ตอนที่ 13  สร้างปัญหา

หยุนเชวี่ยศรัทธาในคำกล่าวที่ว่า ‘ความเกียจคร้านคือแรงผลักดันที่แท้จริงสำหรับความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์’

แน่นอนว่าสิ่งประดิษฐ์ที่นางสร้างขึ้นก็เนื่องจากความขี้เกียจซักผ้าของนาง ผ่านไปเพียงครึ่งวันก็กลายเป็นที่ต้องการของสาว ๆ และบรรดาลูกสะใภ้ในหมู่บ้าน

“แม้แต่เฟิงซิ่วไฉยังชมว่าเจ้าฉลาดมาก” เมื่อกล่าวถึงเฟิงซิ่วไฉ ดวงตาของเหอยาโถวก็เป็นประกาย

เฟิงซิ่วไฉ มีชื่อเต็มว่าเฟิงสือยวิน เขาอายุมากกว่านางสามปี ในปีนี้เขาจะอายุสิบห้าปีเข้าสู่วัยหนุ่มแรกรุ่น ทั้งยังรูปร่างสูงโปร่ง

ทว่าชายหนุ่มผู้นี้มิได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์เพียงเท่านั้น แต่ยังมีใบหน้าหมดจด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาของเขาดูคล้ายกับดวงดาราที่เยือกเย็น ไม่รู้ว่าสาว ๆ ในหมู่บ้านต่างพากันหลงไหลเขาไปแล้วกี่คน

หยุนเชวี่ยลอบมองเหอยาโถวเงียบ ๆ พร้อมกับคิดในใจว่าเด็กคนนี้กำลังพูดจาอ้อมค้อมอยู่ใช่หรือไม่?

แม่เฒ่าจูสงบสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ ดูเหมือนว่าจะใจเย็นลงแล้ว แต่ก็ยังโวยวายไม่เลิก นางสั่งให้หยุนเยี่ยนไล่ต้อนไก่กลับเข้าไปในเล้าและรีบทำความสะอาดลานบ้านให้เรียบร้อย

จากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าหยุน หยุนลี่เต๋อและแม่นางเหลียนก็เดินกลับมาจากข้างนอก

“เชวี่ยเอ๋อ!”

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในประตู แม่นางเหลียนก็ตกตะลึงพรึงเพริดกับความหยุ่งเหยิงภายในบ้าน นางรีบดึงตัวหยุนเชวี่ยมาดูพร้อมทั้งสำรวจไปทั่วร่าง

“มันคือเลือดไก่” แม่ไก่ตายสนิทแล้วจึงถูกวางทิ้งไว้ตรงประตูห้องครัว

แม่นางเหลียนถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ปลอดภัยก็ดีแล้ว…”

“เคร้ง!”

ผู้เฒ่าหยุนทิ้งจอบในมือ สีหน้าถมึงทึง ก่อนจะหันไปจ้องหน้าหยุนเชวี่ย “สร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน!”

หยุนเยี่ยนรีบเดินไปส่งเหอยาโถว ก่อนจะหันกลับมากล่าวคำขอโทษแทนหยุนเชวี่ยอย่างระมัดระวัง “ท่านปู่ เชวี่ยเอ๋อไม่ได้ตั้งใจ…”

“นังเด็กสารเลว จงใจกลั่นแกล้งแม่เฒ่าเช่นข้า จิตใจโหดร้ายนัก หมาป่าตาขาวเช่นนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้แล้ว…”

ทันทีที่ชายชราก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ฉับพลันแม่เฒ่าจูก็เปลี่ยนท่าทีด่ากราดสาปแช่ง เป็นร้องโอดโอยด้วยเสียงแผ่วเบา ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหน้าอกของตน “โอ๊ย ข้าคงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ปล่อยให้ข้าตาย ๆ ไปเสียที…”

หยุนชิ่วเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับชี้หน้าหยุนลี่เต๋อด้วยความเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนังลูกสาวตัวดีที่ท่านเลี้ยงดูมา ท่านต้องฆ่ามันทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เพื่อเป็นการชดใช้ให้ท่านแม่ของพวกเรา!”

หยุนลี่เต๋อกำหมัดแน่น ไม่กล่าววาจาใดออกมา

หยุนเยี่ยนโอบประคองน้องสาวด้วยมืออันสั่นเทา นางจำได้ดีว่าเมื่อสองสามเดือนก่อน นางถูกใช้ให้ซักเสื้อผ้าชุดใหม่ของหยุนชิ่วแต่บังเอิญทำมันพังโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงถูกทำร้ายทุบตีอย่างรุนแรง

“เจ้ามัวแต่ยืนเซ่ออะไรอยู่? หรือแยกบ้านออกไปก็จำแม่ตัวเองไม่ได้เสียแล้ว? ได้เลย หากเจ้าไม่อยากทำ ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเองว่านังลูกสาวเหลือขอของเจ้าสมควรได้รับการลงโทษอย่างไร!”

