บทที่ 165 เซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็คือโศกนาฏกรรมอย่างหนึ่ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

อาหู่ คนที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าหัวหน้าแห่งวงการใต้ดินของเมืองหลวงอย่างหลี่เถี่ย หากไม่ใช่ว่าถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงปราบ เกรงว่าคงจะก่อเรื่องสะเทือนฟ้าภายในเมืองหลวงไปนานแล้ว คงจะสู้กับหลี่เถี่ยให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่เดินเข้ามา อาหู่ก็กล่าวทักทายด้วยใบหน้าที่ยังคงเจือไปด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าไม่ได้ลุกขึ้นยืนเข้าไปต้อนรับด้วยความเคารพ นี่ทำให้เซวียนเยวี๋ยนอวี่ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ในความคิดของอาหู่ก็เป็นเรื่องปกติ เซวียนเยวี๋ยนอวี่แม้ว่าจะถูกเขาเรียกว่าเป็นคุณชายน้อย แต่ว่าเขาเป็นคนของเซวียนเยวี๋ยนเถิง ต่อให้พวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน ต่อหน้าไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง เขาก็ไม่สามารถใช้ท่าทางเคารพนอบน้อมได้ อย่างไรเสียอาหู่ก็เป็นคนแบบนี้ ไม่ใช่คนที่มีท่าทางแบบสุนัขรับใช้ นับได้ว่าเป็นสุนัขรับใช้ขั้นสูง จะมากจะน้อยก็ยังมีความยโสอยู่

อย่างไรก็ตามในสายตาของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน หรือว่าเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเซวียนเยวี๋ยนเถิงผู้เป็นพี่ชาย ก็ล้วนต้องฟังตัวเองเหมือนกัน เขาบอกให้ไปขวาก็ไม่มีใครกล้าไปซ้าย ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทางของอาหู่ที่ไม่สะทกสะท้าน เซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็พลันโมโหขึ้นมา ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่งโอหังบ้าอำนาจจนถึงขีดสุดจริงๆ

“คุณชายน้อยไม่ต้องรีบร้อนไป ผมได้ให้คนไปหาข้อมูลของไอ้ลูกหมาเย่เทียนเฉินมาแล้ว เรื่องเบื้องหลังอื่นๆ ยังไม่ต้องพูดถึง ตามความคาดเดาของผม แค่ความสามารถของเย่เทียนเฉิน ถ้าต้องการฆ่าไอ้ลูกหมานี่ในทันทีก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ใช้คนแค่สองสามคนไม่มีทางกำจัดมันได้ เราต้องเตรียมตัวกันสักหน่อย!” อาหู่มองเซวียนเยวี๋ยนอวี่แล้วพูดขึ้น

“ยังต้องเตรียมตัวอะไรอีก ก็แค่ส่งคนไปฆ่าไอ้หนอนแมลงนั่นก็พอแล้ว!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“คุณชายน้อย เรื่องมันไม่ง่ายเหมือนที่คุณคิดแบบนั้น ถ้าหากว่าทำแบบนี้แล้วสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ง่ายๆ ผมก็คิดว่าคุณคงลงมือไปนานแล้ว ด้วยบอดี้การ์ดใต้บังคับบัญชาของคุณ ฝีมือก็ไม่ได้ห่วยมาก ถ้าเก็บกวาดคนธรรมดาสักคนสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนธรรมดา!” อาหู่พูดอย่างอดทน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ในใจของอาหู่ก็ต้องอดกลั้นความโกรธเอาไว้ จะอย่างไรบิดาก็เป็นคนที่ขลุกที่อยู่ในยุทธภพมาหลายปี มีดตัดฟืนเพียงเล่มเดียวก็สามารถฆ่าเปิดทางจนมีพี่น้องผู้ซื่อสัตย์ติดตามอยู่หลายร้อยคน นับว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง ขนาดเซวียนเยวี๋ยนเถิงพี่ชายของคุณก็ไม่พูดกับผมด้วยท่าทางแบบนี้ คุณก็เป็นแค่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่ง กล้ามาตะโกนใส่ผมแบบนี้ แล้วยังพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่ชายของคุณ บิดาคงจะฟันไอ้ลูกเต่าอย่างคุณไปนานแล้ว

“ฉันไม่สนใจว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นใคร ฉันรู้นะว่าพี่ชายของฉันส่งแกมา ก็จะให้แกไปฆ่าเย่เทียนเฉิน ถ้าฆ่ามันไม่ได้ภายในสองวันจะได้เห็นดีกัน!”

เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตัวเล็กแต่อารมณ์ใหญ่โต เมื่อได้ยินคำพูดของอาหู่ ก็ลุกขึ้นยืนจากบนโซฟาในทันที ใช้ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะกระจก มองอาหู่อย่างดุดัน ท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าถ้าอาหู่ไม่ฟังคำสั่ง อาหู่ก็จะต้องตาย

“คุณชายน้อย ผมหวังว่าคุณจะใจเย็นลงบ้าง ท่าทางเหมือนคุณในตอนนี้จะช้าจะเร็วก็ต้องก่อเรื่องใหญ่เขาสักวัน!” อาหู่สีหน้ามืดครึ้มลง พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“หึ อาหู่แกกล้าไม่ฟังคำสั่งของฉัน ท่าทางแกจะเบื่อชีวิตแล้วสินะ จับตัวมันมาให้ฉันซะ!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่โอหังเป็นอย่างมาก ถึงกับสั่งให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังทั้งสองคนเข้าไปจับอาหู่มาให้ ช่างกบฏจริงๆ!

ไหนเลยจะรู้ว่า บอดี้การ์ดด้านหลังทั้งสองคน เพิ่งจะขยับ อาหู่ก็ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง มีชายฉกรรจ์หลายคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกห้องส่วนตัว ทั้งหมดใช้ปืนเล็งไปที่หน้าผากของบอดี้การ์ดทั้งสองและเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ทันใดนั้นเซวียนเยวี๋ยนอวี่พลันตกใจกลัว สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ส่วนบอดี้การ์ดสองคนด้านหลังเขา ก็ตกใจจนไม่กล้าขยับ หากว่าอาหู่ออกคำสั่งให้ยิงปืนจริงๆ สมองของพวกเขาก็คงจะระเบิดเป็นรู

“คุณชายน้อย ในเมื่อคุณต้องการที่จะฉีกหน้าผม ถ้างั้นผมก็คงทำอะไรไม่ได้ คงได้แต่ฆ่าพวกคุณอย่างเดียว แล้วไปบอกคุณชายใหญ่ว่าพวกคุณถูกเย่เทียนเฉินฆ่า ผมเชื่อว่าคุณชายใหญ่จะต้องแก้แค้นให้พวกคุณแน่!” อาหู่ยิ้มเย็นชา สายตามีประกายความโหดเหี้ยม ไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่น

พริบตานี้ เซวียนเยวี๋ยนอวี่จะนับเป็นอะไรได้ บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นๆไหลซึมออกมา ในตอนแรกเขาถูกความโกรธทำให้สมองมึนงง ตอนนี้ถึงจะมีสติแจ่มชัดขึ้นมาบ้าง เขาพบว่าตนเองโกรธจนหาคู่มือผิดคนจริงๆ อาหู่เป็นใคร? ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา เป็นพวกโฉดชั่วที่ฆ่าคนจริงๆ เป็นคนที่ถ้าโกรธขึ้นมาขนาดพ่อแม่บังเกิดเกล้าก็กล้าฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลย

เซวียนเยวี๋ยนอวี่ยังจำตอนที่พี่ชายไปจากเมืองหลวงเพื่อไปทำธุระได้ เซวียนเยวี๋ยนเถิงเคยกำชับเขาไว้ว่า จะต้องปฏิบัติต่ออาหู่ให้ดีๆ อย่าได้ทำให้เกิดความขัดแย้งใดๆ มีเรื่องอะไรก็ให้ฟังอาหู่ อย่าได้ไม่ทันจะขยับก็แสดงมาดคุณชายน้อยของเขาออกมา

“อะ อาหู่ โทษที เมื่อกี้ฉันบุ่มบ่ามเกินไปหน่อย!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยเสียงอันสั่นเทา

“งั้นหรือ? แต่ว่าตอนนี้ผมโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว ต้องฆ่าคนถึงจะสงบความโกรธของผมลงได้!” อาหู่พูดด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ

“นี่…นี่…อาหู่ แกกล้าฆ่าฉันเหรอ? แกจะไปรายงานพี่ชายของฉันยังไง? แกเองก็จะตายเหมือนกัน” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตะโกนออกมาด้วยท่าทางโอหังอีกครั้ง

อาหู่มองเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ลุกขึ้นยืนจากบนโซฟา มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม เดินเข้าไปเบื้องหน้าเซวียนเยวี๋ยนอวี่ พูดด้วยเสียงแหลมเล็กว่า “คุณชายน้อย เมื่อกี้ผมก็พูดไปแล้ว ฆ่าคุณซะแล้วก็บอกว่าเย่เทียนเฉินเป็นคนฆ่า ถึงตอนนั้นคุณชายใหญ่จะต้องแก้แค้นให้พวกคุณแน่ ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม!”

