“หืม? นั่นมัน…นั่นมันตั๋วคอนเสิร์ต ฟ่านซีเหยียน นี่นา!!”

ในทันทีที่หลี่หรงแน่ใจว่ามันคือ ตั๋วคอนเสิร์ตของฟ่านซีเหยียน เธอก็กระโดดโผเข้าไปกอดอวี้ฮ่าวหรานด้วยความดีใจ

“พี่เขย พี่เก่งที่สุดเลย!”

เธอไม่นึกเลยว่าพี่เขยของเธอจะหาตั๋วมาได้ไวขนาดนี้!

“อะแฮ่ม…! ปล่อยพี่ก่อนดีไหม…?”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อหน้าอกของเขาถูกสองเต้าเบียดอย่างแนบชิด…

“แม่หรง แม่ก็ชอบกอดพ่อจ๋าเหมือนกันเหรอ?”

ในเวลาเดียกวันนี้ เสียงเล็ก ๆ ของ ถวนถวนก็ดังขึ้นจากบริเวณโซฟาเช่นกัน

“หืม…? เอ๊ะ? เปล่า ๆ!”

หลี่หรง เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอเผลอตัวเองกอดอวี้ฮ่าวหรานจนแน่น เธอรีบกระโดดถอยหลังออกห่างเขาด้วยแก้มที่แดงก่ำจากอาการเขินอาย

เมื่อเห็นอาการเขินอายของหลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ออกมาอย่างขบขัน

“เอาล่ะเธอมารับตั๋วของเธอไปสิ…”

“ขอบคุณมากเลยพี่เขย! ฉันนะอุตส่าห์ฝากคนไปตั้งหลายคนเพื่อให้ซื้อตั๋วมาให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหาซื้อตั๋วมาได้สักคนจนฉันนึกว่าจะไม่ได้ไปดูซะแล้ว” หลี่หรงเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าเบิกบาน เมื่อได้ตั๋วไปเธอก็ลืมอาการเขินอายเมื่อครู่เป็นปลิดทิ้ง

“มันก็แค่งานคอนเสิร์ตเฉย ๆ ไม่ใช่หรือไง” อวี้ฮ่าวหราน ไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่หรงถึงต้องตื่นเต้นนักหนา

“โธ่พี่เขย พี่นี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย ฟ่านซีเหยียนเป็นนักร้องที่สวยมาก ๆ แถมเสียงของเธอก็สุดยอดอีกต่างหากแม้แต่ฉันที่เป็นผู้หญิงยังชอบจนบางทีก็เผลออิจฉาด้วยซ้ำ!” หลี่หรงทำหน้าเหนื่อยใจที่พี่เขยของเธอไม่รู้เรื่องข่าวสารของโลกบันเทิงเอาซะเลย

“ช่างเถอะ ๆ กินข้าวกันต่อดีกว่า…”

อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากจะสนใจอีกต่อไปเขาจึงพูดเปลี่ยนเรื่อง

ในอดีตมีเทพธิดามากมายมาเสนอตัวให้เขา ดังนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรกับนักร้องธรรมดา ๆ มากนัก

หลายวันผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงวันที่คอนเสิร์ตจัดแสดง

“เฮ้…พี่เขย นี่มันใช่ทางไปงานคอนเสิร์ตงั้นเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดมันไปอีกทางไม่ใช่หรือไง?”

ในรถ หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

“ตั๋วที่เราได้มา พี่ได้มาจากเฉิงกัวอัน ซึ่งเขาวานให้พี่ช่วยพาลูกสาวของเขาไปดูด้วย ดังนั้นเราจะต้องไปรับเธอก่อน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ

“ห๊ะ?…นี่ เฉิงกัวอันบอกให้พี่ไปรับลูกสาวของเขาไปดูคอนเสิร์ตงั้นเหรอ?”

หลี่หรงรู้สึกพูดไม่ออก

“อืม มันเป็นแบบนั้นแหละ” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

“พี่เขย ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เห็นกันชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอว่า เฉิงกัวอัน พยายามจะดันลูกสาวของตัวเองให้พี่?”

หลี่หรงรู้สึกไม่พอใจทันที พี่เขยของเธอไม่รู้สึกตัวบ้างหรือไง?

นี่ถ้าหากเธอกับถวนถวนไม่ได้มาด้วย พ่อม่ายกับสาวโสดไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันสองคน มันไม่ได้หมายความว่าเป็นการเดทเลยหรือไง?

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงให้ตั๋วคอนเสิร์ตมาแบบง่าย ๆ ที่แท้เฉิงกัวอันต้องการจับคู่ให้ลูกสาวตัวเองนี่เอง!

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกเหนื่อยใจ ทำไมน้องภรรยาของเขาชอบคิดเยอะเรื่องเกี่ยวกับชายหญิงมากขนาดนี้?

หลังจากนั้นไม่นาน อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงหน้าบ้านเฉิงกัวอัน

“มาซะเร็วเชียว อยากเข้าไปนั่งเล่นข้างในบ้านฉันก่อนไหม?”

เฉิงชิวอวี้ที่ได้ข่าวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมารับ เธอก็มารอหน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว เธอทักทายเขาทันทีเมื่อเขาขับรถมาถึงโดยไม่ได้มองว่าในรถมีคนอื่นอยู่อีกหรือเปล่า?