หยุนชิ่วที่ความโกรธอัดแน่นอยู่เต็มอก เมื่อได้รับการสนับสนุนอีกครั้ง ก็รีบคว้าไม้ขนไก่ เตรียมจะฟาดไปที่หยุนเชวี่ย

เดิมทีหยุนเชวี่ยคิดว่าจะหนีไปซ่อนตัว แต่ไม่ทันได้ทำอะไร หยุนเยี่ยนก็เข้ามาโอบกอดและใช้ตัวกำบังนางไว้

“เพี๊ยะ!”

“ดูสิว่าวันนี้ข้าจะตีเจ้าจนตายหรือไม่!”

แม่นางเหลียนไม่กล้าห้ามปราม จึงได้แต่ร้องไห้และโผเข้าไปหาลูกสาวทั้งสองของนาง “หยุดตีเถอะ หยุดตีได้แล้ว ให้เชวี่ยเอ๋อไปสำนึกผิดกับท่านย่าเองเถอะนะ…”

“เพ้ย! พวกเจ้าช่างไร้ค่าสิ้นดี! ถูกตีจนตายก็สมควรแล้ว!”

หยุนชิ่วเงื้อไม้ขนไก่ขึ้นอย่างสุดกำลังเพื่อจะเฆี่ยนตีลงไปยังจุดสำคัญ จนทำเกือบฟาดโดนใบหน้าของแม่นางเหลียน เมื่อหยุนลี่เต๋อเห็นดังนั้นจึงรีบคว้าข้อมือของนางเอาไว้

หยุนลี่เต๋อเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ เคยเป็นทหารออกรบกับกองทัพและทำงานหนักตลอดทั้งปี เขาแค่ออกแรงในมือเพียงน้อยนิด หยุนชิ่วก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด “ปล่อยข้า! ท่านมันเนรคุณ! ช่วยให้คนนอกมารังแกข้ากับท่านแม่ของข้า!”

“หุบปาก” ดวงตาของหยุนลี่เต๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมเปล่งเสียงรอดไรฟันออกมา

หยุนชิ่วตกใจลนลาน พยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง “ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย!”

แม่นางเหลียนจึงสบโอกาสรีบดึงตัวหยุนเยี่ยนและหยุนเชวี่ยไปที่ฐานกำแพง ราวกับแม่ไก่ที่กำลังกางปีกปกป้องลูก ๆ ของนางไว้ด้านหลัง

“เจ้ารอง! เจ้าคิดจะทำอะไร!” ชายชรายังคงนิ่งเงียบ ทันใดนั้นแม่เฒ่าจูก็ยืนขึ้นและกระแทกศีรษะไปที่หน้าอกของหยุนลี่เต๋อ “เอาสิ ฆ่าข้าเลย ถึงอย่างไรในใจเจ้าก็ไม่มีแม่อยู่แล้ว! ลูกเนรคุณ! มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไร้ความหมาย!”

เมื่อได้ยินผู้เป็นมารดากล่าวเช่นนั้น หยุนลี่เต๋อยิ่งรู้สึกสับสนจนไม่รู้ว่าจะหลบหรือผลักนางออกไป ในชั่วพริบตา เขาก็กลายเป็นเหมือนหมีขี้ขลาดที่ยืนทึมทื่ออยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าหยุนหลี่เต๋อยังมีท่าทีนิ่งเฉย อารมณ์ของแม่เฒ่าจูยิ่งทวีความรุนแรง นางทั้งดึงทึ้งเสื้อผ้า และฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเขาสุดกำลัง “เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ”

“สวรรค์จะลงโทษเจ้า! มีเมียแล้วลืมแม่! คงหวังจะให้ข้าตายไปเสีย! เจ้าลูกอกตัญญู…”

หยุนเชวี่ยกลอกตาด้วยความระอา ท่านย่าสร้างปัญหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่ใช่ว่าเพราะอยากตายหรอกหรือ? หากอยากตายเพียงเอาหัวกระแทกกำแพงก็ได้ตายสมใจแล้ว ที่ทำร้ายทุบตีลูกชายอยู่เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

“ท่านปู่!” หยุนเชวี่ยสะบัดตัวหลุดจากแม่นางเหลียนเพื่อวิ่งเข้าไปหาชายชราและคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “เป็นข้าเองที่ฆ่าไก่ หากจะตีก็ตีข้าเถอะ!”

