หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.482 – ค่าโดยสาร

 

“ข้าจะต้องไปจัดธุระนิดๆหน่อยๆ แขกผู้มีเกียรติโปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ อีกสักพักจะมีเรือมารับในไม่ช้า” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ทำตามที่ท่านต้องการเถิด” กู่ฉิงซานประสานฝ่ามือและกำปั้นไปทางอีกฝ่าย

 

ชายชราพยักหน้าและหายไปอย่างเร่งร้อน

 

กู่ฉิงซานมองไปยังผู้โดยสารอีกทั้งสามคน

 

ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาทั้งสาม ก็คงจะไม่พ้นชายเสื้อคลุมดำที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า คนๆนั้นกำลังลอยอยู่กลางอากาศและปลดปล่อยกลิ่นอายเจิดจรัสออกมาจากทั่วทั้งตัว

 

ถึงแม้ว่าชายเสื้อคลุมดำผู้นี้จะพยายามระงับความผันผวนของความแข็งแกร่งเอาไว้ก็ตามที แต่ชั้นอากาศรอบตัวเขาก็ยังคงสั่นไหวอยู่ดี

 

ดูเหมือนว่าตราบใดที่เขาเอ่ยปาก โลกทั้งใบก็คงจักต้องปฏิบัติตามเขา

 

นี่คือความแข็งแกร่งของเฉาฟ่าน(ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ)

 

ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความรัก และได้รับการสนับสนุนทุกสิ่งอย่าง

 

หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือ คนๆนี้เป็นเทพวิญญาณ

 

เขาเป็นลูกหลานของเทพบรรพกาล

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม

 

เขาไม่คาดหวังเลย ว่าจู่ๆจะได้พบกับเทพในสถานที่แบบนี้

 

เห็นแค่เพียงเทพวิญญาณในเสื้อคลุมดำกำลังยืนอยู่บนขอบระเบียงอย่างระแวดระวัง เว้นระยะห่างกับผู้โดยสารอีกสองคน

 

ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพคนนี้กำลังหวาดกลัวอยู่กระนั้นหรือ?

 

แล้วสายตาของกู่ฉิงซานก็เบนมองไปยังผู้โดยสารอีกสองคน

 

มันคือไก่หงอนแดงตัวโตกับปืนกล ที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์

 

ใช่แล้วอ่านไม่ผิดไปหรอก มันคือไก่กับปืนกลจริงๆ

 

-อย่างน้อยมันก็ดูคล้ายกับปืนกลล่ะนะ

 

“อะฮ่า! นายรู้อะไรไหม ครั้งสุดท้ายที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันได้ไปเริงระบำอย่างเบามือในจักรวาลของชั้นโลกที่อาศัยอยู่ แล้วจับมอนสเตอร์เอกภพมากินได้ถึงสามตัวเชียวนะ!”

 

ไก่หงอนแดงน้ำลาย ปากเอ่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

กู่ฉิงซานเดินไปยืนอยู่ใกล้ๆ เงี่ยหูตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ

 

นี่มันภาษาของโลกจูหลิน

 

ความคิดดังกล่าว ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา

 

แปลกจัง ฉันรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?

 

กู่ฉิงซานก้มหัวลงมอง

 

และพบว่าคู่มือภาษาหมื่นโลกาในมือเขากำลังเปล่งเสียงกระซิบ

 

หากเป็นตัวเขาในก่อนหน้านี้ คงไม่มีทางกระจ่างว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงสิ่งใด

 

ดูเหมือนว่าหนังสือปกฟ้าจะกำลังทำงานอยู่

 

เพียงหนึ่งร้อยลมหายใจ แต่กลับสามารถเข้าใจภาษาของหมื่นโลกาได้อย่างถ่องแท้

 

นี่สินะความหมายของมัน

 

คู่มือปกน้ำเงินเล่มนี้ มีเพียงเจ้านายของมันเท่านั้นจึงจะได้ยินเสียง มันจะช่วยให้กู่ฉิงซานสามารถเรียนรู้ภาษาของอารยธรรมทั้งหมดได้

 

กู่ฉิงซานถือคู่มือไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่ยังคงได้รับภาษาใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็คอยฟังไก่กับปืนกลคุยกัน

 

