หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.480 – ตราประทับของหอคอยสูง

 

เมื่อเดินทางมาถึงจุดนี้ ห่วงชูชีพสีชมพูก็เริ่มร้องเพลงออกมา

 

“โลกมิติอนันต์ โลกมิติอนันต์ที่ทุกคนปรารถนาาาา!”

 

“โลกที่เต็มไปด้วยสาวงามโดดเด่นจากโลกนับล้านล้านนนนน ที่ๆรวมดาราอันมีชื่อเสียงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์เลิศรสจนไม่อาจจินตนาการด้ายยยย อีกทั้งยางงงงมีอารยธรรมและคนสุดแกร่งอีกมากมายยย”

 

“เอ้าวิ่งสิวิ่ง  วิ่งเข้าไปในมิตินางฟ้า – แต่นางฟ้าคงจะไม่ปล่อยให้ข้าเข้าไป เพราะความเปล่งประกายบนตัวข้า มันเจิดจ้าหน้าเกินตาพวกนางเกินไป!”

 

“เอ้าวิ่งสิวิ่ง วิ่งเข้าไปในมิตินรกปีศาจ – แต่ปีศาจคงไม่ปล่อยให้ข้าเข้าไป เพราะข้ามิใช่คนเลวและน่ารักเกินไป!”

 

“แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะในโลกมิติอนันต์น่ะ ยังมีสถานที่ให้เลือกสรรอยู่อีกมากมายยยยย”

 

“พวกเราไปผจญภัยไปด้วยกันเถอะ!”

 

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพลงเกี่ยวกับการผจญภัยที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกมิติอนันต์ แม้จะระคายหูไปบ้าง แต่พอถูกกรอกหูไปนานๆเข้า กู่ฉิงซานก็คิดว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไร

 

หลังจากที่คอยฟังเสียงเพลงไปสักพักหนึ่ง กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “ดูเหมือนว่าโลกมิติอนันต์จะมีมิติอยู่มากมายตามชื่อของมันจริงๆ แล้วพวกเราจะไปยังมิติไหนของโลกมิติอนันต์กัน?”

 

“ … ”

 

ห่วงชูชีพชมพูชะงักไป

 

“เอ่า นี่เจ้าเองก็ไม่ทราบหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

 

“สำหรับเรื่องนี้ มีเพียงแต่นายหญิงของข้าเท่านั้นที่รู้” ห่วงชูชีพชมพูตอบด้วยความหงุดหงิด

 

มันลอยมาอยู่หน้ากู่ฉิงซาน และเปลี่ยนรูปเป็นกุญแจ

 

“จงใช้ข้า เสียบเข้าไปในอากาศที่ว่างเปล่าซะ” กุญแจกล่าว

 

“เสียบเข้าไปหรือ?”

 

“ใช่ ที่พวกเราอยู่กันในตอนนี้คือโลกอำพราง และเจ้าจะต้องเข้าสู่โลกจริง เพื่อที่จะได้รับโอกาสในการเข้าถึงโลกมิติอนันต์เสียก่อน” กุญแจกล่าว

 

“โอ้ เข้าใจแล้ว”

 

แม้จะพึ่งได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อมาอีกหนึ่ง แต่กู่ฉิงซานก็ยังตอบรับอย่างสงบ และปฏิบัติตามอย่างใจเย็น

 

ตอนนี้ มันมีเรื่องแปลกประหลาดมากมายมากเกินไปที่ได้พบเจอ ทำให้เขาค่อนข้างชินกับพวกมันแล้ว

 

กู่ฉิงซานถือกุญแจ และจี้มันลงไปในความว่างเปล่า

 

“ไปซ้ายอีกหน่อย ซ้ายประมาณสองฝีเท้า”

 

“อ่าๆ”

 

กู่ฉิงซานทำตาม และเริ่มบิดกุญแจ

 

ทันใดนั้น บังเกิดคลื่นกระเพื่อมไหวขึ้นในความว่างเปล่า

 

ระลอกคลื่นแพร่กระจายออกไป และค่อยๆเปิดเผยถึงฉากเบื้องหน้าที่ชัดเจนขึ้นอย่างกระทันหัน

 