การก่อความวุ่นวายโดยไร้เหตุผลของแม่เฒ่าจูนั้น ชายชราไม่พูดอะไรสักคำเพียงแต่ยืนมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนนี้หยุนเชวี่ยเข้าใจแล้วว่านางได้สร้างรำคาญให้แก่ผู้เฒ่า

“ท่านปู่ เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้าที่ก่อความวุ่นวาย! ท่านจะฆ่าข้าก็ได้ แต่อย่าลากพ่อแม่และพี่น้องของข้ามาเกี่ยวข้องเลย” นางกล่าวพร้อมกับบีบข้อมือของผู้เฒ่าหยุนอย่างแรง

“เจ้า…” ชายชรามุมปากกระตุก รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงแฝงความนัยข่มขู่

เมื่อมองไปที่หยุนเชวี่ยอีกครั้ง ดวงตาสีเข้มของนางก็จ้องมองเขาด้วยความเย็นชา พร้อมกับแสยะยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย

การแสดงสีหน้าดังกล่าวของเด็กสาว ทำให้ผู้เฒ่าหยุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ

“ท่านปู่ ท่านกล่าวอะไรสักคำเถิด…”

“…”

หลังจากสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ชายขรากูดึงมือออกจากการกอบกุม เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย “พอได้แล้ว หยุดสร้างปัญหาเสียที บ้านรองเพิ่งแยกบ้านออกไปกลับมาทะเลาะกันเสียงดังใหญ่โต ไม่กลัวถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาหรือ!”

แม่เฒ่าจูกับหยุนชิ่วยังคงไม่ยินยอม

“ข้าต้องจะกลัวอะไร! ข้าเป็นแม่ของเขา! ทั้งยังให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาจนโต! แม้แต่นังเด็กสารเลวนี่ ข้าจะคิดบัญชีกับมันแน่!”

“ท่านพ่อ ท่านเลอะเลือนแล้ว! นังเด็กเหลือขอผู้นี้มันทำร้ายข้า เหตุใดข้าต้องยอมนาง!”

หยุนชิ่วโวยวายออกมาพร้อมกับกระโจนเข้าไปหมายจะทุบตีนางอีกครั้ง หยุนเชวี่ยจึงรีบวิ่งไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังชายชรา

“ข้าบอกให้หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!” ผู้เฒ่าหยุนคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยดกราด สีหน้าดำทะมึน

ในที่สุดบรรยากาศบริเวณรอบลานบ้านก็กลับเข้าสู่ความสงบ

หยุนซิ่วกำไม้ขนไก่พร้อมกับจ้องมองไปที่หยุนเชวี่ยด้วยความไม่พอใจ ส่วนแม่เฒ่าจูนั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง ทำท่าเหมือนคนกำลังจะตายอีกครั้ง ก่อนจะเอนตัวลงไปที่หัวเตียงและหอบหายใจอย่างแผ่วเบา

“ท่านย่า ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด ไม่คุ้มเลยที่จะอารมณ์เสียเพราะไก่เพียงแค่ครึ่งตัว” หยุนเชวี่ยกล่าววาจาปลอบโยน

จากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว นางเองก็ไม่ได้อยากทำให้แม่เฒ่าจูโกรธ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย นางไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนเนรคุณ’ คำกล่าวหารุนแรงเช่นนี้ คงแบกรับเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ

“ไสหัวไป! เอานังเด็กสารเลวคนนี้ออกไปจากที่นี่ ไปให้ไกล! ข้าคงอายุสั้นลงอีกถ้าเห็นหน้านาง…”

หยุนเชวี่ยเองก็ทิฐิสูงมาก แม่เฒ่าจูด่านางจนเหนื่อยและไร้เสียง ก่อนจะชี้หน้านางด้วยมืออันสั่นเทา

“ออกไป! ไสหัวไป!” หยุนชิ่วโกรธจนหน้าแดง เดินไปหยิบถ้วยชาและกระแทกชนไหล่ของหยุนเยี่ยน

หยุนเยี่ยนได้แต่ขมวดคิ้วและไม่กล่าวอะไร

“ท่านพ่อ ไปกันเถอะ” หยุนเชวี่ยดึงแขนหยุนลี่เต๋อที่ยืนหมดสภาพด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับจับมือหยุนเยี่ยนเดินออกจากประตูห้องชั้นบน จู่ ๆ นางก็หยุดและหันกลับมามองหยุนชิ่วราวกับไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจ