ตอนที่ 648 ยากจะแยกแยะมิตรศัตรู

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

เรือเหาะนี้เหมือนกับเรือน้อยกลางทะเลพายุ ถูกฟาดไปทั้งซ้ายและคว้าด้วยคลื่นโหมลมคลั่ง ทันใดนั้น บานหน้าต่างก็ฉีกออกจากกันและปลิวออกไปจากเรือ

หวือออ

พื้นถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ และปลิวออกไปด้วยเช่นกัน ฉินมู่และหลิงอวี้จิวรีบกอดเสาในห้องเรือ เพื่อที่จะพบว่ามีเสียงเปรี๊ยะดังออกมาจากเสา

“กอดเอวข้าไว้!” ฉินมู่ตะโกน

หลิงอวี้จิวได้ยินเขาไม่ถนัด “อะไรนะ”

“กอดเอวข้า–”

หลิงอวี้จิวได้ยินในที่สุด นางปล่อยเสาและกอดเอวของเขา ฉินมู่รู้สึกถึงก้อนหยุ่นนุ่มสองก้อนที่หลังของเขา และรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่ทว่าเขาไม่มีเวลามามัวคิดว่าสองก้อนนุ่มนั้นคืออะไร เขารีบขับเคลื่อนวิชามุทราฟ้าและดินทันที

หมุนสวรรค์ผันดินหฤทัยไม่เปลี่ยนแปลง!

เมื่อวิชามุทรานี้ถูกช่วงใช้อออกไป คลื่นกระเพื่อมอันรุนแรงก็พลันถูกฝ่ามือของเขากระตุ้นให้เริ่มซัดวนไปรอบๆ ตัวเขา ฉินมู่ครางกระอักเมื่อแขนเขาแทบหักไปจากแรงกดดันอันถูกส่งจากฝ่ามือ แต่ทว่า เขาได้แต่กัดฟันทน

ทันใดนั้น เสาอันค้ำยันห้องเรือก็หักสะบั้น และทั้งอาคารนี้ก็ลอยขึ้นไป ร่วงละลิ่วสู่นภาประดับดาว

หลิงอวี้จิวตกตะลึง และนางรีบกอดฉินมู่เอาไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

ฉินมู่รีดเร้นพละกำลังทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนมุทราฟ้าและดิน และเขาก็ต้านทานคลื่นเคลื่อนไหวอันรุนแรงมากขึ้นทุกทีๆ เรือเหาะนั้นยังคงกลิ้งตลบๆ อย่างดุเดือดไปรอบๆ และหัวนกหงส์เพลิงที่หัวเรือก็หักไปแล้ว กระดานดาดฟ้าเรือส่งเสียงออดแอดและถูกเลาะปลิวออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรือกำลังพังกร่อนลงไป

ปัง

ประตูของท้องเรือแตกออกจากกัน และเสียงร้องตื่นตระหนกของผานกงสั่วก็ดังมาจากข้างใน หลิงอวี้จิวได้ยินเสียงพลางคิดในใจ ผานกงสั่วหัวไวจริงๆ ถึงกับไปซ่อนใต้ท้องเรือก่อนล่วงหน้า หรือว่าเขาจะมองเห็นอันตรายมาล่วงหน้า

ผานกงสั่วกลิ้งกระเด็นไปรอบๆ ร่างของเขาชนเข้ากับตรงนั้นและตรงนี้ คลื่นเคลื่อนไหวหยุดโดยฉับพลัน แต่เรือยังคงพุ่งควงสว่านไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

มือของฉินมู่ไขว้กัน แปรเปลี่ยนมุทราของเขาเป็นกำหนดห้าธาตุแห่งดินน้ำลมไฟ ผ่านไปครู่หนึ่ง เรือเหาะก็ค่อยๆ หยุดลง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ผิวหนังของเขาแทบปริแยกจากกัน แต่เขาก็ทำให้เรือกลับมามั่นคงได้ในที่สุด

ฉินมู่สลายมุทราฟ้าและดิน ขาของเขายังสั่นพั่บๆ และมือของเขาก็เป็นตะคริวจนไม่อาจยกขึ้นมาได้ เอวของเขานั้นรู้สึกราวกับถูกสับออกไปครึ่งหนึ่ง และเจ็บปวดอย่างสาหัสจนเขาต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

เรือเหาะพังพินาศ ปีกสามคู่ในหกคู่ของมันถูกฉีกออกไป หัวนกหงส์เพลิงถูกตัดสะบั้น และเสากระโดงก็ล้มลงมา ใบเรือเต็มไปด้วยรูโหว่ ทั้งห้องเรือหายสาบสูญ แม้กระทั่งอากาศภายในเรือก็กำลังรั่วไหลออกไปทั่วทิศทาง อากาศภายในเรือเหาะเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นก็คงเพราะว่าม่านหุ้มปราณชีวิตที่ห่อเรือเหาะเอาไว้ถูกทำลาย

ฉินมู่ก้าวออกไปหนึ่งก้าวอย่างยากลำบาก เขามุ่งหน้าไปยังม่านหุ้มปราณชีวิตบนเรือเหาะที่แตกทะลุ และพยายามเชื่อมปิดรูฉีกขาด ผ่านไปสักพัก เขาก็นั่งลงและถอนหายใจโล่งอก “มันน่าจะพอให้พวกเรายังมีชีวิตรอดต่อไปได้สักพัก ข้าสงสัยว่าบรรพชนแรกเป็นอย่างไรบ้าง น้องสาวจิว เจ้าปล่อยเอวข้าได้แล้ว”

หลิงอวี้จิวหน้าแดงฉาน และนางรีบปล่อยเอวของเขา

เมื่อฉินมู่วิ่งไปซ่อมแซมม่านหุ้มปราณชีวิต นางก็ยังกอดเขาไว้อยู่ ทำให้ฉินมู่วิ่งไปรอบหนึ่งพร้อมๆ กับลากนางไปด้วย

ฉินมู่กัดฟันทนความรวดร้าวในร่างกายของเขา พลางตรวจตราดูตำแหน่งพิกัดและทิศทางของพวกเขา เขาพบว่าพวกเขาอยู่ในทะเลดาวอันไม่คุ้นเคยซึ่งไม่มีทิศทางทั้งหัวและหาง ที่นี่ไม่มีทิศทั้งหก และเมื่อเขามองไปยังที่ไกลๆ เขาก็มองไม่เห็นสนามรบของบรรพชนแรกและเทพครองดาวมหาตะวัน!

ไม่เพียงแต่เขาไม่อาจมองเห็นสนามรบ แต่กระทั่งดวงตะวันที่เรือเหาะแล่นวนรอบนั้นก็มองไม่เห็นด้วยเช่นกัน!

ฉินมู่รู้สึกเยียบเย็นไปถึงหัวใจ เขารีบจับลูกประคำปัญญาที่คอของเขาและลูบมันไปมาสองครั้ง เขาตั้งสติตนเองและกล่าว “พวกเราไม่เดินสะเปะสะปะไปจะดีที่สุด พวกเราควรจะรออยู่กับที่ รอให้บรรพชนแรกหรือชื่อซีตามมาถึงที่นี่ได้”

หลิงอวี้จิวมองไปรอบๆ และพึมพำ “หากว่าพวกเขาหาพวกเราไม่เจอล่ะ? หากว่า–”

“หากว่าพวกเขาหาพวกเราไม่เจอ อากาศของพวกเราก็คงจะหายไปหมดก่อนแล้วล่ะ”

ฉินมู่นำเอาเมล็ดสมุนไพรและดินจำนวนหนึ่งออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขา เขาหว่านเมล็ดลงไปในดิน และขับเคลื่อนวิชาดินอสงไขยเสกสรร เขาพบว่าเมล็ดสมุนไพรเหล่านี้งอกออกมาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก บนดาดฟ้าที่เหลืออยู่ของเรือ ก็เต็มไปด้วยสวนสมุนไพร

เขายื่นนิ้วทั้งห้าออกไป และลูกบอลไฟก็พุ่งออกไปจากมือของเขา มันเป็นดวงตะวันเล็กๆ ที่ก่อขึ้นมาจากปราณหยางพิสุทธิ์ และเขาใช้แสงตะวันนี้เพื่อสาดส่องไปยังสมุนไพรอันเขียวชอุ่ม ปราณหยางพิสุทธิ์ของเขานั้นเข้มข้นกว่าผู้อื่นมาก ก็เพราะว่าเขาได้เดินทางย้อนเวลาไปเมื่อสี่หมื่นปีก่อน เพื่อพบกับเทพเจ้าที่ตายไปในยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง เทพตนนั้นได้กำนัลสองกระแสปราณเทวะให้แก่เขา หนึ่งนั้นคือปราณหยางพิสุทธิ์ และอีกหนึ่งคือปราณหยินพิสุทธิ์

หลังจากสร้างดวงอาทิตย์เล็กๆ ขึ้นมา ฉินมู่ก็ทำเช่นเดียวกันกับมืออีกข้างเพื่อสร้างดวงจันทร์เล็กๆ เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ข้าหวังว่านี่คงจะอยู่ไปได้อีกพัก”