วันนี้เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าและสร้อยคอจี้ไพลินราคาแพงระยับ ซึ่งทำให้เธอยิ่งดูงดงามและสูงส่งมากขึ้นไปอีก…

การแต่งตัวของเธอในวันนี้มันดูสวยกว่าปกติมาก ๆ อันที่จริงมันสวยเกินกว่าจะไปงานคอนเสิร์ตซะอีก

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คิดว่าวันนี้เฉิงชิวอวี้จะแต่งตัวมาดีขนาดนี้…

“เอ๊ะ? มีคนอยู่ในรถด้วยงั้นเหรอ?”

หลังจากทักทายจบ เฉิงชิวอวี้ก็เหลือบไปเห็นหลี่หรงนั่งอยู่ในรถกับ ถวนถวน

“อืม นี่น้องภรรยาของผม หลี่หรง เท่าที่ผมจำได้คุณยังไม่เคยเจอเธอใช่ไหม? นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้รู้จักกับเธอ”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายสงสัย อวี้ฮ่าวหรานก็อธิบายทันที

“โอ้! สวัสดีค่ะ…ฉันเฉิงชิวอวี้ หรือจะเรียกฉันชิวอวี้ก็ได้ ฉันมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของเครือชิวเฮิง แต่เอ…ถ้าฉันจำไม่ผิดเราเป็นคู่ค้ากันด้วยใช่ไหม?”

เฉิงชิวอวี้ สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง ถึงแม้ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับน้องภรรยาของอวี้ฮ่าวหราน แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีประหม่าอะไร กลับกันเธอใช้โอกาสนี้แนะนำตัวเองอย่างครบถ้วนอีกต่างหาก

ทางด้านของหลี่หรง ภายนอกเธอยิ้มตอบรับอย่างสุภาพแต่ในใจเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกต่อต้าน เฉิงชิวอวี้คนนี้แต่งตัวมาอย่างดีราวกับเจ้าหญิง แต่พี่เขยของเธอกลับยังโง่งมไม่รู้ตัวอีกว่าอีกฝ่ายมีความคิดแบบไหน!

หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย ทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดคอนเสิร์ต

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เดินทางไป บรรยากาศในรถกลับค่อนกระอักกระอ่วน หญิงสาวทั้งสองคนไม่ปริปากพูดอะไรกันเลย พวกเธอต่างดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรหลายอย่างอยู่ในหัว

ในบางครั้ง เฉิงชิวอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เธอไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะพาน้องภรรยามาเที่ยวด้วยแบบนี้…

ในตอนแรกเธอนึกว่าเธอจะมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตกับอวี้ฮ่าวหรานเพียงแค่สองคนตามลำพัง แต่ตอนนี้ หลี่หรง กลับมองเธอด้วยสายตาระแวดระวังราวกับว่าเธอเป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจซะงั้น

สัญชาตญาณความเป็นผู้หญิงของเธอมันร้องเตือนอย่างรุนแรงว่าน้องภรรยาของอวี้ฮ่าวหรานคนนี้ดูจะมีความรู้สึกที่เกินเลยกับพี่เขยของตัวเองอย่างแน่นอน!

ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรขนาดนี้!

น่าสนใจ ๆ น้องภรรยาหลงรักพี่เขยของตัวเองงั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉิงชิวอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างอวี้ฮ่าวหราน ย่อมต้องอดใจไม่ไหวอยู่แล้วสินะ…

และยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาของอีกฝ่ายดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจนดูเหมือนเขาเป็นพ่อม่ายที่ยังโสดอีกต่างหาก!

ดูเหมือนว่าอุปสรรคความรักของฉันคงไม่ใช่เล่น ๆ ซะแล้ว!

“พี่สาว พี่สวยจังเลย ถวนถวน ชอบพี่สาวจัง!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบกันอยู่จู่ ๆ ถวนถวน ก็เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เอ๊ะ? จริงเหรอ?!”

เฉิงชิวอวี้อึ้งไปชั่วครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเด็กน้อยชมตัวเอง เธอรู้สึกเบิกบานในทันทีและนึกเอ่ยชมเด็กน้อยคนนี้ในใจถึงความปากหวาน

และยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ที่กำลังนั่งข้าง ๆ เธอหน้าตาน่ารักมาก ๆ เลย!

“พี่สาวขอกอดหน่อยได้ไหม?”

เมื่อเห็นหน้าตาที่น่ารักของถวนถวน เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขอกอดเด็กสาวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาคนนี้

นี่คือถวนถวน ที่อวี้ฮ่าวหรานเคยเอ่ยให้ฟังสินะ…

ถ้าหากฉันสามารถให้กำเนิดเด็กที่น่ารักขนาดนี้ได้ล่ะก็…

เธอประหลาดใจกับตัวเองเหมือนกันที่จู่ ๆ ก็มีความคิดประหลาด ๆ แบบนี้ขึ้นมาในใจทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยมีความคิดอยากมีลูกเลย

บรรยากาศกระอักกระอ่วนในรถตอนนี้กลายเป็นลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะหลี่หรง ที่เห็นว่าเฉิงชิวอวี้เล่นกับถวนถวนอย่างเอ็นดูแบบใจจริง ความเป็นปฏิปักษ์ของเธอก็ลดลงอย่างชัดเจน