ตอนที่ 130 คลื่นใต้น้ำ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 130 คลื่นใต้น้ำ

การที่องค์ชายเจ็ดบอกว่าอันหลิงเกอสมคบคิดกับศัตรู ฮ่องเต้ย่อมมิเชื่ออยู่แล้ว

อันหลิงเกอเป็นสตรีอยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือนแล้วนางจักติดต่อกับสายลับแคว้นชิงเยว่ได้เยี่ยงไร เพียงแค่ฐานะของอันหลิงเกอก็มิมีเหตุผลให้ต้องสมคบคิดกับศัตรูอยู่แล้ว

ทว่าในขณะที่แคว้นชิงเยว่กำลังทำสงครามกับต้าโจว อันหลิงเกอก็กักตุนยาสมุนไพร อีกทั้งกำลังทหารที่จวนอ๋องมู่กุมอำนาจอยู่ และพระองค์ยังพระราชสมรสให้ทั้งสองจวนนี้เอง หากอันหลิงเกอลอบทำงานให้จวนอ๋องมู่…

เมื่อนึกได้เยี่ยงนี้ฮ่องเต้ก็กำพระหัตถ์แน่น เพียงอึดใจเดียวก็คลายออกราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้น “อ๋องมู่กล่าวมีเหตุผล ทว่าเรื่องนี้เกิดจากลูกเจ็ดโดนผู้อื่นยุยงจนเกือบปรักปรำคุณหนูใหญ่อัน เยี่ยงนั้นข้าจักหักเบี้ยหวัดเขาเป็นเวลา 1 เดือน มิเช่นนั้นต่อไปจักหลงฟังคำผู้อื่นแล้วปรักปรำคนดีอีก”

“ลูก…”

องค์ชายเจ็ดยังอยากกล่าวแก้ตัว ทว่าฮ่องเต้หันไปทอดพระเนตรโดยรอบและในดวงเนตรก็แฝงด้วยความอันตราย ส่งผลให้องค์ชายเจ็ดมิอาจทูลในสิ่งที่เตรียมไว้จึงได้แต่เปลี่ยนคำกล่าวในทันใด

“ทูลฟู่หวง ลูกจักจดจำบทเรียนในวันนี้ไว้และมิทำให้ฟู่หวงเป็นห่วงอีกพ่ะย่ะค่ะ”

การที่จ้าวหลานหยู่สามารถต่อสู้กับรัชทายาทได้ก็แปลว่าเขาก็เป็นคนฉลาดจึงมิมีทางขัดพระทัยฮ่องเต้แน่นอน

ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ด้วยความพอพระทัยและเผยพระพักตร์ที่อ่อนโยน “หากเข้าใจผิดก็ต้องแก้ไขให้ถูก”

พวกขุนนางเบื้องล่างขานรับเป็นเสียงเดียวกันและก็มีพวกชอบประจบเริ่มกล่าวว่าฮ่องเต้ทรงมีพระปรีชาสายพระเนตรเฉียบคมมากเหลือเกิน

เมื่อเรื่องราวจบลง อันอิงเฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าอ๋องมู่ที่อยู่อีกข้างหนึ่งกลับขมวดคิ้ว

ตามหลักแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างอ๋องอันและองค์ชายเจ็ด อยู่ ๆ ฮ่องเต้ก็เลือกถามตนเยี่ยงนี้ หรือพระองค์กำลังสงสัยว่าจวนอ๋องมู่มีส่วนเกี่ยวข้อง ?

เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้อ๋องมู่ก็รู้สึกตื่นกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่คาดเดาเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้กำลังดำริอยู่จริง ๆ

เนื่องจากเป็นขุนนางในราชสำนักมานานหลายปี อ๋องมู่จึงทราบว่าฮ่องเต้ทรงระแวงและกังวลเรื่องต่าง ๆ ตลอดเวลา

ขุนนางคนอื่นก็เดาความคิดของฮ่องเต้ได้มิน้อยและศัตรูในราชสำนักของอ๋องมู่ล้วนหันมามองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป

อีกด้านหนึ่ง บิดาของอี๋เฟยก็ยืนอยู่ท่ามกลางขุนนางคนอื่น เวลานี้ใบหน้าขาวอ้วนกำลังเปื้อนด้วยรอยยิ้มสะใจ

