ตอนที่ 220 เจอกันบนเส้นทางคับแคบ

แม่สาวเข็มเงิน

คนซวยคนเดียวที่ถูกปรักปรำอย่างไม่ยุติธรรมเห็นทีจะเป็นซุนต้าหู ทว่าตัวเขาเองยังไม่ทันพูดอะไร เจียงป่าวชิงก็ไม่จำเป็นต้องยืนยกไม้ยกมืออยู่ด้านข้างแล้ว

ซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิงไม่พูดอะไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย แต่ในขณะนี้ เด็กจำนวนหนึ่งกลับพากันวิ่งไปตรงทางเข้าหมู่บ้านพร้อมทั้งส่งเสียงร้องดีอกดีใจ “แจกลูกอมแล้ว เย้! เขามาแจกลูกอมแล้ว”

ขนมหวานอย่างเช่นลูกอมต่างเป็นอะไรที่หายากสำหรับเด็กชนบททุกคน หากว่าได้รับลูกอมหนึ่งเม็ดในยามปกติ พวกเขาจะดีอกดีใจราวกับฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างไรอย่างนั้นเลย

แม้แต่ตอนแต่งงาน หากว่ามีลูกอมสำหรับแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะ มันก็จะถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดี และเฉพาะผู้ที่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ ส่วนคนที่มีภูมิหลังครอบครัวธรรมดาจะไม่มีลูกอมแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะ

แล้วตอนนี้ บ้านไหนกันที่จัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่จนถึงกับแจกลูกอมเด็ก ๆ ได้

แต่งงานอย่างนั้นรึ ?

เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะใจลอย

ซุนต้าหูคิดว่าเจียงป่าวชิงสงสัยใคร่รู้ จึงอธิบายให้นางฟัง “เมียของต้าตงน่ะ ก็อย่างที่เจ้ากับข้ารู้กัน นางกับคุณนายหลู แม่ที่พลัดพรากของนางเจอกันแล้ว วันนี้คุณนายหลูมาที่นี่เพื่อต้องการพาเมียต้าตงไปที่เมืองหลวง นี่ถือว่าเป็นเรื่องมงคล นางจึงมาแจกลูกอมที่หมู่บ้านแห่งนี้”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าแต่ไม่ได้นึกสนใจอะไรมากนัก

พูดเรื่องนี้เสร็จ ซุนต้าหูไม่รู้จะพูดอะไรกับเจียงป่าวชิงต่อ เขายืนอึดอัดอยู่กับที่ ผ่านไปสักครู่ถึงจะแค่นออกมาประโยคหนึ่งว่า “ป่าวชิง คำโบราณบอกไว้ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้า… ถ้าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเมื่อตอนอยู่ที่บ้านของคุณชายคนนั้น เจ้าบอกข้าได้นะ ข้า… ข้าจะคิดหาวิธีช่วยเจ้าเอง”

เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วพลางคิด ‘นี่พี่ต้าหูนี่พี่หมายความว่าอะไร ?’

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังออกมาจากในมุมมืดหลังบ้านที่อยู่ด้านข้าง เจียงเอ้อยาขยับร่างออกมาจากในมุมมืด ไม่รู้ว่านางมองดูอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว สุดท้ายนางก็พูดขึ้นอย่างเหน็บแนม “ซุนต้าหูหนอซุนต้าหู เจ้าเกิดความรู้สึกชอบหญิงสารเลวคนนี้ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้ที่นางกลับมา ไม่แน่อาจเป็นเพราะคุณชายคนนั้นเบื่อนางแล้วและไล่นางกลับมาก็ได้”

ซุนต้าหูหน้าแดงก่ำด้วยเพราะโกรธ “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล!” เขาพูดเสียงขู่ฟ่อ

เจียงเอ้อยาส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอแล้วป้องปากขำ “เหอะ ๆ ๆ ทำไมล่ะ ? นี่เจ้ายังจะพูดแทนไอ้หญิงเลวคนนี้อีกรึ ? ไอ้เท้าเล็กหน้าไม่อายคนนี้ คนในหมู่บ้านเขาลือกันไปทั่วแล้วว่านางหนีตามคุณชายที่รักษาขาคนนั้นเพื่อไปเป็นสาวใช้ในห้องนอนของเขา”

พูดมาถึงตรงนี้ เดิมทีใบหน้าเยาะเย้ยของเจียงเอ้อยาพลันเปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยวโดยที่ยังกัดฟันแน่น “หญิงเลว! อายุยังน้อยแท้ ๆ แต่กลับคลานขึ้นไปบนเตียงผู้ชายแล้ว! เจ้ามันแม่ไม่สั่งสอนจริง ๆ”

นางพูดยังไม่ทันจบ หน้าก็หันเสียก่อน เจียงป่าวชิงยกมือขึ้นสะบัดมือตบหน้าเจียงเอ้อยาฉาดใหญ่

เพี้ยะ!