กู่ฉิงซานค้นพบว่าสถานที่ที่ตนเองอยู่ยังคงเป็นบนทะเล

 

อย่างไรก็ตาม ในระดับน้ำทะเลที่ห่างไกลออกไป ได้ปรากฏประภาคารสูงขึ้นในสายตาของเขา

 

มันเป็นประภาคารสีดำที่มักจะสาดแสงกวาดลงมายังผืนทะเลโดยรอบเป็นครั้งคราว

 

กู่ฉิงซานเพ่งมองมันอย่างรอบคอบ และค้นพบว่าบนจุดยอดสุดของประภาคาร มันคลุมเครือจนเขาเห็นแค่เพียงเงาลางๆที่กำลังสั่นไหวเท่านั้น

 

ประภาคารสีดำตั้งยืนหยัดอยู่ตรงจุดนั้นอย่างเงียบๆ

 

“ทำไมมันถึงดูคุ้นตาจังนะ เหมือนกับว่าข้าเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน” กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ

 

“เจ้าเคยเห็นมันงั้นหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก” ห่วงชูชีพชมพูกล่าว

 

“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ล่ะ?”

 

“เพราะนี่คือสัญลักษณ์ของสมาคมผู้พิทักษ์หอคอยสูง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการเชื่อมต่อกับโลกมิติอนันต์ทั้งหมดน่ะสิ”

 

“บางที ถึงแม้พวกเขาจะมิใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งอะไร แต่พวกเขาก็เป็นตัวตนที่ทราบถึงความลับที่อยู่ลึกที่สุดของโลก!”

 

“เป็นตัวตนสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

 

“ใช่ ดังนั้นผู้มาเยือนจากโลกกระจัดกระจายเช่นเจ้า ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเคยติดต่อกับพวกเขา”

 

ขณะกล่าว ม้วนคัมภีร์อีกหนึ่งก็ผุดออกมาจากกู่ฉิงซานในทันใด

 

เป็นเข็มทิศ

คราวนี้ เข็มที่อยู่ภายในหมุนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และชี้ตรงไปยังประภาคาร

 

“หยุดพูดไร้สาระ แล้วเริ่มไปซะที ข้าไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันนะ” เข็มทิศตะโกนบอก

 

“เจ้านั่นแหละไร้สาระ! อย่าลืมสิ ก่อนที่จะไป เราจะต้องอำพรางความแข็งแกร่งส่วนบุคคลของเขาก่อน!” ห่วงชูชีพชมพูกล่าว

 

“ทำไมต้องอำพรางด้วย?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“สำหรับผู้ที่เข้ามาในหมื่นโลกาเป็นครั้งแรกน่ะ ต่อให้เจ้าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดจากในโลกลำดับชั้นที่อาศัยอยู่ก็ตามที แต่เจ้าก็ไม่สมควรที่จะเปิดเผยรายละเอียดตนต่อผู้อื่น”

 

“แล้วหากสิ่งที่เจ้ากล่าวมาถูกค้นพบล่ะ”

 

“ในโลกนับล้านๆใบน่ะ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย กล่าวได้ว่ามันเต็มไปด้วยอารยธรรมอันไร้ที่สิ้นสุด ก็ย่อมต้องมีบ้างเป็นธรรมดาที่อาจจะพบกับศัตรู ที่สามารถโค่นเจ้าลงได้”

 

“หากโค่นเจ้าได้ นั่นหมายถึงเขาจะล่วงรู้ทุกอย่างในสมองเจ้า หลังจากนั้นคงเข้าใจใช่หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานพยักหน้ารับ

 

ระหว่างสนทนา ม้วนคัมภีร์อีกใบก็กางออกและโคจรรอบกายกู่ฉิงซาน

 

แล้วรายละเอียดของเขาก็ค่อยๆถูกอำรางไว้ในความว่างเปล่า

 

กู่ฉิงซานลองขยับกายดู และพบว่ามีชั้นความผันผวนอันยอดเยี่ยมกำลังปกคลุมเขาอยู่

 

และชั้นความผันผวนนี้ มันจะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตรวจสอบเขาได้ในระดับหนึ่ง

 

กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

เส้นแสงหิ่งห้อยไม่กี่บรรทัดปรากฏขึ้น

 

“กำบังซ่อนพลังงาน เป็นอุปกรณ์ระดับสูงที่ใช้ปกปิดความแข็งแกร่ง มีระยะเวลาใช้งาน : 3 วัน”

 

อ่านจบ กู่ฉิงซานก็พยายามที่จะเดินเข้าหาประภาคาร

 

แต่ดูเหมือนว่าจะมีความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับมิติเกิดขึ้น

 

เห็นได้ชัดว่ากำลังก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ทั้งคนทั้งร่างของเขากลับยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม มิอาจเคลื่อนกายไปไหนได้เลย

 

ห่วงชูชีพชมพูหัวเราะออกมา

 

“เจ้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถเข้าไปได้”

 

ขณะกล่าว มันก็เปลี่ยนรูปตนเองเป็นกระดานโต้คลื่นสีชมพู และปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของกู่ฉิงซาน

 

“มาเถอะ ข้าจะเป็นคนพาเจ้าทะลวงมิติไปที่นั่นเอง”

 

“เข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก

 

เขาหยั่งเท้า เริ่มทำการรักษาสมดุลบนกระดานโต้คลื่น

 

และในทันใด กระดานโต้คลื่นก็ระเบิดความเร็วออกมา จนผิวน้ำแยกออกจากกันเป็นสองฟากฝั่ง และเร่งมุ่งตรงไปยังประภาคาร

 

เมื่อใกล้เข้ามา ในสายตาของเขา ตัวของประภาคารก็เริ่มจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

กู่ฉิงซานพบประตูเล็กๆอยู่ใต้ประภาคาร

 

และด้วยความเร็วของกระดานโต้คลื่น ทำให้เพียงไม่นาน กู่ฉิงซานก็มาถึงประตูเล็กที่ว่า

 

มีผู้คนมากมายกำลังรออยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว

 

ผู้คนเหล่านั้นยืนกระจัดกระจายแบ่งกันเป็นหลายกลุ่ม ทว่าทั้งหมดดูจะแสดงออกถึงความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

 

กู่ฉิงซานลอบสังเกตพวกเขาอย่างลับๆ และพบว่าแต่ละกลุ่มกำลังพูดภาษาที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้

 

คนเหล่านี้กระซิบคุยกันแต่ในกลุ่มของตัวเอง และไม่คิดจะไปรบกวนกลุ่มอื่นๆ

 

ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเข้าใจถึงภาษาที่พวกเขาพูด กระทั่งลักษณะที่ปรากฏของพวกเขามันก็ยังมองได้ไม่ชัดเจน

 

พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนกับเป็นภาพเงาสีดำที่สามารถมองเห็นได้คลุมเครือ ทว่าใบหน้าที่แท้จริงกลับถูกปกคลุมไปด้วยความมืด

 

“ไม่ต้องสนใจพวกมันหรอก คนเหล่านั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงโลกมิติอนันต์ พวกเขาทำได้แค่เพียงมาที่นี่และเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นเท่านั้น” กระดานโต้คลื่นกล่าว

 

แล้วมันก็เปลี่ยนรูปกลับเป็นห่วงชูชีพอีกครั้ง

 

“เหตุใดรูปลักษณ์ของพวกเขาจึงถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำ?” กู่ฉิงซานถามเสียงกระซิบ

 

“เพราะคนเหล่านี้เพียงค้นพบโลกใบนี้ได้ชั่วคราว และไม่ได้รับการยอมรับจากหอสูง ดังนั้นจึงทำได้แค่เพียงมาเฝ้าดูเท่านั้น”

 

“เช่นนั้นแล้วข้าเล่า?”

 

“แน่นอนว่าไม่เหมือนกับพวกเขา” อีกม้วนคัมภีร์กล่าว

 

ม้วนคัมภีร์เด้งออกจากตัวกู่ฉิงซาน และคลี่ออกอย่างช้าๆ

 

บนม้วนคัมภีร์ เต็มไปด้วยตัวอักษรอันแปลกประหลาดถูกขีดเขียนเอาไว้ พร้อมหลากหลายตราประทับและรอยพิมลายนิ้วมือ

 

นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นใบรับรองสำคัญ

 

