“ซูฉิง ฉันอยู่นี่” เสียงของฮ่อหยุนเฉิงดังมาจากระยะไกล
ซูฉิงรู้สึกโล่งใจก่อนจะรีบเดินไปตามเสียง
“ไม่ใช่ให้นายรอฉันอยู่ตรงนั้นเหรอ ทำไมถึงเดินไปทั่วล่ะ?” น้ำเสียงของซูฉิงตำหนิเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองยังป่วยอยู่หรือไง? ทำเอาซะเธอตกใจหมด
ฮ่อหยุนเฉิงไม่รู้ว่าไปจะจับนกกระจอกเล็กสองตัวได้จากไหน เขายกมุมริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “รสชาตินกกระจอกน่าจะอร่อยนะ”
“นาย…ไปจับนกกระจอก? ทำไมนายไม่พักผ่อนดีๆ” ซูฉิงรีบประคองฮ่อหยุนเฉิงและบ่นว่า “นายยังมีไข้อยู่นะ”
“เธอเป็นห่วงฉันเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงที่เมื่อกี้กินผลไม้ป่าไป ตอนนี้เขารู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ทั้งยังเห็นซูฉิงเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ก็รู้สึกดีอย่างอดไม่ได้
ซูฉิงกลอกตามองเขา “ฉันไม่ห่วงนายแล้วจะไปห่วงใคร?”
“จริงสิ ทางนั้นมีถ้ำนะ เราไปพักข้างในกันเถอะ” ระหว่างทางกลับ ซูฉิงเห็นเนินเขาที่อยู่นอกป่า มีถ้ำบนภูเขาซึ่งน่าจะสามารถหลบลมหลบฝนได้
ทั้งสองเดินเข้าไปในถ้ำ และภายในถ้ำก็อบอุ่นมาก
“นายพักผ่อนเถอะ อย่าไปไหนอีกล่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปหาสมุนไพรให้นายก่อน” ชูฉิงบอกกับฮ่อหยุนเฉิง จากนั้นจึงไปที่ภูเขาเพื่อค้นหาอย่างละเอียด
สวรรค์ย่อมเมตตาคนที่มีความเพียร ในที่สุดซูฉิงก็เจอสมุนไพรสองสามชนิดบนยอดเขาที่ขจัดอาการร้อนในและลดการอักเสบ
เมื่อซูฉิงกลับไปที่ถ้ำอีกครั้ง ก็มีกลิ่นหอมอันลอยออกมา
ซูฉิงดมกลิ่น “หอมจังเลย!”
เสียงทุ่มนุ่มของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้น “มากินนกกระจอกย่างเร็ว”
ซูฉิงมองอย่างตั้งใจ และเห็นฮ่อหยุนเฉิงถือกิ่งไม้ที่มีนกกระจอกย่างสองสามตัวและแผ่กลิ่นหอมออกมา
“ลองชิมดูสิ” ฮ่อหยุนเฉิงส่งนกกระจอกย่างให้ซูฉิง
ทว่าซูฉิงกลับไม่รับ เธอหยิบสมุนไพรที่เธอเก็บมาแล้วแปะลงบนบาดแผลของฮ่อหยุนเฉิง
“รู้สึกยังไงบ้าง?” ซูฉิงเงยหน้าถาม
ฮ่อหยุนเฉิงเหยียดแขนโอบซูฉิง “ฉันไม่เป็นอะไน”
สมุนไพรที่ซูฉิงเก็บมาออกฤทธิ์ดีมาก ไข้ของเขาลดลงในคืนนั้น วันรุ่งขึ้นสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ
นับว่าหินก้อนใหญ่ในหัวใจของซูฉิงได้ล่วงลงพื้นทันที
ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของเธอจะยังไม่ถดถอย
ไม่กี่วันต่อมา ร่างกายของฮ่อหยุนเฉิงก็ฟื้นตัวได้ที่แล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงไม่เป็นอะไรแล้ว ซูฉิงก็เริ่มมีแรงคิดถึงเรื่องอื่น
เธอเหลือบมองชายที่อยู่ข้างๆ และถามว่า “ฮ่อหยุนเฉิง นายคิดบ้างไหมว่าการที่เครื่องบินเราตกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ?”
ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา
อันที่จริงขณะที่เครื่องบินตก เขาเองก็คิดไว้แบบนั้น
ประสิทธิภาพของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขานั้นดีมากมาเสมอ ทั้งยังมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เป็นไปไม่ได้เลยที่จู่ๆ จะมาเสียการควบคุม
คำอธิบายเดียวนั้นก๋คือเครื่องบินถูกแอบทำอะไรก่อนที่เครื่องจะขึ้น
จะเป็นใครกัน?