ผานกงสั่วคลานออกมาจากใต้ท้องเรือและเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเขาพบว่าฉินมู่มีดินเก็บไว้ในถุงเต๋าตี้ เขาก็ร้องออกมา “จ้าวลัทธิฉิน นี่เจ้าถึงกับเก็บดินไว้ในถุงเต๋าตี้เลยรึ”

“ข้าเตรียมมันไว้เผื่อฉุกเฉิน”

ฉินมู่ปล่อยดวงตะวันและดวงจันทร์เล็กๆ ออกจากฝ่ามือสองข้างของเขา และพวกมันก็โคจรไปรอบๆ สวนสมุนไพร “ข้าเกรงว่าข้าจะเพาะสมุนไพรไม่ได้หากว่าข้าอยู่ในสถานที่แบบทะเลทราย ดังนั้นจึงเตรียมไว้บ้าง ไม่นึกว่าจะได้มาใช้ที่นี่”

ผานกงสั่วมีสีหน้าประหลาด และเขาถอนหายใจ “ตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมข้าถึงสังหารเจ้าไม่ได้สักที”

ฉินมู่กลั้นความเจ็บปวดในร่างเอาไว้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่เคยเอาชนะข้าได้เลยสักครั้ง จะมาพูดอะไรเรื่องสังหารข้า”

ผานกงสั่วสีหน้ามืดดำ และเขาก็หยุดพูดจา เขาไม่กล้าลงมือด้วยเช่นกัน

ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราสามคนเผาผลาญอากาศที่นี่ย่อมเผาผลาญเร็วกว่ามีพวกเราแค่สองคน ดังนั้น…”

ผานกงสั่วสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง เขานั้นกำลังจะหลบหนี แต่ทันใด เรือก็จมวูบ ทั้งสามคนรีบหันขวับไปข้างหลัง และสีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดจากสิ่งที่เห็น เทพครองดาวมหาตะวันอันร่างกายเต็มไปด้วยรูทะลุ กำลังยืนอยู่บนท้ายเรือ ปากข้างหนึ่งของเขาหักไป และขาของเขาก็หักเป๋ เขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผล และสองในสามดวงตาของเขาดูเหมือนจะบอดสนิท โดยรวมแล้ว เขามีสภาพอันยับเยิน

แค่ก แค่ก

เขาไออย่างรุนแรง และสำรอกเสมหะติดไฟจำนวนหนึ่งออกมา อันแผดเผาไม่หยุดยั้งแม้ว่าจะร่วงลงไปกับพื้น ส่วนนี้ของเรือเทวะจึงถูกเผาไม้

“ทักษะเทวะยุคจักรพรรดิก่อตั้งแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้…”

เทพครองดาวมหาตะวันหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด และสูดลมหายใจลึก โลหิตหลั่งไหลออกจากร่างกายของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เขาหัวเราะในคอ “เขาเกือบจะปลิดชีวิตของข้าได้ แต่ก็แค่เกือบ… ข้าพูดอะไรไว้นะ อ้อ ใช่แล้ว เจ้าน่ะตายไปแล้ว”

ดวงตาที่เหลือของเขาเปิดออก และดูเหมือนจะมีดวงตะวันมหึมาที่คุกรุ่นเพลิงเทวะอยู่ข้างในนั้น!

ฉินมู่รีบคว้ากล่องเล็กและเปิดมันออกมาโดยฉับพลัน แสงโลหิตสองสายยิงพุ่งไปยังเทพครองดาวมหาตะวันและฟาดฟันเขา!

ปีกรุ่งริ่งของเทพครองดาวมหาตะวันคลี่ออกตวัดมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ และแสงสองสายก็ไหววนไปรอบๆ ตัวเขา ขนนกของเขาหลายเส้นถูกตัดออกไป และโลหิตก็พุ่งกระฉูด

“อั้ก–” เสียงอันตื่นตระหนักและโกรธเกรี้ยวของเทพครองดาวมหาตะวันดังมาจากข้างในขนนก

ฉินมู่หัวใจเย็นเฉียบ มีดปริศนาประหารเทพไม่อาจสังหารเทพครองดาวมหาตะวันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ที่ทำให้เขายิ่งสิ้นหวังเข้าไปอีกก็คือว่า หากเทพครองดาวมหาตะวันมาปรากฏตัวที่นี่ได้ หรือกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกจะตายไปแล้ว