เมื่อมิกี่วันก่อน อี๋เฟยโดนมู่ซื่อจื่อรังแกในวังและเขาก็รู้สึกโมโหยิ่งนักเพราะมิสามารถแก้แค้นให้บุตรสาวได้ แต่แล้วโอกาสก็อยู่ตรงหน้าแล้ว

เขาจักใช้ประโยชน์จากการที่ฮ่องเต้กำลังหวาดระแวงอ๋องมู่ สั่งให้คนแพร่ข่าวลือออกไปทำให้ฮ่องเต้เกิดความสงสัยจวนอ๋องมู่ยิ่งกว่าเดิม และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ค่อยสร้างหลักฐานว่าจวนอ๋องมู่คิดก่อกบฏ แม้มิสามารถทำให้ฮ่องเต้สั่งประหารจวนอ๋องมู่ได้ ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้จวนอ๋องมู่ต้องยอมส่งมอบอำนาจทางทหารคืนราชสำนัก

เมื่อไร้อำนาจทางทหารแล้วจวนอ๋องมู่ก็เป็นแค่เสือไร้เขี้ยวเล็บ ยังมีผู้ใดเกรงกลัวอีกเล่า ?

เรื่องในราชสำนักมิได้แพร่ไปถึงจวนอ๋องมู่ ทว่ามู่จวินฮานกลับทราบเรื่องที่องค์ชายเจ็ดไปสืบสวนอันหลิงเกอที่จวนโหวแล้ว

ซูม่อยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของมู่จวินฮานและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนโหวอย่างละเอียด

“บ่าวคิดว่าคุณหนูใหญ่อันเป็นคนแปลกยิ่งนักขอรับ เพราะหากเป็นหญิงสาวปกติแล้วโดนองค์ชายเจ็ดกล่าวโทษก็คงตกใจจนเอ่ยอันใดมิออกนานแล้ว แต่มิว่าองค์ชายเจ็ดทรงข่มขู่เยี่ยงไรนางก็มิยอมกล่าวความจริงออกมา อีกทั้งยังแสดงออกชัดเจนว่าเรื่องที่ตนทำมิใช่เรื่องผิดอันใด”

มู่จวินฮานพลันนึกถึงท่าทางสงบนิ่งมิแยแสและรอยยิ้มในแววตาของอันหลิงเกอ

เด็กน้อยของเขามิได้ปากแข็งหรอก นางแค่แก้แค้นฮูหยินรองที่เรื่องเยอะต่างหาก

แค่ฟังคำกล่าวของซูม่อ มู่จวินฮานก็เดาความคิดของอันหลิงเกอได้แล้วว่านางก็แค่ใช้เรื่องนี้มาเปิดโปงความคิดของหลี่ซื่อและฉีกหน้ากากจอมปลอมของอีกฝ่าย

นอกจากนี้หลี่ซื่อยังอาศัยน้องสาวเยี่ยงหลี่กุ้ยเฟยที่อยู่ในวังถึงได้มีที่ยืนในจวนโหวเยี่ยงทุกวันนี้ คราวนี้อันหลิงเกอจึงต้องการให้บิดาเข้าใจว่าแม้หลี่กุ้ยเฟยเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของหลี่ซื่อ ทว่าองค์ชายเจ็ดก็มิได้ดีต่อจวนโหวเพราะเห็นแก่ความเป็นญาติเลย

หากอันหลิงเกอปลูกฝังความคิดเยี่ยงนี้ลงในใจของอันอิงเฉิงได้ เขาก็จักมิเห็นแก่หลี่กุ้ยเฟยแล้วลำเอียงเข้าข้างหลี่ซื่อสองแม่ลูกอีก

ในอดีตมู่จวินฮานเกลียดสตรีประเภทนี้ที่สุด แต่มิรู้เป็นอันใดเพราะหลังจากทราบว่าอันหลิงเกอวางแผนแก้แค้นหลี่ซื่อ เขากลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้ทั้งฉลาดและน่ารัก