 “แก…อะ อาหู่ หยะ อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน…” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ ไม่มีความโกรธเคืองแล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อเจอกับมุมที่โหดเหี้ยมของอาหู่ตอนที่เขาโกรธขึ้นมา คนโฉดชั่วที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์นี้ ทำให้เซวียนเยวี๋ยนอวี่เกรงกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ

“ไม่ได้หรอก หากว่าผมไม่ฆ่าคน ก็คงไม่มีทางสงบความโกรธของผมลงได้!” อาหู่พูดแล้วส่ายหน้า

 พลั่ก!

 พลั่ก!

บอดี้การ์ดสองคนที่ตามหลังเซวียนเยวี๋ยนอวี่มา ดูเหมือนว่าจะคุกเข่าลงบนพื้นในเวลาเดียวกัน ต่างก็พากันร้องขอชีวิตอาหู่ พวกเขาเองย่อมรู้ว่าอาหู่เป็นคนโฉดชั่วคนหนึ่ง หากจะฆ่าคนก็ไม่สนอีกฝ่ายจะเป็นใคร ตอนนี้ดูแล้วอาหู่ไม่ได้พูดเล่น ท่าทางจะเอาจริง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้ไม่เกรงกลัว

ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าเขาจะพูดได้ร้ายกาจขนาดไหน เมื่อถูกปืนเล็งไปที่สมองของพวกเขาจริงๆ ทุกคนก็ล้วนต้องกลัวจนตัวสั่น เสแสร้งแกล้งทำเป็นพูดจาใหญ่โตก็ไม่มีประโยชน์ ปืนนั้นไม่มีตา

“พะ พี่หู่ พวกเราไม่เกี่ยวด้วย อย่าฆ่าพวกเราเลยครับ!”

“พี่หู่ พวกเราเชื่อฟังคุณ คุณบอกว่าจะทำยังไงก็ทำอย่างนั้น”

เซวียนเยวี๋ยนอวี่เห็นบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ตามหลังตนเองมาคุกเข่าขอร้องอยู่บนพื้น ก็ยิ่งเกิดความหวาดกลัว แม้แต่พวกเขาก็มองออกว่าอาหู่ไม่ได้ล้อเล่น ต้องการลงมือฆ่าคนจริงๆ เขาที่เป็นไอ้เด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่ง เมื่อก่อนก็โอหังบ้าอำนาจ คนข้างกายต่างก็ถอยให้เขา ไม่กล้าหาเรื่องเขา ทั้งหมดเป็นเพราะอำนาจของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของเขา หากไม่ใช่เพราะจุดนี้ ก็ไม่ทราบว่าเขาเซวียนเยวี๋ยนอวี่จะตายไปแล้วกี่รอบ

“พี่หู่ ผม ผม…” เซวียนเยวี๋ยนอวี่เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ตกใจกลัวจนหน้าซีดไปหมดแล้ว น้ำเสียงก็สั่นไหว ขาทั้งสองกำลังสั่นจนพูดอะไรไม่ออก

อาหู่ยิ้มอย่างเย็นชา ส่งสายตาบอกใบ้ไปให้คนของตัวเอง ปัง ปัง เสียงปืนดังขึ้นสองครั้ง เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้นทันที คุกเข่าต่อหน้าของอาหู่ ส่วนบอดี้การ์ดสองคนข้างกายเขา ถูกลูกปืนเจาะทะลุเข้าไปในสมองเรียบร้อยแล้ว ล้มลงไปนอนจมกองเลือด ตายไปเช่นนี้

เมื่อเห็นฉากนี้ เซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็ยิ่งร่างกายสั่นสะท้าน ตกใจจนเกือบเป็นลมไป รีบเข้าไปกอดขาอาหู่ ร้องไห้ทำหน้าเศร้าแล้วพูดออกมาว่า “พะ พี่หู่ หยะ อย่าฆ่าผม เห็นแก่พี่ชายของผม อย่าฆ่าผมเลย!”