เสียงตบดังฟังชัด เจียงเอ้อยาจับหน้าที่โดนตบจนปากแทบเบี้ยวและมองเจียงป่าวชิงอย่างไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง “นางบ้า! เจ้ากล้าตบข้ารึ ?”

เจียงป่าวชิงสะบัดมือ “ก็ทำไมเล่า ?! หรือว่าสมองเจ้ามีปัญหอยากให้ข้าตบเจ้าสองครั้งแทนล่ะ ? เหอะ! ทุกครั้งที่ข้าเสียเปรียบ พอหันกลับไปข้าก็เห็นเจ้ากระโดดออกมารีบซ้ำเติมข้าทุกที หลัง ๆ เจอข้าแก้แค้นเข้าหน่อยทำมาเป็นโวยวาย หรือเจ้าเป็นพวกเจ็บแล้วไม่จำ คงคิดว่าข้าตบครั้งหนึ่งแล้วจะไม่กล้าตบอีกเป็นครั้งที่สองล่ะสิ ? เจียงเอ้อยา ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักหน่อย ปกติเวลาเจ้าด่าข้า ข้ามักถือซะว่าเจ้าปล่อยลมเหม็นออกมาหลังจากที่เจ้ากินอิ่ม แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้ายอมไม่ได้ อย่าหยิบยกแม่ของข้าที่เสียไปตั้งนานแล้วมาพูด ไม่อย่างนั้น ข้าจะตบเจ้าเอาให้แม่ของเจ้าจำเจ้าไม่ได้เลยคอยดู”

พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงหมุนตัวขึ้นรถม้าโดยที่ไม่หันกลับมามอง นางพูดกับคนบังคับรถม้าอย่างแน่วแน่ “ไปที่บ้านเถอะ”

“ขอรับ!” คนบังคับรถม้าสะบัดแส้ม้าด้วยใบหน้าอมยิ้ม แส้ม้าสะบัดไปตรงหน้าเจียงเอ้อยาที่คิดจะพุ่งเข้ามาฉีกเนื้อเจียงป่าวชิงอย่างพอดิบพอดี ทำให้เจียงเอ้อยาตกใจยืนแข็งทื่ออยู่กับที่โดยที่ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว เพราะนางกลัวว่าถ้าขยับไปข้างหน้าอีกเพียงเล็กน้อย แส้ม้านั้นจะสะบัดมาโดนร่างของนาง

ซุนต้าหูยืนงงอยู่ริมถนน เขามองเจียงป่าวชิงนั่งรถม้าจากไปเหมือนรูปแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อก่อน ตอนที่เขายังทำงานบังคับรถล่อรับส่งชาวบ้าน เขาก็เคยคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนจากรถล่อเป็นรถม้า แล้วพาคนรักของเขาออกไปนั่งรถม้าเล่นอย่างมีความสุข เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนรักของเขามีแววตาที่ดีมาก ผู้ชายที่นางตบแต่งด้วยสามารถทำให้นางมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ได้

แต่ตอนนี้ รถล่อของเขาไม่มีแล้ว และหญิงที่เขารักก็นั่งรถม้าของคนอื่นไปไกลโน่นแล้ว

……

เจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงหน้าบ้านที่กำลังสร้างใหม่ นางมองดูพวกช่างที่วุ่น ๆ กันอยู่ในบ้านหลังเล็กของนางด้วยความยากลำบาก แต่บ้านที่กงจี้เคยอยู่กลับว่างเปล่า

ก็ใช่ เขากำลังจะหายเป็นปกติ ไม่นานเขาก็คงไปจากสถานที่เล็ก ๆ แลดูยากจนแห่งนี้ บ้านหลังนี้ สร้างใหม่แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ?

เจียงป่าวชิงเดินไปข้างบ้านกงจี้อย่างใจลอย ตอนที่นางเดินมาถึงตรงหน้าประตูทรุด ๆ นางก็หยุดฝีเท้าลง

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ นี่นางกำลังทำอะไร ? นางทำตัวน่าเบื่อ ทำตัวงอแงเกินไปหรือไม่ ?

นี่นางยังอยากหาช่วงเวลาในอดีตอีกรึ ?

