ตอนที่ 210 ครัวเรือน 10,000 หยวน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 210 ครัวเรือน 10,000 หยวน

เมื่อคุณแม่อวิ๋นเห็นเชอร์รี่ที่ลูกสาวถือมาจึงพูดขึ้น “ตอนนี้ชีวิตของแกกับเจี้ยนเหวินก็ยังลำบากอยู่ ทำไมถึงซื้อเชอร์รี่อีก นี่ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ!”

“ที่บ้านพี่สามเขาปลูกเชอร์รี่เองค่ะ ตอนนี้เอามาขายในเมืองเจียงสุ่ย เลยเอามาฝากฉันกับเจี้ยนเหวิน ฉันเอามาให้พ่อกับแม่ลองชิมดูค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

คุณแม่อวิ๋นได้ยินดังนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าปีที่แล้วลูกสาวพูดถึงเรื่องเชอร์รี่มาบ้างแล้ว จึงยิ้มออก “ปีที่แล้วหลังจากหลานกินเสร็จก็ชอบมันมาก ยังพูดถึงอยู่ตลอดเลย”

“งั้นก็ให้พวกเขากินเถอะค่ะ”

จากนั้นหล่อนก็เทออกมาเล็กน้อย โดยไม่สนใจสายตาของพี่สะใภ้ เมื่อล้างเสร็จก็เอามาให้แม่ชิม “แม่ลองชิมด้วยสิคะ”

ถ้าหล่อนกลับไป แม่ของหล่อนคงไม่ยอมกินสักลูก

“ได้สิ” คุณแม่อวิ๋นยิ้มและกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย “ตอนนี้พี่เขยสามของแกเก่งไม่เบาเลย”

“เก่งจริง ๆ ค่ะ คนแถวนั้นมีใครบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของเขา? ไม่ใช่ว่าตอนนี้มีการประกาศครัวเรือน 10,000 หยวน*ไปแล้วเหรอคะ หากเลื่อนออกไปสักหน่อย เขาก็ได้เป็นครัวเรือน 10,000 หยวนด้วยแน่นอนค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่พูดด้วยรอยยิ้ม

*ครัวเรือน 10,000 หยวน ตามชื่อหมายถึงครอบครัวที่มีเงินฝากหรือมีรายได้มากกว่า 10,000 หยวน คำว่าครัวเรือน 10,000 หยวน ได้รับการประกาศเกียรติคุณในช่วงปลายทศวรรษ 1970

“มีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?” เดิมทีคุณแม่อวิ๋นแค่ถามเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้เป็นถึงครัวเรือน 10,000 หยวน นี่มันสุดยอดมาก!

สะใภ้ใหญ่อวิ๋นได้ยินดังนั้นก็เย้ยหยันขึ้นมาทันที “น้องรองนี่โม้ใหญ่แล้ว ถ้ารวยขนาดนั้น ตอนที่เธอกับเจี้ยนเหวินซื้อบ้าน ยังต้องกลับมายืมเงินที่บ้านแม่อีกเหรอ! ”

จนถึงตอนนี้หล่อนยังคงคิดถึงเงิน 500 หยวนนั่น!

ถึงจะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ก็ยังไม่ได้คืนแม้แต่เฟินเดียว! 

 

“นั่นมันเมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่ถึงระดับนี้ ปีที่ผ่านมาพี่สะใภ้รู้รึเปล่าว่าคะพี่สามมีธุรกิจมากมายขนาดไหน รู้ไหมว่าตอนนี้เขาจ้างคนงานประจำกี่คน? มีตั้งสิบกว่าคน!” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว

  

หล่อนเป็นลูกคนที่ 4 ของตระกูล มีพี่ชาย 2 คนและพี่สาวอีก 1 คน หล่อนเป็นลูกสาวคนที่ 2 ปกติจึงถูกเรียกว่าน้องรอง การมาของหล่อนในวันนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้พี่สะใภ้ทั้ง 2 ไม่น้อย มีเพียงสะใภ้ใหญ่อยู่ที่นี่

แต่แค่คนเดียวก็พอแล้ว

คนงานประจำกว่า 10 คนงั้นหรือ?

สะใภ้ใหญ่อวิ๋นตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมกล่าวด้วยความสงสัย “น้องรองตอนนี้ฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว เธอกล้าพูดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?”

“ทำไมฉันถึงกล้าพูดเรื่องแบบนี้น่ะเหรอ? พี่สะใภ้รู้รึเปล่าว่าครอบครัวของพี่สามได้ซื้อภูเขามาทำสวนผลไม้ 2 ลูก ภูเขา 1 ลูกจ้างคนงาน 4 คน มีสวนผลไม้ 2 แห่งเท่ากับมีคนงานในสวน 8 คน และยังมีอ่างเก็บน้ำที่จ้างคนงานมาเฝ้าอีก 2 คน นี่ยังไม่นับพี่รองและภรรยาของเขา ตอนนี้พี่รองมีหน้าที่ขับรถขนส่งสินค้าให้พี่สาม รถบรรทุกขนาดใหญ่ราคาตั้ง 5,000 ถึง 6,000 หยวน ส่วนภรรยาของพี่ใหญ่ทำงานในห้างสรรพสินค้าที่พี่สามเป็นหุ้นส่วนอยู่ในเมือง พี่สะใภ้รู้ไหมคะว่าพี่สามจ่ายค่าจ้างให้คนงานประจำเดือนละเท่าไหร่?” อวิ๋นลี่ลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ในชนบทแบบนั้นจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว? 10 หยวน หรือ 20 หยวนก็ดีมากแล้ว” แม้สะใภ้ใหญ่อวิ๋นจะรู้ว่าหญิงสาวกำลังโอ้อวด แต่หล่อนก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“งั้นพี่สะใภ้ก็คิดผิดแล้วล่ะ พี่สามจ่ายค่าจ้างให้คนงานประจำเดือนละ 30 หยวน!” อวิ๋นลี่ลี่พูด

“30 หยวน?” สะใภ้ใหญ่อวิ๋นตะลึงงัน สามีของหล่อนออกไปทำงานข้างนอกก็ได้เงินเดือนเพียง 30 หยวนเท่านั้น!

“แต่นี่เป็นเงินเดือนของปีที่แล้วนะคะ ปีนี้ฉันได้ยินแม่สามีบอกว่ายกเว้นคนงานใหม่ที่เฝ้าอ่างเก็บน้ำ 2 คนนั้น คนอื่น ๆ จะเพิ่มเงินให้เป็น 35 หยวนแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่แค่นเสียงด้วยความพึงพอใจในอาการตกตะลึงของอีกฝ่าย

“ทำงานแค่นี้ ให้เงินเดือนสูงขนาดนั้นเลยเหรอ?” สะใภ้ใหญ่อวิ๋นโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้

“งานแค่นี้อะไร ในสวนผลไม้ยังมีฟาร์มไก่ คอกแกะ เล้าหมูอีก ฟาร์มไก่ทั้ง 2 ที่นั้นรวมแล้วมีไก่กว่า 2,000 ตัว ไหนจะหมูอีก 30 ตัว ตอนนี้น้ำหนักตั้ง 100 ชั่งแล้ว ตอนที่แม่สามีโทรมาบอกว่าพี่สามจะเลี้ยงไว้ขายตอนสิ้นปี เดาว่าตอนนั้นหมูคงโตถึง 300 ชั่งแล้ว ดูราคาเนื้อหมูทุกวันนี้สิ หมู 30 ตัวจะขายได้เท่าไหร่?” อวิ๋นลี่ลี่พูดเองยังรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาเอง

ในปีที่ผ่านมาเนื้อหมู 1 ชั่ง ราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 เหมา ปีนี้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันและเพิ่มมากกว่า 1 หยวนอีกด้วย เมื่อถึงสิ้นปีราคาจะต้องสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน

แม้ว่าราคาจะไม่เพิ่ม แต่ด้วยราคาปัจจุบัน หมูน้ำหนัก 300 ชั่ง ราคา 300 หยวน ดังนั้นหมู 30 ตัว ก็เป็นเงินเกือบ 10,000 หยวนแล้ว!  

 

นี่เป็นเงินมหาศาลขนาดไหนกัน?  

 

สะใภ้ใหญ่กับคุณแม่อวิ๋นต่างตกตะลึง ตระกูลจี้เลี้ยงหมูถึง 30 ตัวเลยเหรอ?   

ตอนนี้ราคาเนื้อหมูเป็นอย่างไรพวกเธอล้วนรู้ดี ถึงเวลานั้นจะได้เงินเท่าไหร่กันนะ?

“ตอนแรกฉันก็อยากยืมเงินพี่สามมาคืนให้อยู่เหมือนกัน แต่ทำยังไงได้ พี่สามเพิ่งทำสัญญาเช่าอ่างเก็บน้ำไปเมื่อปีที่แล้ว อ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งทำสัญญา 20 ปี ราคามากกว่า 3,000 หยวน เลยมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หลังจากเสร็จฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว ฉันจะหน้าด้านไปขอยืมเงินจากเขามาจ่ายคืนให้” อวิ๋นลี่ลี่พูดต่อหน้าพี่สะใภ้ของหล่อน

เพราะการที่หล่อนขอยืมเงิน 500 หยวนจากพ่อกับแม่ ทำให้ต้องทนทุกข์กับความเย็นชาอันรุนแรงจากพี่สะใภ้ทั้ง 2 คนของเธอ

หากพูดตามตรง หล่อนเองก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เสียใจ หากตอนนั้นหล่อนไม่ใจร้ายเอาเงินไปก่อน ตอนนี้หล่อนกับเจี้ยนเหวินคงไม่มีบ้านอยู่แล้ว จากราคาที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เงินจำนวนนั้นจะพอซื้อได้ที่ไหน?

ส่วนเรื่องที่เป็นหนี้นั้น หล่อนกับเจี้ยนเหวินต้องคืนให้อยู่แล้ว หล่อนจดจำถึงความเมตตาที่พ่อกับแม่มีให้หล่อนเสมอ และจะไม่มีวันหลบเลี่ยงมันในอนาคต

“ไม่ต้อง ๆ รอให้ลูกกับเจี้ยนเหวินสะดวกก่อนค่อยว่ากัน ไม่จำเป็นต้องไปติดหนี้เจี้ยนอวิ๋นเขาอีก” อย่างไรก็เป็นลูกสาวของนาง คุณแม่อวิ๋นย่อมไม่อยากให้ลูกสาวเป็นหนี้อีก นางรู้ดีว่าหลานสาวที่เลี้ยงดูอยู่ที่บ้านเกิด น่าจะได้รับการดูแลจากบ้านลุงสามของหล่อนอยู่ไม่น้อย

“ใช่แล้วค่ะ จากเงินเดือนของน้องรองกับน้องเขยตอนนี้ เก็บเงินสักครึ่งปีก็น่าจะจ่ายได้แล้วใช่ไหม?” เดิมทีสะใภ้ใหญ่อวิ๋นรู้สึกว่าความคิดของอวิ๋นลี่ลี่เป็นเรื่องที่ดี แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่าเงินถูกยืมไปตั้งนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้เงินนั้นก็นำมาซื้อบ้านไม่ได้ ถ้าเอามาคืนทีหลังจะมีความหมายอะไร? ในทางตรงกันข้าม จี้เจี้ยนอวิ๋นมีความสัมพันธ์ต่อครอบครัวของหล่อน บางทีอาจจำเป็นต้องพึ่งพาเขาในอนาคต

ตอนนี้เงินเดือนของอวิ๋นลี่ลี่อยู่ที่ 32 หยวน บวกกับเงินอุดหนุนอื่น ๆ ก็เกือบ 35 ถึง 36 หยวนแล้ว

ในวันธรรมดาสองสามีภรรยาจะกินข้าวที่โรงอาหาร เนื่องจากมีบ้านของตัวเองจึงไม่ต้องจ่ายค่าเช่า มีเพียงแค่ค่าสาธารณูปโภคและค่าครองชีพเท่านั้น แต่ละเดือนจึงเหลือเงินเก็บเกือบ 60 หยวน ครึ่งปีก็ได้ถึง 300 หยวนแล้ว อีกอย่างหล่อนเองก็รู้ดีว่าอวิ๋นลี่ลี่กับจี้เจี้ยนเหวินยังใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนสองเดือนเพื่อสอนพิเศษ ดังนั้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาพวกเขาย่อมได้รับเงินเดือนและหาเงินจากข้างนอกได้ไม่น้อยเช่นกัน

นี่ก็เกือบครึ่งปีแล้ว

“ถึงตอนนั้นฉันจะไปยืมเงินพี่สามมาคืนให้ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ตั้งใจแน่วแน่

เดิมทีก่อนที่จะมาหล่อนไม่ได้วางแผนแบบนี้ แต่เมื่อเห็นแม่ของตัวเองอยู่ที่บ้าน โดยที่พี่สะใภ้ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย จึงไม่อยากติดค้างเงินหลายร้อยหยวนนี้อีกแล้ว!