บทที่ 178 คนบินได้[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 178 คนบินได้[รีไรท์]

เฮลิคอปเตอร์กำลังจะบินหนีออกไปจากภูเขาเฉียนหลง

“ในเมื่อมาถึงที่นี่ทั้งที จะรีบหนีไปไหนเล่า” น้ำเสียงที่ราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น ก้องกังวานในอากาศได้ยินชัดเจนถึงหูของทุกคน ทุกคนหันหน้าไปมองทางต้นเสียง

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้สวมใส่ชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ในมือของเขาถือกระบี่ไม้ ดวงตาของเขาสงบสุขุม ชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวแล้ว

ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ก้มหน้ามองลงไปที่ฉู่ชวิ๋นและพูดว่า “ฉู่ชวิ๋น แกมาสายนะ เป็นเจ้าภาพภาษาอะไรกัน”

“มาสายไม่มาสาย ไม่สำคัญหรอก ยังไงฉันก็ไม่ต้อนรับพวกแกอยู่ดี” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นนายท่านฉู่ชวิ๋น เวลาแบบนี้ยังจะทำใจเย็นได้อยู่อีก ฉันนับถือแกจริง ๆ”

“ฉู่ชวิ๋น ไม่ต้องมาทำตัวแกล้งโง่ เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าแกกับสำนักสวรรค์ฟ้าจะต้องตายกันไปข้าง วันนี้ฉันมาก่อกวนงานเลี้ยงของแก แกคงอยากจะฆ่าฉันแล้วใช่ไหมล่ะ?”

ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าขึ้นและตอบพร้อมกับยิ้มว่า “ใช่!”

“ฮ่าๆ ก็ยังดีที่บอกตามความจริง แต่แกจะฆ่าฉันได้ยังไงล่ะ? ฉันบุกฝ่าม่านพลังเข้าไปฆ่าแกไม่ได้ก็จริง แต่ในทางกลับกัน ฉันก็ก่อกวนงานเลี้ยงของแกจนแขกกลับไปเกือบหมดแล้ว ยังไงหมากเกมนี้ฉันก็เป็นผู้ชนะ”

ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 พูดด้วยน้ำเสียงสะใจที่ทำให้ฉู่ชวิ๋นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้สำเร็จ

“คนจากสำนักสวรรค์ฟ้านี่สามหาวเหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถาม

“หมายความว่าไง?” ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าถามกลับมา เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาชอบกลแล้ว

“แกมั่นใจเหรอว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้จริง ๆ” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายสดใส

อีกฝ่ายหนึ่งหัวเราะเยาะตอบกลับมาว่า “ฉู่ชวิ๋น ฉันรู้ว่าแกเก่งกล้าสามารถ แต่ถ้าอยากจะฆ่าฉัน แกก็คงต้องมีปีกบินขึ้นมาแล้วละ” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบระยับด้วยความดูแคลน เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบว่า “คนเราถ้าจะบินจริง ๆ ต่อให้ไม่มีปีกก็บินได้!!”

ฉู่ชวิ๋นพูดจบ ไม่รอให้อีกฝ่ายหนึ่งว่าอะไรต่อ เขาก็เดินขึ้นไปบนอากาศ เดินขึ้นไปด้วยเท้าเปล่า เดินขึ้นไปบนอากาศ ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่ได้แต่ยืนมองอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

นี่พวกเขากำลังเห็นสิ่งใดอยู่กันแน่?

ฉู่ชวิ๋นเดินขึ้นไปบนอากาศ เหมือนมีขั้นบันไดที่มองไม่เห็นรองรับเท้าของเขาอยู่ ฉู่ชวิ๋นสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้จริง ๆ ถึงไม่อยากเชื่อแค่ไหนทุกคนก็ต้องเชื่อแล้ว

บนเฮลิคอปเตอร์ ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป เขามาตั้งสติได้เมื่อฉู่ชวิ๋นลอยตัวเข้ามาอยู่ห่างจากเฮลิคอปเตอร์ไปไม่ถึงยี่สิบเมตร

“รีบหนีสิวะ!” ชายชราคำรามด้วยความหวาดกลัว

วิชาตัวเบาคือวิชาทั่วไปในโลกยุทธภพ โดยอาศัยแรงดีดตัวจากที่สูงประกอบกับแรงกดอากาศที่ต่ำ ก็จะสามารถทำให้ผู้ที่ใช้วิชาตัวเบาสามารถลอยตัวในอากาศได้

จากการบันทึกในประวัติศาสตร์ ยอดฝีมือหลายคนสามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่คงมีแค่เพียงเทพเซียนเท่านั้น ที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้แบบนี้

แล้วฉู่ชวิ๋นเป็นตัวอะไรกันแน่? ทำไมถึงเดินในอากาศได้หน้าตาเฉย

ฉู่ชวิ๋นหยุดยืนอยู่กลางท้องฟ้า กระบี่ไม้ในมือกวัดแกว่งไปมา ตัวกระบี่เกิดเป็นประกายสีทองวูบวาบและหายไปในอากาศ

ฉับ!