ตั้งแต่กัปตันจนถึงลูกเรือ ต่างก็เป็นพนักงานเก่าแก่ของบ้านตระกูลฮ่อ ทั้งยังจงรักภักดีมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องตกครั้งนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือจะตาย ไม่มีคนเอาชีวิตมาล้อเล่นหรอก
เขาขมวดคิ้ว “อันที่จริงฉันก็สงสัยว่าการตายของพ่อฉันในตอนนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ”
“นายหมายความว่า…คนที่แอบจัดการเครื่องบินก็ทำร้ายพ่อนายจนตาย?” ใบหน้าของซูฉิงเริ่มจริงจัง
ถ้าใช่ล่ะก็ คนๆ นี้น่ากลัวมาก
“ซูฉิง เราต้องกลับไปให่เร็วที่สุด” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวเสียงนิ่งขรึม
ข่าวที่เครื่องบินของเขาตกนั่นเป็นประเด็นอย่างมากและตอนนี้คงกระจายไปทั่วแล้ว
ไม่รู้ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ดี
“นายกำลังกังวลตระกูลฮ่อกรุ๊ปใช่ไหม?” ซูฉิงมองไปที่ชายหน้านิ่งที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยถามถาม
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “อืม”
“ที่จริงแล้วนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายนะ” ซูฉิงคิดและพูดว่า “คนที่ทำจัดการเครื่องบินนายคงคิดว่าตอนนี้นายตายไปแล้ว ถ้างั้นเขาก็ต้องดำเนินการขั้นต่อไป เพราะอย่างนั้นแค่เพียงเรารีบกลับไปให้เร็วที่สุกก็จะรู้ได้ว่าใครคือฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง!”
“เธอพูดถูก เราต้องกลับไปให้ได้ก่อน” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวอย่างเห็นด้วย
เขาคิดไปคิดมาก็ไปกิ่งไม้ที่ป่ามากมายแล้วย้ายไปที่ชายหาด
“นายเก็บกิ่งไม้เยอะขนาดนั้นไปทำไมน่ะ?” ซูฉิงมองไปที่กิ่งไม้บนพื้นด้วยความสงสัย
“อีกเดี๋ยวเธอก็รู้” ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มและทำเป็นตัวอักษร SOS บนชายหาด “หวังว่าจะมีเครื่องบินหรือเรือผ่านไปมาแล้วจะเห็น”
ซูฉิงพยักหน้า
หากนับแล้วพวกเขาอยู่บนเกาะมาห้าถึงหกวันแล้ว ช่วงนี้เวลากลางวันซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงก็จะคอยมองทะเลจากชายหาด โดยหวังว่าจะมีเรือแล่นผ่าน
แต่กลับไม่มีเรือแม้แต่ลำเดียว
ไม่รู้ว่าคุณปู่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือของเธอหรือยัง
ในขณะที่ซูฉิงกำลังผิดหวัง ทันใดนั้นก็มีเรือสำราญสุดหรูปรากฏขึ้นในสายตาของซูฉิงจากที่ไกลๆ
“ฮ่อหยุนเฉิง มีเรือกำลังมา!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เซอร์ไพรส์อย่างยิ่ง
เธอชี้ไปที่เรือสำราญที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น “เรารอดแล้ว!”
ฮ่อหยุนเฉิงมองไปตามทิศที่ซูฉิงชี้ไปก่อนจะเห็นเรือสำราญที่แล่นอยู่ในทะเล
ฮ่อหยุนเฉิงถอดเสื้อคลุมออก ถือเสื้อคลุมไว้ในมือที่ใหญ่และโบกมันอย่างต่อเนื่อง
คนบนเรือสำราญเหมือนจะเห็นซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงแล้วและกำลังแล่นมาทางนี้
ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว! พวกเขารอดแล้ว!
หัวใจของซูฉิงเต้นรัวเร็ว
เรือสำราญลำนี้…ช่างดูคุ้นตา
ยิ่งเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดซูฉิงก็เห็นได้ชัดเจนว่าเรือสำราญลำนี้เป็นของคุณปู่!
ซูฉิงกอดแขนฮ่อหยุนเฉิงอย่างดีใจ “นั่นเรือสำราญของคุณปู่ล่ะ!”
ฮ่อหยุนเฉิงกอดซูฉิงแน่น “ต้องเป็นปู่ของเธอที่ได้รับสัญญาณความช่วยเหลือของเธอแน่”
“อื้ม” ซูฉิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นก่อนจะโบกมือไปที่เรือสำราญ และตะโกนว่า “คุณปู่! หนูอยู่นี่!”
ท่านผู้เฒ่าซูยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ และทันทีที่เขาเห็นซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิง ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
โชคดีที่หลานสาวคนสำคัญของเขาไม่เป็นอะไร
เรือสำราญเข้าใกล้เกาะ ยังไม่ทันหยุดนิ่ง ซูฉิงก็ลากฮ่อหยุนเฉิงกระโดดขึ้นเรือ
“คุณปู่ หนูคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณปู่อีกแล้ว!” เมื่อเธอเห็นท่านผู้เฒ่าซูผู้น่ารัก ดวงตาของซูฉิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
“ฉิงฉิง หลานไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ท่านผู้เฒ่าซูเข้ามาประคองหลานสาวที่รักของเขา มองขึ้นมองลง หลังจากยืนยันว่าเธอไม่เป็นไรถึงได้วางใจ
จมูกของซูฉิงแสบขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือออกมาถู “คุณปู่ หนูสบายดีค่ะ โชคดีที่ฮ่อหยุนเฉิงเขาช่วยหนูไว้”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ขายาวก้าวมาด้านหน้าก่อนจะเอื้อมมือออกจับมือซูฉิง ทั้งยังยกยิ้มมุมริมฝีปากเบาๆ มองไปทางท่านผู้เฒ่าซูและเรียกด้วยความเคารพ “คุณปู่”
เมื่อเห็นความสนิทสนมของทั้งสองคน ทั้งยังได้ยินคำที่ฮ่อหยุนเฉิงเรียก ท่านผู้เฒ่าซูก็เข้าใจในทันที ก่อนจะลูบเคราและหัวเราะอย่างเริงร่า “ฮ่าฮ่า ในที่สุดพวกเธอสองคนก็คบกันแล้ว ดีมาก ดีมาก!”