“ฉันจะบอกนายว่ามอนสเตอร์เอกภพสายพันธ์ปลาหมึกน่ะมันอร่อยมาก อร่อยสุดๆไปเลย แต่ก็มีคนไม่มากนักหรอกนะ ที่จะปรุงอาหารจานนี้ได้”

 

“งั้นหรอ? น่าเสียดายจัง ฉันเองก็ยังไม่เคยกินมอนสเตอร์เอกภพมาก่อนเลย” น้ำเสียงของปืนกลดูจะผิดหวังเล็กน้อย

 

“ทำไมหรอ? อย่างนายควรจะจับพวกมอนสเตอร์เอกภพได้ง่ายๆสิ” ไก่เอ่ยด้วยความสงสัย

 

“ก็ตราบใดที่ฉันลงมือยิง ไม่ว่าอะไรก็จะถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์น่ะสิ มันไม่เหลืออะไรให้ฉันกินได้เลย” ปืนกลมือถอนหายใจ

 

“อ่าว ถ้าอย่างงั้นปกติแล้วนายกินอะไร?”

 

“ก็ปลูกอะไรซักอย่างไว้กินเอง หรือไม่ก็แวะไปดื่มกินตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น บาร์ ร้านอาหาร คลับ ฯลฯ อะไรพวกนี้” ปืนกลมือกล่าว

 

“แบบนั้นก็ไม่เลวนี่นา เพราะอย่างน้อยบางที่ที่พูดมา ก็มีพ่อครัวปรุงอาหารให้กิน”

 

ขณะกล่าว ไก่ก็ลดหัวลง แล้วแอบมองไปทางผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ

 

มันลดเสียงลงและกล่าวว่า “จริงสิ แล้วนายเคยกินเทพวิญญาณไหม?”

 

ปืนกลกล่าวด้วยความเสียดาย “เทพวิญญาณก็เหมือนกัน หากฉันเริ่มลงมือแล้วล่ะก็ … เฮ้อ โชคไม่ดีเลยจริงๆที่ฉันอดกินของอร่อย”

 

“แล้วถ้าออมมือล่ะ ขนาดออมมือก็ยังไม่เหลือซากเลยหรอ?”

 

“ใช่แล้วล่ะ ต่อให้ฉันใช้พลังแค่เพียงหนึ่งในพันของความแข็งแกร่ง ศัตรูก็ถูกเป่าหายไปไม่เหลือซากอยู่ดี”

 

“ … นายนี่มันช่างน่าสงสารจริงๆ” ไก่กล่าวด้วยความเห็นใจ

 

ขณะที่กำลังพูด ทั้งสองต่างก็พากันแอบมองไปยังผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ

 

แม้ผู้สืบสายโบหิตจากทวยเทพจะรู้สึกตัว แต่ก็ไม่อาจเข้าใจถึงความหมายที่ทั้งสองมองมาได้ จึงยิ่งปลีกตัวออกห่างจากพวกเขา

 

“ดูนั่นสิ เจ้าบ้านนอกนั่นมันไม่รู้ภาษา มันเลยไม่รู้ว่าพวกเรากำลังพูดถึงอะไรอยู่” ไก่พูดจาถากถาง

 

ทันใดนั้นเองปืนกลก็กล่าวว่า “แต่ยังมีไอ้หนุ่มอีกคนนึงอยู่ที่นี่ แถมเขายังเป็นคนที่ผู้พิทักษ์หอสูงเดินมาส่งเป็นการส่วนตัวอีกด้วย”

 

คราวนี้ทั้งไก่ทั้งปืน หันไปมองกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวทักทาย “สวัสดีสหายทั้งสอง”

 

แล้วทั้งไก่ทั้งปืนก็ตะลึงงันไป

 

อีกฝ่าย … ได้พูดภาษาจูหลินออกมา!?

 

เจ้าหนุ่มนี่สามารถเข้าใจคำพูดของพวกเขาได้อย่างงั้นหรือ?

 

ทั้งสองจึงบังเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา

 

“สวัสดี” ไก่เปลี่ยนมาพูดภาษาของอีกโลก และกล่าวทักทาย

 

ปืนกลมือก็ได้เปลี่ยนเป็นภาษาของโลกหนึ่งที่ต่างออกไปเช่นกัน

 

มันแสดงท่าทางในเชิงทักทายแบบเดียวกัน แต่คำถามกลับแตกต่างกันออกไป “นายชื่ออะไรงั้นหรอ?”