บังเกิดเหมือนเสียงคมกระบี่ตัดใบไม้ดังขึ้น ทุกคนได้แต่เบิกตาโตจนดวงตาแทบถลนออกนอกเบ้า

พวกเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งถูกกระบี่ของฉู่ชวิ๋นตัดขาดเป็นสองท่อนและหล่นลงไปกลางอากาศ

ตู้ม!

เฮลิคอปเตอร์ตกลงมากระแทกเข้ากับหน้าผาหินที่อยู่สุดขอบม่านพลัง แรงระเบิดส่งเปลวไฟกระจายไปทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับหมอกควันสีดำที่ลอยขึ้นฟ้า

ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าหวาดกลัวแทบตายแล้ว รีบร้องบอกให้นักบินของตัวเองขับหนีไปทันที ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาของเขามีแต่ความเย็นชา ชายหนุ่มตวัดกระบี่อีกครั้ง พลังลมปราณจากกระบี่ของเขาพุ่งตัดอากาศไปกลางท้องฟ้า

ฉับ!

ประกายไฟสาดกระจายไปทั่วตัวถังเครื่องบิน พลังลมปราณจากกระบี่ตัดตัวถังเครื่องบินเหมือนกับตัดเนย ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ถูกตัดจนหลุดออกไม่เหลือชิ้นดี ชิ้นส่วนของใบพัดกระเด็นไปทุกหนทุกแห่ง

แล้วเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น ก็เริ่มร่วงลงมากลางอากาศ นี่คือครั้งแรกที่ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ของสำนักสวรรค์ฟ้าต้องปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

เฮลิคอปเตอร์กำลังจะตก เขาต้องรีบกระโดดหนีออกมาแล้ว แต่อย่างน้อยชายชราก็เป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 เขารีบโคจรพลังลมปราณอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นม่านพลังที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ หลังจากนั้น ชายชราก็พยายามควบคุมความเร็วตอนที่ร่างของตนเองร่วงตกลงมา ไม่ให้กระแทกพื้นแรงเกินไป

ตู้ม!

เฮลิคอปเตอร์ตกลงไปกระแทกกับหน้าผาหิน ซึ่งเป็นสุดเขตแดนของม่านพลังพอดี มันระเบิดตัวกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่

ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นก็เริ่มร่วงลงมาจากกลางอากาศแล้วเช่นกัน

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะด้วยความเศร้าใจ ระดับฝีมือของเขาตอนนี้ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างแท้จริง นี่เป็นเพียงแค่ทักษะวิชาตัวเบาทั่วไปเท่านั้น ที่เขาสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะการช่วยเหลือของม่านพลัง ซึ่งส่งพลังให้เขาลอยตัวได้จากหินวิญญาณที่ชายหนุ่มแกะสลักเอาไว้ ถ้าเป็นหินวิญญาณของจริงทั้งหมด เขาก็จะสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่นี่คือศิลาวิญญาณของปลอม เมื่อเขายืมพลังจากมันมาลอยตัวได้ประมาณห้านาที ศิลาวิญญาณเหล่านั้นก็จะแหลกสลายกลายเป็นผงไปแล้ว

ในขณะนี้ ร่างของทั้งสองคนร่วงตกลงมาจากกลางอากาศด้วยความสูงนับร้อยเมตร ร่างหนึ่งก็คือฉู่ชวิ๋น ส่วนอีกร่างก็คือขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 จากสำนักสวรรค์ฟ้า

ถึงแม้ว่าชายชราจะพยายามควบคุมสมดุลร่างกายและความเร็วตอนที่ร่วงตกลงมา แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมกระแสลมได้ ด้านล่างของเขาเป็นกองไฟที่ลุกลามขึ้นมาจากซากเฮลิคอปเตอร์ ถึงพยายามจะหลบเลี่ยงอย่างไร แต่สุดท้ายชายชราก็ตกลงไปในกองไฟนั้น โชคดีที่ร่างกายของเขามีพลังลมปราณห่อหุ้มเอาไว้ เปลวไฟจึงทำอันตรายผิวหนังของชายชราไม่ได้ เพียงแต่ทำให้ต้องร้องโหยหวนออกมาเพราะอุณหภูมิที่สูงจัดเท่านั้น

