ตอนที่ 187 : ฝังทั้งเป็น

แท้ที่จริง รอยเลือดนี้หวังเย่าจงใจทิ้งเอาไว้

เมื่อไม่เห็นศพของเพื่อน ถันเจี้ยนซวนก็ไม่คิดล่าถอย แม้จะรู้ว่านี่อาจจะเป็นอุบาย แต่เขาเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเอง แผนการและกับดักนั้นต่อหน้าความแข็งแกร่งแล้วมันไม่อาจจะใช้ได้ผล

ดังนั้นเขาจึงเดินตามรอยเลือดนี้ไป

หวังเย่าซุ่มอยู่ในโพรงข้าง ๆ กับทางเดิน เพื่อรอให้ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงเดินเข้ามาหา

ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงสบถ

“ไอ้เด็กนั่นวางกับดักไว้ที่นี่ด้วย”

เมื่อเห็นกับดักแบบเดิม เกาเฉียงก็ฮึดฮัดออกมา เพราะเขาไม่มีทางหลงกลแบบเดิมอีกแล้ว

ดังนั้นเขาจึงเอาหอกออกมาเพื่อใช้สำรวจเส้นทางข้างหน้าก่อนจะเดินไป

ตือโป๊ยก่ายได้เปลี่ยนเป็นเงาคอยติดตามทั้งสองคน พร้อมกับส่งข้อมูลให้กับหวังเย่า

หวังเย่าฮึดฮัด ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา  “คิดอย่างนั้นหรือ ? ”

ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ส่วนเขาอยู่ในที่มืด เขามีลูกแก้ววิญญาณดินที่ควบคุมดินได้ เมื่อผีเสี่ยวเปียวตายไปแล้ว เกาเฉียงและถันเจี้ยนซวนก็ไม่ต่างอะไรจากหมูในอวย

มันมีหลายวิธีที่จะฆ่าพวกนี้ได้

หวังเย่าคิดถึงวิธีที่ง่ายและโหดร้ายที่สุดเอาไว้

“ผีเสี่ยวเปียวตายโดยไม่ต้องทรมานอะไรมาก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงอะไร แต่ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงน่ะทำแต่เรื่องชั่ว ๆ ไว้มากมายอย่างฆ่าข่มขืน”

หวังเย่าแสดงท่าทีเย็นชาออกมา และเขาได้คิดหาทางตายให้กับสองคนนี้ไว้แล้ว

ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงตามรอยเลือดไปได้ 200-300 เมตร แต่ก็ยังไม่พบร่างของผีเสี่ยวเปียวรึหวังเย่าแต่อย่างใด

“หัวหน้า ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”  เกาเฉียงเริ่มตัวสั่นและพูดขึ้น  “มันผิดปกติ แต่ฉันบอกไม่ได้ว่ามันผิดปกติตรงไหน ฉันรู้สึกว่าถ้าเรายังเดินหน้าต่อไปแบบนี้ เราจะ…”

เขาไม่ได้พูดต่อเพราะเขาเชื่อว่าถันเจี้ยนซวนเข้าใจที่เขาพูดเป็นอย่างดี

ถันเจี้ยนซวนชะงักและพูดขึ้นมา   “ฉันว่าผีเสี่ยวเปียวน่าจะโดนฆ่าไปแล้ว ถ้าหากเขายังเคลื่อนไหวได้ ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งพวกเราไปไกลขนาดนี้ แต่หากผีเสี่ยวเปียวบาดเจ็บหนักและถูกเด็กนั่นไล่ล่า แล้วทำไมกับดักต่าง ๆ ถึงไม่ทำงานแล้วล่ะ ต้องรู้ว่าพวกเราเจอกับดักระหว่างทางมา 4-5 อันแล้ว”

“มันอาจจะจริง ผีเสี่ยวเปียวตายไปแล้วและเลือดนี่ก็ทำไว้เพื่อล่อลวงเรา การที่เด็กนั่นล่อเรามาที่นี่ก็อาจจะเพื่อยื้อเวลาสำหรับแผนการของมัน รึไม่ก็ขังเราไว้ที่นี่ เราต้องหาคำตอบเรื่องนี้”

“แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กนั่นเลย มันอาจจะรู้จักเราดี ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้ว เราควรจะถอยกลับก่อน”

เกาเฉียงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เขาจึงตกลงทันที ทั้งสองพากันหันหลังกลับและเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม

แต่ทันทีที่พวกนั้นหันหลังกลับก็พบร่างร่างหนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร

“ไอ้หนู ฉันรู้ว่าเป็นแก ไม่ต้องคิดซ่อนตัวหรอก” เกาเฉียงตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้าแล้วแทงหอกออกไป

“เกาเฉียง อย่าใจร้อน นายลืมเรื่องระเบิดไปแล้วรึไง”  ถันเจี้ยนซวนรีบห้าม

เกาเฉียงได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะกลัวขึ้นมา  เด็กนี่ได้ติดตั้งระเบิดเอาไว้ มันไม่ใช่ระเบิดธรรมดา ซึ่งมันทรงพลังอย่างมาก ไม่ต่างอะไรจากระเบิดจากกองทัพเลยก็ว่าได้

หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ที่ฉันกล้าโผล่มาแบบนี้ก็เพราะฉันมั่นใจ  นี่ไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการรึไง ? ”