ทันทีที่ม้วนคัมภีร์ปรากฏขึ้น บริเวณโดยรอบก็ระเบิดเสียงฮือด้วยความชื่นชมอิจฉาไปทั่ว

 

ใบรับรองกลั้วลำคอตนเองเพื่อที่จะกล่าวให้มันชัดเจน และเปล่งเสียงตะโกนออกมาว่า “อะแฮ่ม อะแฮ่ม ท่านผู้พิทักษ์ ได่โปรดอนุญาตให้ข้านำคนของข้าเข้าสู่หอสูงด้วย”

 

พร้อมกันกับเสียงตะโกนนี้ ประตูหน้าของหอคอยสูงก็เปิดขึ้นทันใด

 

ตามด้วยชราชราในชุดคลุมม่วงที่สวมหมวกปลายแหลมเดินออกมา

 

ฝูงชนโดยรอบต่างพากันหลีกทางให้เขาทันที

 

ทั้งหมดปิดปากเงียบ และจับจ้องไปยังชายชราอย่างใกล้ชิด ไม่มีผู้ใดกล้าเปล่งเสียงทำลายความสงบเงียบนี้เลย

 

ชายชราเดินมาถึงหน้ากู่ฉิงซาน และคว้าใบรับรอง เพ่งสายตาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง

 

“อืม ไม่มีอะไรผิดปกติ นี่มันเป็นใบรับรองไว้ใช้เปิดหูเปิดตา”

 

ชายชรากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองกู่ฉิงซาน “นอกจากนี้ เจ้ายังสามารถไปยังโลกสุดยอดมิติที่กำหนดเอาไว้ได้อีกหนึ่งครั้ง”

 

“ขอบพระคุณท่านมาก” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“จงตามข้ามา” ชายชราส่งม้วนคัมภีร์คืนให้กู่ฉิงซาน และหันหลังเดินกลับไป

 

ขณะที่กำลังเดิน ปากของชายชราก็งึมงำในสิ่งที่คิดออกมา “เกิดผู้โดยสารที่ไม่คาดคิดขึ้นมาซะแล้ว โชคดีจริงๆที่มีที่นั่งว่างพอดีในเวลานี้”

 

กู่ฉิงซานเดินตามชายชราหายเข้าไปในประตู และ-

 

-ปัง!

 

เสียงประตูดังปิดตามหลังเขา

 

ตามด้วยเสียงฮือฮาของความอิจฉาที่ดังลอดเข้ามาจากภายนอก

 

ท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงของชายชราที่ดีดนิ้วดังเป๊าะ

 

พร้อมกับกลุ่มก้อนเปลวไฟที่ปรากฏขึ้น และลอยอยู่ข้างกายเขา

 

“ก่อนที่จะขึ้นไปบนเรือ โปรดอนุญาตให้ข้าทำการตรวจสอบดูก่อน ว่าเจ้าได้นำวัตถุที่เป็นอันตรายเข้ามาหรือไม่” ชายชราเอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน

 

วัตถุอันตราย?

 

กู่ฉิงซานย้อนนึกอย่างรวดเร็ว

 

จากเท่าที่นึกดู ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้นำสิ่งที่ดูเป็นอันตรายอะไรมานะ

 

“เชิญทำตามที่ท่านต้องการ” กู่ฉิงซานตอบรับ

 

ชายชราที่เห็นถึงปฏิกริยาของเขา ท่าทีการแสดงออกของตนจึงดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

“แสงจรัสแห่งภูมิปัญญา” ชายชราเอ่ยงึมงำ

 

แล้วกลุ่มก้อนเปลวไฟข้างกายเขาก็สาดแสงอบอุ่นสว่างไสวลงบนร่างของกู่ฉิงซาน

 

ในตอนแรก มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

 

แต่ขณะที่ชายชราและกู่ฉิงซานกำลังจะผ่อนคลายลงนั้นเอง จู่ๆตราประทับโลหะก็ผุดออกมา และปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเปลวไฟ

 

แสงจากเปลวไฟทั้งหมดถูกควบรวมเข้าด้วยกัน และสาดส่องลงบนตราประทับ

 

พร้อมกับลวดลายบนตราประทับที่เปล่งประกายแสงสดใสออกมา

 

มันคือหอคอยทมิฬอันสูงตระหง่าน ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสีแดง