดออกไปว่า

“เอาล่ะ ฉันยื่นข้อเสนอของตัวเองไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของคุณบ้าง…และถ้าคุณกล้าขอ ฉันก็กล้าให้ทุกอย่างเหมือนกัน”

ทุกอิริยาบถของผู้หญิงคนนี้ต้องเรียกว่าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ ทุกการกระทำของเธอมันดูมีเสน่ห์ไปเสียหมด

หากจะพูดกันตามตรง ต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะไม่เฉลียวฉลาด ไม่ได้ร่ำรวย หรือไม่ใช้หญิงสาวที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง แต่เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่ทรงเสน่ห์ที่สุดตั้งแต่เขาเคยพบเห็นมา

ถ้าเขาบอกว่าขอความรัก อยากจะรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะให้ได้ไหม?

ฉีเล่ยแสยะยิ้มพร้อมกับเอ่ยถามออกไปทันที

“แล้วถ้าผมต้องการตัวคุณล่ะ?”

ชูซินซูยังคงตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางสงบเสงี่ยมเช่นเดิม

“ก็ถ้าคุณสามารถทำให้ฉันหลงรักได้ ด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์ ยังไงฉันก็ต้องยอมเป็นของคุณ”

ฉีเล่ยรู้สึกขบขันเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“แต่ผมคงไม่มีปัญญาที่จะทำให้คุณหลงรักผมได้หรอกนะ”

“ก็แล้วทำไมไม่ลองดูล่ะ? ตามที่ฉันเข้าใจ คุณเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ชูซินซูก็ยังพูดออกไปไม่หมดอยู่ดี สิ่งที่เธอยังไม่ได้บอกฉีเล่ยก็คือ ในสายตาของเธอนั้น เขาเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจมากจนเกินไปด้วยซ้ำ ถึงขั้นที่คำว่าเย่อหยิ่งจองหองยังไม่น้อยไปสำหรับเขา

ฉีเล่ยหัวเราะเยาะตอบไปว่า

“ลองดูงั้นเหรอ? แค่คุณไปเดินช็อปปิ้งในห้าง ผมก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าของให้คุณแล้ว และที่สำคัญ ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับคุณหรอกนะ”

ชูซินซูลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินตรงไปนั่งลงบนตักของฉีเล่ยปากก็พูดท้าทายออไปว่า

“ในเมื่อไม่มีเวลา…งั้นก็ทำสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้เลยสิ?”

เรือนร่างของผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ที่ติอย่างแท้จริง กลิ่มน้ำหอมที่โชยออกมาจากเรือนร่างของเธอ สามารถทำให้จิตใจของผู้ชายทุกคนต้องตกอยู่ในภวังค์อย่างง่ายดาย

ฉีเล่ยเองก็สูดดมเข้าไปเต็มปอด และต้องยอมรับว่า กระทั่งเขาเองยังรู้สึกติดใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน

ฉีเล่ยจ้องมองใบหน้าอันงดงามของชูซินซูในระยะใกล้ชิด เขาชื่นชมความสวยของเธอ พร้อมกับสายตาหวานฉ่ำที่ส่งออกมายั่วยวน ทั้งหมดที่ประกอบกันเข้านี้ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ชายคนไหนจะหักห้ามใจได้ไหว

ผู้หญิงคนนี้ช่างสวยงามและมีเสน่ห์เกินบรรยายจริงๆ

แต่ทว่าฉีเล่ยกลับยิ้มพร้อมกับส่ายศรีษะไปมา ปากก็เอ่ยบอกไปว่า

“คุณไม่ได้เข้าใจอะไรเลยจริงๆ!”