“ไอ้หนู น้องฉันหายไปไหน ? แกทำอะไรกับเขา ? ”  ถันเจี้ยนซวนถามขึ้นมา

“เขาอยู่ไหนไม่สำคัญหรอก เพราะพวกแกจะได้ตามน้องแกไปในไม่ช้า เขารอพวกแกอยู่ในอีกโลกแล้วล่ะ” หวังเย่าฮึดฮัดออกมา

“ไอ้หนู อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าแกมีอะไรดีถึงคิดว่าจะฆ่าพวกฉัน 2 คนได้”  เกาเฉียงแสยะยิ้มออกมา เขาไม่กลัวที่จะสู้กับอีกฝ่ายซึ่ง ๆ หน้า  แต่ที่เขากลัวคือกับดัก

“งั้นหรือ ? งั้นก็มาเลย”   หวังเย่าพลิกฝ่ามือพร้อมกับลูกแก้ววิญญาณดินที่โผล่มาในมือซ้ายและลูกแก้ววิญญาณไฟในมือขวา ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะเยาะออกมา  “ด้านหลังพวกแกเป็นทางตันแล้ว ตอนนี้ฉันจะให้ทางเลือกกับพวกแก 2 ทาง พวกแกอยากโดนเผาทั้งเป็นรึฝังทั้งเป็น ก็เลือกมา ? ”

ตอนนั้นรอยยิ้มของถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงก็แข็งทื่อไป สีหน้าของทั้งสองบิดเบี้ยว ถ้าหวังเย่าไม่พูด พวกเขาคงไม่รู้ตัว

“ลูกแก้ววิญญาณดิน ลูกแก้ววิญญาณไฟ…”  ถันเจี้ยนซวนหรี่ตาลง  “ ไอ้หนู แกกล้าทำจริง ๆ หรือ ? ”

“ฉันจะกล้าไม่กล้างั้นแกก็รอดูละกัน ฉันจะฝังแกทั้งเป็น”

มันดีกว่าที่จะฝังพวกนี้ทั้งเป็น อย่างน้อยก็ยังเหลือร่างเพื่อเอาไปรับค่าหัวได้บ้าง

หวังเย่ายิ้มออกมา แค่คิดก็มีเสียงถล่มดังขึ้น หินและดินบนเพดานของโพรงนั้นถล่มลงมาปิดช่องทางนั้นเอาไว้

มันไม่จบแค่นั้น ความเร็วของดินที่ถล่มลงมานี้ไม่ได้ลดลงเลย ไม่นานก็ถล่มลงมาถึงจุดที่ทั้งสองคนอยู่

สีหน้าของถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงบิดเบี้ยวไป พวกเขาได้แต่หันหลังเพื่อที่จะหนี

แต่อีกด้านนั้นก็มีแต่ทางตัน เมื่อพบกับทางตัน ทั้งสองก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา

“นี่เราจะโดนฝังทั้งเป็นจริง ๆ หรือ ? ”

ตอนนี้พวกเขาอยู่ใต้ดินที่ลึกกว่า 60-70  เมตร และพวกเขาไม่มีทางขุดขึ้นไปได้ทัน

ครืน….

ดินและหินจำนวนมากหล่นลงมากดทับร่างกายของทั้งสองเอาไว้ แรงกดนั้นมีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่น่าสิ้นหวังที่สุดคือทั้งสองไม่อาจจะหายใจได้ตามปกติ พวกเขาต้องเปิดการทำงานของเครื่องออกซิเจนในหมวก แต่หมวกนั้นมีออกซิเจนไม่มากพอและถูกใช้ไปก่อนหน้านี้จำนวนมากแล้ว เดาว่าพวกเขาคงอยู่ได้แค่ 20-30 นาทีเท่านั้น

หวังเย่าใช้ลูกแก้ววิญญาณดินเพื่อให้ดินเพิ่มแรงกดทับให้มากขึ้นไปอีก

ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงโดนดินกดทับจนไม่อาจจะเรียกอสูรของตัวเองออกมาได้ แม้แต่กระเป๋ามิติก็ไม่อาจจะใช้ได้

แม้ว่าจะมีหมวกใบอื่นอยู่ในกระเป๋ามิติแต่มันก็ไม่อาจจะดึงออกมาใช้ได้

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก  เขารู้สึกพอใจกับการฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ต้องใช้อาวุธใด ๆ เขารู้สึกพอใจกับการใช้สมองของเขา เขาแค่รอสักพักแล้วค่อยไปเก็บร่างของทั้งสอง แค่นี้ก็เรียบร้อย

แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะกลับไปพาหญิงสาวเหล่านั้นขึ้นไปยังพื้นดินแล้ว

ครืน !

เขาเปิดอุโมงค์ออก ไม่นานเขาก็ไปถึงโพรงที่สาว ๆ อยู่

เมื่อเห็นหวังเย่าปรากฏตัวขึ้นมา สาว ๆ ก็พากันมองไปที่หวังเย่า

“หวังเย่า ในที่สุดนายก็กลับมา”  หลิงชิงซวินเดินเข้ามาและพูดขึ้น

หวังเย่าปาดเหงื่อและพูดขึ้นมา  “ตอนนี้เราสบายใจได้แล้ว ฉันฆ่าสามคนนั่นแล้ว ฉันจะพาพวกเธอกลับขึ้นไปด้านบนไ

“อะไรนะ นายฆ่าพวกนั้นแล้วจริงหรือ ? ”

“ฮ่าฮ่า..พวกชั่วสามคนนั่นตายไปแล้ว”