เมื่อมู่จวินฮานคิดว่าความรู้สึกที่มีต่ออันหลิงเกอปะทุขึ้นมา เขาจึงส่ายศีรษะระงับความรู้สึกนั้นไว้ “เรื่องนี้องครักษ์เงาสืบมิได้ ทว่าองค์ชายเจ็ดสืบได้ก่อน”

องครักษ์เงาตามสืบมาโดยตลอดว่าผู้ใดแอบกักตุนยาสมุนไพร ทว่าตามสืบมานานขนาดนี้ก็ยังมิได้ข้อสรุปเสียที

ถ้ามิได้เป็นเพราะองค์ชายเจ็ดไปถามหาความผิดถึงจวนโหวและสายลับของเขามิกลับมารายงานข่าว ตอนนี้เขาคงมิทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือว่าที่ภรรยาของตน

ซูม่อรู้ว่ามู่จวินฮานกำลังอารมณ์มิดีเพราะองครักษ์เงาทำงานมิรอบคอบ เขาจึงรีบคุกเข่าเพื่อขอร้องแทนองครักษ์เงาเหล่านั้น “ซื่อจื่อโปรดระงับโทสะด้วยขอรับ เป็นเพราะคุณหนูใหญ่ชาญฉลาดและปกปิดมิดชิด อีกทั้งคนของเราก็ตรวจสอบทั่วทั้งเมืองหลวงมิได้จึงหาตัวมิพบขอรับ”

“ส่วนองค์ชายเจ็ดที่ได้ทราบข่าวนี้เพราะฮูหยินรองจวนโหวส่งคนไปทูล มิใช่สิ่งที่พระองค์สืบได้เองขอรับ”

พวกเขามีสายสืบในจวนโหวและในยามที่คนของหลี่ซื่อไปตำหนักองค์ชายเจ็ด ทางฝั่งพวกเขาก็ได้รับข่าวแล้ว ทว่าตอนนั้นคิดมิถึงว่าหลี่ซื่อจักใช้เรื่องนี้ใส่ร้ายอันหลิงเกอ

มู่จวินฮานยกยิ้มที่มุมปาก ทว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ซูม่อตัวสั่น

จบแล้ว รอยยิ้มซื่อจื่อเย็นชาถึงเพียงนี้จักต้องโมโหมากแน่นอน !

“ฮูหยินรองทราบข่าว แต่พวกเจ้าสืบมิรู้อันใดเลย จงหาเวลาเรียกคนพวกนั้นกลับมาแล้วให้พวกเขาไปรับโทษที่หอชิงถัง”

เมื่อซื่อจื่อกล่าวถึงเพียงนี้แล้วเขาก็มิสามารถกล่าวอันใดต่อได้

ซูม่อทำได้เพียงพยักหน้ารับ “บ่าวจักรีบจัดการขอรับ”

“มิต้องรีบ เพราะตอนนี้เจ้าต้องตามข้าไปที่จวนโหวก่อน”

ไปจวนโหวเพื่ออันใด ?

องครักษ์เงาโดนซื่อจื่อตำหนิว่าทำงานมิดีเพราะอันหลิงเกอ สายลับของพวกเขาก็ต้องโดนลงโทษเพราะอันหลิงเกอ นางช่างเป็นตัวหายนะที่ทำให้คนข้างกายซื่อจื่อต้องเจ็บตัวไปด้วย !

ซูม่อทำหน้าขมขื่นราวกับทาน*หวงเหลียนเข้าไป แต่ก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วเท่านั้น

มิกล้ากล่าวเถียงอันใดออกมาแม้ในใจกำลังชิงชังอันหลิงเกอ

การที่มู่จวินฮานไปหาอันหลิงเกอย่อมมิได้ต้องการเอ่ยเกี้ยวพาราสีอยู่แล้ว เขาแค่คิดว่าอันหลิงเกอยังปิดบังสาเหตุแท้จริงในการตุนยาจึงต้องการถามนางให้รู้ความ

เด็กน้อยลงแรงถึงเพียงนั้นเพื่อกักตุนยาสมุนไพรแล้วจักทำเพียงต้องการปรุงยาบำรุงให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เยี่ยงไร

*หวงเหลียน เป็นหนึ่งในสมุนไพรแห้งที่มีฤทธิ์เย็นและขมที่สุดในทางการแพทย์แผนจีน