มุมปากเจียงป่าวชิงกระตุก นางหมุนตัวเดินไปที่รถม้า “เอาล่ะ ข้าดูเสร็จแล้ว เรากลับกันเถอะ”

แน่นอนว่าคนบังคับรถม้าไม่พูดอะไร เดิมทีเขาเป็นผู้ที่กงจี้ส่งให้มารับผิดชอบในการบังคับรถม้าและรับรองความปลอดภัยของแม่นางเจียงคนนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว

ถนนบนภูเขาทั้งแคบและขรุขระ แต่เนื่องจากคำสั่งของกงจี้ คนบังคับรถม้าจึงต้องทำให้ตัวเองมีชีวิตชีวาเพื่อบังคับรถม้าอย่างระมัดระวังไปตลอดทางเพราะกลัวว่าจะทำให้แม่นางเจียงที่อยู่ข้างในกระทบกระเทือน

แต่ยังไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงคนสะบัดแส้ม้าอย่างหงุดหงิดอยู่ทางด้านหลัง และมีเสียงตะโกนขึ้นอย่างดังด้วย “ข้างหน้าช้ามาก ตั้งใจทำให้เสียเวลาคนอื่นใช่ไหมห๊ะ ?”

เดิมทีเจียงป่าวชิงมีนิสัยที่ไม่ชอบแย่งชิงกับใครอยู่แล้ว นางจึงพูดขึ้น “พี่คนบังคับรถม้า พี่หลีกให้เขาก่อนก็ได้นะจ๊ะ”

คนบังคับรถม้าขานรับ เขากำลังจะโบกสะบัดแส้ม้าเพื่อให้รถม้าเคลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อย แต่ด้านหลังกลับมีคนสองคนตามมาด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน ซ้ำยังถือแส้ม้าไว้ในมือ

เจียงป่าวชิงได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวข้างนอกที่ดูผิดปกติไปจึงเลิกม่านรถออกและได้เห็นสองคนที่ชี้หน้าด่าคนบังคับรถม้าของกงจี้โดยที่ในมือยังถือแส้ม้าไว้อย่างนั้น “เฮ้เจ้าบ้า! ดูสถานการณ์หน่อยสิ ไปให้มันเร็ว ๆ หน่อย! ถ้าทำให้เวลามงคลของคุณหญิงกับคุณหนูพวกข้าต้องล่าช้า พวกเจ้ารับผิดชอบไหวรึ ?!”

ไอ้โย! ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ

เจียงป่าวชิงยิ้มมุมปาก

เมื่อคนบังคับรถม้าเห็นเจียงป่าวชิงเลิกม่านรถ เขาก็รีบพูดทันที “แม่นางเจียง สองคนนี้หยาบคายมารยาททราม เพื่อไม่เป็นการทำร้ายดวงตาของแม่นางเจียง โปรดแม่นางเจียงกลับเข้าไปนั่งในรถเถอะขอรับ”

คนที่ดูท่าทางเป็นคนใช้สองคนนั้นได้ยิน พวกเขาก็โมโหขั้นสุดทันที เขาเห็นว่ารถม้าคันนี้เรียบง่ายไม่หรูหรา อีกทั้งคนที่ทำหน้าที่บังคับม้าก็แต่งกายธรรมดา ไหนจะคนที่นั่งอยู่ข้างในยิ่งแต่งกายธรรมดาเข้าไปใหญ่ ไม่มีเครื่องประดับหรูหราใด ๆ บนศีรษะ คงจะไม่ใช่ครอบครัวชั้นดีอะไรอย่างแน่นอน พวกเขาเกิดความรู้สึกเหยียดหยามในใจและพากันหัวเราะเยาะเย้ย

“ฮ่า ๆ ๆ สาวน้อยคนนี้หน้าตาก็จิ้มลิ้มดีแต่แต่งกายเรียบง่ายไปหน่อย ข้าดูแล้วแม้แต่เด็กสาวในร้านอาหารยังแต่งตัวดีกว่าสาวน้อยคนนี้มาก”

ความหมายของคำพูดนี้คือเจียงป่าวชิงเทียบไม่ได้กับโสเภณี

เจียงป่าวชิงไม่อยากใส่ใจคนพวกนั้น แต่เป็นคนบังคับรถม้าของกงจี้ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทนทาง

แม่นางเจียงคือใคร นางคือผู้มีพระคุณของนายท่านของพวกเขา นั่นก็หมายความว่านางคือผู้มีพระคุณขององครักษ์อย่างพวกเขาทั้งหมด

คนต่ำช้าพวกนี้มีสิทธิ์อะไรมาดูถูกผู้มีพระคุณของพวกเขาได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ ?!

คนใช้สองคนไม่เห็นการกระทำของคนบังคับรถม้าที่โบกแส้ม้ามาทางพวกเขา แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงแส้ดังขึ้นสองครั้งอย่างชัดเจน

คนใช้ทั้งสองคนถูกเฆี่ยนล้มลงไปบนพื้นเกือบจะพร้อมกัน