 

หากฟังในทีแรก แม้ทั้งสองประโยคนี้จะดูเหมือนเป็นคำทักทาย

 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความนัยของสองประโยคนี้มีความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

กู่ฉิงซานหันไปพูดภาษาหนึ่งกับไก่ “สวัสดี”

 

แล้วก็หันไปพูดกับปืนกลมือด้วยอีกภาษา “ฉันชื่อว่ากู่ฉิงซาน”

 

วิ้ว! ไก่ผิวปากทันที

 

เพราะทั้งสองภาษาที่กู่ฉิงซานพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงหรือสำเนียง มันก็เป็นฟังดูเป็นสากลมาก

 

ไก่ยิ้มและกล่าว “พวกเราก็แค่พูดถึงเรื่องกินน่ะ ว่าแต่นายสนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้รึเปล่า มาร่วมวงกันได้นะน้องชาย”

 

“ฉันก็พอจะมีฝีมือในการทำอาหารกับผสมสุราเองอยู่บ้าง” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“เห? นั่นมันฟังดูดีเหมือนกันนี่นา” ไก่ตอบกลับ และเริ่มสำรวจกู่ฉิงซานด้วยความสนใจ

 

อีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะพึ่งมีอายุได้ราวๆ 20 ปีเท่านั้น

 

อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับสามารถพูดได้หลายภาษา แถมผู้พิทักษ์หอสูงก็ยังเป็นคนเดินมาส่งเขาเป็นการส่วนตัวอีก ถึงขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายจะเป็นแค่คนธรรมดาๆได้อย่างไร?

 

ในเวลานั้นเอง เรือลำใหญ่ก็แล่นเข้ามาอย่างช้าๆจากนอกประภาคาร

 

เรือใหญ่ลอยมาเทียบอยู่ใกล้กับยอดของประภาคาร

 

ขณะที่บนดาดฟ้าเรือ ชายชราจากสมาคมผู้พิทักษ์กำลังยืนโค้งกายอยู่

 

“เรียนผู้โดยสารทุกท่าน โปรดขึ้นมาบนเรือด้วย พวกเรากำลังจะออกเดินทางกันแล้ว”

 

ไก่ย่ำฝ่าเท้าเบาๆ กระโจนขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ

 

ขณะที่ปืนกลค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

 

ส่วนกู่ฉิงซานก็เดินขึ้นไปบนเรือตามปกติ

 

เฝ้ารอจนกระทั่งทุกคนขึ้นไปบนเรือแล้ว ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพในเสื้อคลุมดำจึงค่อยเร่งตามขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย

 

ดูเหมือนว่าผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพผู้นี้ ทั้งคนทั้งร่างกำลังตึงเครียดหรือกังวลอะไรบางอย่างอยู่

 

“ออกเรือได้-”

 

ชายชราตะโกนลั่น

 

แล้วเรือใหญ่ก็สั่นไหว ก่อนที่มันจะค่อยๆออกห่างจากตัวประภาคาร และบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ จ้องมองออกไปยังท้องทะเล

 

เขาพบว่าผืนทะเลทั้งหมดกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

แล้วก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ที่ประภาคารได้หายไป

 

พร้อมๆกับเงาที่โคจรรอบประภาคาร ก็หายไปมิอาจมองเห็นได้อีกเลย

 

ตูม!

 

โลกเริ่มที่จะล่มสลาย

 

ฉากนี้ช่างดูคุ้นเคยเสียจริงๆ เพราะกู่ฉิงซานก็พึ่งจะเคยได้ประสบพบเจอกับมันมาเมื่อไม่นานมานี้เอง

 

เขาถอนหายใจออกมา

 

ผู้โดยสารทั้งสี่ เฝ้ามองโลกที่กำลังล่มสลายและไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา

 

ไม่นานนัก

 

เรือใหญ่ก็เริ่มลอยลำเข้าสู่กระแสมิติอันเชี่ยวกราด และทิ้งโลกล่มสลายเอาไว้เบื้องหลังอย่างสมบูรณ์