“คุณชายน้อย ขอให้คุณจำเอาไว้ เป็นเด็กก็อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ อย่ามากวนตีนแบบนั้น!” อาหู่กระซิบข้างหูเซวียนเยวี๋ยนอวี่อย่างเย็นยะเยือก

จากนั้นอาหู่ก็โบกมือ ลูกน้องของตนก็ลากเซวียนเยวี๋ยนอวี่และศพทั้งสองศพนั้นออกไป เขาไม่ได้ฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ก็เพราะเห็นแก่หน้าเซวียนเยวี๋ยนเถิงซึ่งเป็นพี่ชายของเขา นอกจากนี้เพราะอำนาจของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน อาหู่อย่อมล่วงเกินไม่ได้

อาหู่นั่งพิงลงไปบนโซฟา ยังคงสูบซิการ์อยู่ ผู้หญิงเซ็กซี่สวยงามทั้งสามคนนั้นต่างก็ยืนอยู่ด้านหลังอาหู่ อาหู่ยังไม่ได้เอ่ยปากให้พวกเธอมาบริการ พวกเธอย่อมไม่กล้าทำมั่วๆ แม้แต่ผู้หญิงที่ถูกอาหู่ใช้ซิการ์จี้ก้นคนนั้น ก็อดทนเป็นอย่างมาก ไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วๆ

ไม่นาน ชายฉกรรจ์คนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องของอาหู่ก็เปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วเดินเข้ามา ยืนอยู่เบื้องหน้าของอาหู่แล้วพูดว่า “พี่หู่ครับ ศพจัดการเรียบร้อยแล้วครับ เซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็ไปแล้ว!”

“อืม ไอ้ลูกเต่านี่ไม่สั่งสอนไม่ได้ โอหังเกินไปแล้ว!” อาหู่พูดอย่างเย็นชา

“พี่หู่ครับ ผมกังวลว่าคุณทำแบบนี้กับคุณชายน้อย คงจะอธิบายดีๆ ให้คุณชายใหญ่ไม่ได้นะครับ!” ชายฉกรรจ์ที่เป็นลูกน้องคนนั้นพูดอย่างกังวล

“หึ มีอะไรให้อธิบายไม่ได้กัน เซวียนเยวี๋ยนเถิงจะไม่ยอมผิดใจกับฉันเพราะว่าน้องชายของเขาหรอก เขายังต้องการใช้อำนาจอิทธิพลของฉันช่วยเขาทำเรื่องต่างๆ อยู่ แล้วฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ก็แค่ทำให้มันตกใจเท่านั้น!”

“งั้นพี่หู่ ต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?” ชายฉกรรจ์เอ่ยถาม

“เรื่องที่พักการะเดินทางของเย่เทียนเฉินตรวจสอบแล้วหรือยัง?”

“ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้หมอนี่ฝีมือแข็งแกร่งมาก พรุ่งนี้เป็นวันรายงานตัววันแรกของมหาวิทยาลัยหลงเถิง จะต้องไปที่มหาวิทยาลัยแน่นอน”

“งั้นก็ดี พวกเราเลือกลงมือตอนกลางคืน ฆ่าไอ้หมอนี่ซะ ฉันไม่อยากให้มีการประมาทเลินเล่อใดๆ เรียกรวมพี่น้องสามร้อยคนไปด้วย จะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้!” อาหู่พูดอย่างโหดเหี้ยม

ภารกิจที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงมอบให้อาหู่ก็คือ ฆ่าเย่เทียนเฉิน แต่หลังจากที่อาหู่ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าฝีมือของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก ถ้าอาศัยพลังของคนคนเดียว หรือหลายคนหลายสิบคน เกรงว่าจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเรียกรวมตัวชายฉกรรจ์ที่เป็นลูกน้องของเขาสามร้อยคน เตรียมที่จะไปฆ่าเย่เทียนเฉินพรุ่งนี้โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาด

ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินถึงจะสามารถทำให้อาหู่ผ่อนคลายได้ เพราะครั้งนี้อาหู่ได้สั่งสอนเซวียนเยวี๋ยนอวี่ไป จะมากจะน้อยก็ทำให้ในใจของเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่พอใจ หากว่าฆ่าเย่เทียนเฉินได้สำเร็จ เซวียนเยวี๋ยนเถิงก็จะไม่พูดอะไร ดังนั้นในความคิดของอาหู่ การไปฆ่าเย่เทียนเฉินในคืนพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้