แสงสองเส้นวกกลับมาโดยไม่ประสบผลสำเร็จ และหีบก็ปิดลงฉับ

“เมื่อไม่มีแท่นประหารเทพ เพียงแค่มีดปริศนาประหารเทพทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

เทพครองดาวมหาตะวันกางปีกออก และโลหิตก็หลั่งไหลออกมาจากพวกมัน เลือดของเขาตกลงไปบนดาดฟ้าเรือ และทำให้มันติดไฟในทันที ผ่านไปพักหนึ่ง ทั้งดาดฟ้าเรือก็คละคลุ้งไปด้วยไฟเทวะ

อากาศแห้งเหือดไปอย่างรวดเร็ว และไม่นาน ฉินมู่กับหลิงอวี้จิวก็รู้สึกหายใจลำบาก

เทพครองดาวมหาตะวันเดินเข้ามาพลางหอบหายใจอย่างรุนแรง “ศีรษะของยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิยังต้องใช้ประกอบกับแท่นประหารเทพ ถึงจะสามารถขับเคลื่อนพลังสังหารอันไร้ที่ติออกมาได้ น่าเทวนาที่เจ้าไม่ได้ภูเขานั้นมาด้วย ตอนนี้พวกเจ้าไปตายได้แล–”

ทันใดนั้น เรือเหาะก็ขย่มสะเทือน และเทพครองดาวมหาตะวันก็ร่างแข็งทื่อ หัวของเขาหันกลับไป และเขาเห็นร่างอันผอมสูงแผดเผาอยู่ในไฟเดินเข้ามาพร้อมกับกระบี่เทวะในมือ ปลายกระบี่นี้ชี้ตรงมายังดาดฟ้าเรือ

เพลิงเทวะพลันดับลงไปเมื่อปลายกระบี่พุ่งผ่าน เหลือก็แต่โลหิตทองคำกองอยู่

“เจ้ายังไม่ตายอีก?”

ดวงตาที่เหลือของเทพครองดาวมหาตะวันเผยความหวาดผวา และเขาค่อยๆ ถอยออกมาโดยทันที เขาพลันกระพือปีกและเหินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ความเจ็บปวดจากปีกของเขาทำให้เขาร้องโหยหวนและบินจากไปราวกับลำแสงอาพันธ์

ใบหน้าของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกซีดเผือด เขายื่นมือออกปรบหนึ่งครั้งและกล่าวด้วยเสียงแผ่ว “ชีวาเขียวเสกสรร!”

ทั้งเรือกลับกลายเป็นเหมือนต้นไม้ตายซากที่กลับมาเขียวชอุ่มต้อนรับหน้าฝนอีกครั้ง โครงสร้างไม้ของเรือผลิดอกออกใบอย่างรวดเร็ว และพฤกษาอันใหญ่ตระการที่งอกเงยขึ้นไปอย่างดุเดือดภายในพริบตาเดียว มันกลายเป็นเหมือนกับป่าดึกดำบรรพ์!

ทั้งเรือเหาะแปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์เล็กๆ มีต้นไม้งอกเงยไปทั่วสารทิศ มันลอยอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางนภาประดับดาว

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเดินมาตรงหน้าฉินมู่และคณะ และเขากล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “สหายเต๋าชื่อซี เจ้าจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่ หากว่าเมื่อครู่เจ้าลงมือด้วย พวกเราก็สามารถต่อสู้เทพครองดาวมหาตะวันจนคร่าชีวิตเขาได้ และไม่ปล่อยให้เขาหลบหนีไป”

ชื่อซีพลันปรากฏที่หัวเรือพลางลากตึกสยบสวรรค์ของเขามาด้วย ใบหน้าทั้งสามและดวงตาทั้งหกของเขาจ้องไปที่บรรพชนแรก “ข้าก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ข้าสามารถต่อสู้จนคร่าชีวิตเขา แต่ข้าก็จะไม่รอดเช่นกัน ในเมื่อเขาหลบหนีไปแล้ว เขาก็คงไม่กล้ากลับมาอีกต่อไป ต่อให้เขากลับมาก็จับพวกเราไปไม่ได้ พวกเราบรรลุเป้าหมายแล้ว ดังนั้นมีความจำเป็นอะไรต้องเสี่ยงชีวิตอีก อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรล่ะ”

น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะกังวลห่วงใย และฉินมู่รู้สึกหวาดกลัว การที่ชื่อซีถามแบบนี้ในตอนนี้ดูผิดสังเกต เขาจะต้องมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน! ตราบเท่าที่เขาสังหารบรรพชนแรกได้ แสงฉานก็จะสามารถยึดครองสันตินิรันดร์ได้โดยง่าย! จิตสังหารของชื่อซีจึงลุกวาบขึ้นมา!