 

ไก่และปืนกลดูจะไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลย

 

พวกเขาดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับการเดินทางแบบนี้อยู่แล้ว

 

ไก่เริ่มวาดมือในอากาศให้ปืนกลดู เหมือนว่าจะกำลังอธิบายถึงรสชาติของมอนสเตอร์ปลาหมึกว่าเป็นเช่นไร

 

ขณะที่ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพในเสื้อคลุมดำมองนิ่งไปยังชายชรา คล้ายกับว่ากำลังรอสิ่งใดอยู่

 

พอมั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ชายชราก็หันหน้ามามองผู้โดยสารทั้งสี่

 

“ทุกท่าน ตอนนี้พวกเราก็ได้เริ่มออกเดินทางกันแล้ว ฉะนั้นโปรดทำการชำระค่าโดยสารด้วย” เขาเอ่ยอย่างสุภาพและนอบน้อม

 

ไก่ได้หยิบกล่องที่เต็มไปด้วยอัญมณีออกมาจากปีกของมัน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเก็บซ่อนเอาไว้ภายในนั้นได้อย่างไร

 

ชายชรารับเอากล่องอัญมณีมา แต่มิได้เปิดดูสิ่งที่อยู่ภายใน เขาเพียงกะน้ำหนักของมันด้วยมือแล้วก็เก็บมัน

 

“ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุน” ชายชรากล่าว

 

ขณะที่ปืนกลเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

“ย๊ากกกก!”

 

มันร่ำร้องออกมาด้วยจิตวิญญาณ

 

กริ๊ง …

 

แล้วหัวกระสุนโลหะเงางามก็ร่วงตกลงบนดาดฟ้าเรือ

 

“เพียงพอหรือไม่?” ปืนกลอ้าปากหอบหายใจ

 

ชายชราโบกมือ แล้วคว้าจับกระสุนที่ลอยขึ้นมาในฝ่ามือ เพ่งมองมันอย่างระมัดระวัง

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราก็เงยหน้าขึ้น และกล่าวอย่างสุภาพว่า “นี่คือผลิตภัณฑ์ระดับสูง แถมยังมีมูลค่ายิ่งกว่าค่าโดยสารมากมายนัก โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปนำเงินส่วนต่างมาให้เจ้า”

 

ปืนกลกล่าวอย่างซื่อตรง “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก ขอแค่เพียงนำสุราของหอสูงสักหนึ่งถังมาเตรียมไว้ในห้องให้ฉัน แค่นั้นก็พอแล้ว”

 

“รับทราบ ขอบพระคุณในความใจกว้างของเจ้า” ชายชราเผยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

ทันทีหลังจากนั้น ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพก็หยิบเอาถุงใบเล็กๆที่ดูงดงามหรูหราออกมา และโยนมันออกไป

 

ชายชราคว้าจับถุง และเขย่ามันเบาๆอย่างระมัดระวัง

 

มีเสียงดังกริ๊งกรั๊งออกมาจากในถุง

 

ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าว “มันยังไม่เพียงพอ”

 

ผู้สืบสายโลหิตสูดหายใจลึก

 

เขานิ่งคิดสักครู่ เหมือนจะลังเลว่าสมควรจะทำอย่างไรดี

 

เวลานี้ ใบหน้าของชายชราเริ่มที่จะหม่นลง

 

“โปรดรอสักครู่”

 

ขณะกล่าว ผู้สืบสายโลหิตก็ตบๆลงตามร่างกายตนอยู่นาน ก่อนที่จะหยิบถุงอันประณีตออกมา

 

เขาถอนหายใจ และยื่นถุงใบนั้นให้ชายชราอย่างไม่เต็มใจนัก

 

ชายชรารับถุงอันประณีตมาและเขย่ามันเบาๆ

 

คิ้วที่ขมวดมุ่นของเขาค่อยๆแยกออกจากกันอย่างช้าๆ ปากเอ่ยกล่าว “นับว่าเพียงพอแล้ว ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุน”

 

เมื่อผู้สืบสายโลหิตได้ยินคำนี้ เขาก็ถอนหายใจโล่งอกโดยไม่รู้ตัว

 

และแล้ว ก็มาถึงตาของกู่ฉิงซาน