ชายชรารีบม้วนตัวตรงเข้าไปหาม่านน้ำตก แต่ใครจะคิดเลยว่าเขากลับทะลุม่านน้ำตกไปกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง ส่งผลให้ใบหน้าของผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าทั้งเจ็บปวดและอับอาย

อุตส่าห์วางแผนเสียดิบดีว่าจะกระโดดหนีกองไฟ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ต้องตกมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนผู้เป็นพรรคพวกของฉู่ชวิ๋น มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

ถึงจะพยายามควบคุมความเร็วตอนที่ร่วงลงมาสักแค่ไหน แต่สุดท้ายชายชราก็ร่างกระแทกพื้นดินในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

บังเกิดเสียงโครมครามดังสนั่น ก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ในลานจัตุรัสถูกกระแทกจนแตกกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง

เฮือก!

ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าอ้าปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็เห็นว่าตรงบริเวณที่ชายชราตกลงมาเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ชายชรานอนอยู่ในหลุมนั้น เสื้อผ้าขาดวิ่น ท่าทางอ่อนแรง พลังลมปราณที่เคยห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ก็สูญสลายหายไปแล้ว

ครืน!

ภูเขาเฉียนหลงสั่นสะเทือนเล็กน้อย พื้นดินถูกกระแทกอย่างแรงจนเกิดรอยร้าว ส่งฝุ่นผงปลิวฟุ้งในอากาศจนมองอะไรแทบไม่เห็นไปชั่วขณะฉู่ชวิ๋นลงมาถึงพื้นแล้ว ทุกคนหันไปมอง

เมื่อฝุ่นผงจางหายไป เงาร่างหนึ่งก็ยืนโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าของเขายับยู่ยี่ ชุดสีขาวที่สวมใส่อยู่เต็มไปด้วยคราบฝุ่นสกปรกแต่ก็ไม่ได้ลดความน่าเกรงขามของเขาลงเลย ทุกคนไม่ตกใจก็ไม่ได้แล้ว

ในขณะที่ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้าตกลงมาในสภาพปางตาย แต่ในเวลาเดียวกัน ฉู่ชวิ๋นกลับตกลงมาถึงพื้นดินในสภาพปกติ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ชายชราพยายามขยับร่างกายอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขากระตุกอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายชราจะยิ้มออกมาด้วยความเศร้า กระดูกของเขาแตกหักเกือบจะทั่วร่างกาย

“ตอนที่แกมาที่นี่ เฉินหวูฮุยรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบอะไร

ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าที่เย็นชามากยิ่งขึ้น พูดว่า “แม้แต่หมามันยังไม่ฆ่าลูกตัวเอง ฉันหลงเข้าใจมาตลอดว่าเฉินหวูฮุยเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้า ยังไม่ใช่ตัวร้ายที่เลวทรามเกินไป แต่ดูเหมือนฉันจะประเมินเขาต่ำเกินไปเสียแล้ว นอกจากจะส่งคนมาฆ่าฉัน เขายังส่งคนมาพยายามฆ่าลูกชายตัวเอง ต้องเป็นคนใจคออำมหิตขนาดไหนกันนะ ถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ!” หลายคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปถึงกับตกตะลึงไปแล้ว

“ทุกคนคงทราบดีแล้วว่าตัวผมเองมีความแค้นกับสำนักสวรรค์ฟ้า พวกเขาจับตัวพ่อแม่ผมเอาไว้ ผมก็เลยจับตัวเฉินเฉาลูกชายของเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้าเป็นการแก้แค้น แต่ทุกคนดูให้ดีเถอะ เขากลับส่งคนมาทำลายภูเขาเฉียนหลง เพื่อหวังจะฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่รวมถึงตัวของเฉินเฉาเองด้วย เพราะถ้าหากลูกชายของเขาตายไป เฉินหวูฮุยก็จะกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบเหมือนเดิม เพราะพ่อแม่ของผมยังคงอยู่ในกำมือของเขา…”

ทุกคนที่ได้ยินดังนี้ต่างก็สาปส่งเฉินหวูฮุยว่า มีใจคอโหดร้ายเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่ความเป็นพ่อ แม้แต่ความเป็นมนุษย์ก็ไม่มีอยู่ในตัวด้วยซ้ำ