สาเหตุที่ชื่อซียินยอมที่จะเป็นพันธมิตรกับสันตินิรันดร์ ก็เพราะว่ามีกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกดำรงอยู่ เขานั้นมีกำลังฝีมือเพียงพอที่จะทำให้สันตินิรันดร์เป็นพันธมิตรกับรัชสมัยเทวะแสงฉานได้

หากว่าบรรพชนแรกตายไป ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำพันธมิตร เขาสามารถเข้าไปยึดครองสันตินิรันดร์ได้เลย!

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าว “อาการบาดเจ็บของข้าหนักหนาแค่ไหน เจ้าลองแล้วก็จะรู้เอง”

ฉินมู่คว้ากล่องเล็กเอาไว้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสชื่อซี ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังเป็นพันธมิตรกัน จะฉีกหน้าตอนนี้ก็คงไม่ดีหรอก”

ชื่อซีจ้องไปที่กล่องเล็กในมือของเขา และเขาก็ยิ้มออกมาโดยทันที “จริงนั่นแหละ ข้าเพียงแต่ห่วงใยเท่านั้น มิได้มีเจตนาร้ายอะไร ศิษย์ข้า มาทางนี้สิ”

ผานกงสั่วเดินไปใกล้เขา และกล่าวด้วยเสียงต่ำ “กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกได้รับบาดเจ็บสาหัส หากว่าพวกเราสามารถแย่งชิงมีดปริศนาประหารเทพมาได้ พวกเราก็จะสามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ตามใจ!”

ชื่อซีส่ายหัว “ข้ารู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสยิ่ง แต่ของข้าก็ไม่เบาเช่นกัน ข้าไม่มีความมั่นใจที่จะรับมือมีดปริศนาประหารเทพ รอให้ร่างกายข้าฟื้นฟูขึ้นมาก่อน”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกทรุดตัวลงนั่ง และฉินมู่ก็ตรวจอาการบาดเจ็บของเขา เมื่อดูได้สักพักเขาก็ขมวดคิ้ว

อาการบาดเจ็บในร่างกายของบรรพชนแรกนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขานั้นเหมือนกับแจกันกระเบื้องที่พร้อมจะแตกร้าวได้ในทุกขณะ อาการบาดเจ็บเหล่านี้มาจากสามท่วงท่าคว่ำฟ้าดิน

สามท่วงท่าคว่ำฟ้าดินเป็นทักษะเทวะที่มีอารมณ์ทำลายตนเองอันรุนแรง และเขาไม่รู้ว่าบรรพชนแรกใช้ไปกี่กระบวนท่า แต่อาการบาดเจ็บทั้งบนกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาล้วนแต่สาหัส แม้กระทั่งสมบัติเทวะและปราสาทสวรรค์ที่ปลายสุดสะพานเทวะของเขา ก็มีรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน

อาการบาดเจ็บสาหัสที่สุดเท่าที่ฉินมู่เคยเยียวยามาก็ยังคงเป็นราชครูหลังจากการต่อสู้กับเทพครองแดนหยก แต่ทว่าราชครูไม่มีความเสียหายในปราสาทสวรรค์ในครั้งนั้น แต่บัดนี้ กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเกิดความเสียหายยาวไปถึงปราสาทสวรรค์ของเขา

การส่งพลังเยียวยาเข้าไปในปราสาทสวรรค์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ฉินมู่ไม่เคยเรียนรู้และประสบพบพาน

ข้าค่อยๆ รักษาไปทีละเปลาะละกัน ก่อนอื่นข้าจะต้องรักษาอาการบาดเจ็บอื่นๆ ของเขาก่อน แล้วค่อยคิดถึงวิธีการเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บในปราสาทสวรรค์ของเขา

ฉินมู่ส่งกล่องเล็กให้กับหลิงอวี้จิวและสอนนางถึงวิธีการกระตุ้นการทำงานและปลดปล่อยมีดปริศนาประหารเทพออกมา เขาสั่งความเสียงเบา “หากชื่อซีก้าวเข้ามา ให้เปิดกล่องทันที ไม่ต้องลังเล!”

หลิงอวี้จิวผงกหัวอย่างเชื่องช้า นาางกอดกล่องเอาไว้พลางทบทวนคำสั่งของฉินมู่ในจิตคิด

ฉินมู่สูดลมหายใจลึก และเขาเริ่มต้นรวบรวมสมุนไพรเพื่อหลอมปรุงยาวิญญาณในทันที!