ภาคที่ 2 บทที่ 194 เข้าใจ

มู่หนานจือ

ทำไม?

เหตุใดไทฮองไทเฮาถึงดีกับนางถึงเพียงนี้?

ท่านยายรับเลี้ยงนาง เพราะมารดาเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมยังต้องดีกับนางขนาดนี้อีก?

เจียงเซี่ยนเป็นคนมาสองชาติ เป็นครั้งที่สองที่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ครั้งแรกคือไทฮองไทเฮาเสียชีวิต

เฉาเซวียนคิดว่าเจียงเซี่ยนจะตื้นตันมาก แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะนั่งร้องไห้อย่างเสียใจจนถึงที่สุดอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์อย่างสิ้นเชิงแบบนี้ หากมีคนเดินเข้ามาตอนนี้ จะต้องคิดว่าเขาทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเจียงเซี่ยนอย่างแน่นอน!

เขารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ แล้วก็คิดว่าตนเองไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ผ้าเช็ดหน้านี้ก็สกปรกเช่นกัน จึงจำเป็นต้องยัดผ้าเช็ดหน้ากลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง แล้ววนในห้องโถงรอบหนึ่ง สุดท้ายก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ใช้สำหรับล้างหน้าตรงหน้าที่วางกะละมังที่ล้างหน้าและบ้วนปากมายื่นให้เจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนเช็ดหน้า นางร้องไห้จนเวียนศีรษะเล็กน้อย แล้วก็ได้ยินเฉาเซวียนเอ่ยข้างหูว่า “ไทฮองไทเฮาทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับเจ้าเช่นกัน และเจ้าก็ไม่ต้องกังวล ถึงแม้เจ้าจะออกจากเมืองหลวงมาหลายวันแล้ว แต่เจ้าอยู่ที่วังฉือหนิงมานาน แล้วก็เป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเวลานี้เจ้าไม่อยู่ในวัง อาลวี่กับอาจ้านกระทั่งซื่อจื่อจิ้งไห่โหวต่างอยู่ที่นี่ หากกลับเมืองหลวงช้า ก็บอกเพียงว่าพวกเราพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นก็พอแล้ว ไม่มีทางที่มีคำครหาแพร่งพรายออกมา ต่อให้เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็น่าจะเชื่อความสามารถของลุงเจ้า เขาไม่มีทางที่จะให้เรื่องแบบนี้แพร่งพรายออกไป…”

เหมือนมั่นใจว่านางจะเลือกราชโองการฉบับที่สั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตาย

เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ

แค่เพราะหลี่เชียนทรยศตระกูลเฉาอย่างนั้นหรือ?

ถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นไทเฮาที่สำเร็จราชการแทน จึงรู้ว่าการเมืองก็คือผลจากการประนีประนอม ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนในวังฉือหนิง พอถึงวังเฉียนชิง นางก็สามารถทำให้ตนเองใจเย็นลง และพูดคุยกับเหล่าขุนนางระดับสูงจากสำนักราชเลขาธิการและเหล่าขุนนางจากหกกรมและสามสำนักอย่างดีๆ ได้ นางคิดว่าตนเองเป็นคนที่อดทนเก่งมากคนหนึ่งทีเดียวในเรื่องงาน อย่างน้อยก็อดทนเก่งกว่าจ้าวอี้ ทว่าเวลานี้นางกลับอดที่จะโกรธขึ้นมาไม่ได้ “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? จะให้ข้าสั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตายหรือ? เมื่อครู่ตอนที่เจ้าอยู่ข้างนอกเหตุใดไม่ประกาศราชโองการไปเลย? ทำไม? กลัวคนพูดว่าตระกูลเฉาของพวกเจ้าเนรคุณ ถีบหัวส่งเมื่อหมดประโยชน์ แม้แต่ขุนนางคนหนึ่งก็ปกป้องไม่ได้หรือ? แล้วมีสิทธิอะไรมาให้ตระกูลเจียงของพวกเราเป็นคนเลว? มีสิทธิอะไรมาให้ข้ารับเคราะห์แทนตระกูลเฉาของพวกเจ้า? เรื่องนี้ข้าไม่ทำ!”

เฉาเซวียนมองใบหน้าที่โกรธเคืองของเจียงเซี่ยน พลางคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องนี้ แล้วก็อดที่จะเอ่ยอย่างเยือกเย็นไม่ได้ว่า “เจียหนาน เจ้าคงจะไม่ได้ชอบหลี่เชียนจริงๆ ใช่หรือไม่?”

ดังนั้นหลี่เชียนถึงกล้าลักพาตัวนาง?

ดังนั้นหลี่เชียนถึงได้ไปพึ่งพาตระกูลเจียง?

ดังนั้นหลี่เชียนถึงได้ขัดขวางเจียงลวี่ไว้ข้างนอก?

เจียงเซี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย

ทว่าสายตาของเฉาเซวียนกลับเปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้น

เจียงเซี่ยนเหมือนกับเห็นเฉาเซวียนเฉิงเอินกงแม่ทัพภาคแห่งกองบัญชาการห้าทัพและหัวหน้ากองตราประทับคนที่ท่าทางองอาจและพูดจาฉะฉานในราชสำนัก ออกความคิดกับวางแผนให้นาง และร่วมกันหารือข้อราชการในราชสำนักที่วังเฉียนชิงนั้นอีกครั้ง

ชาติก่อนปะปนกับชาตินี้ นางที่สับสนและจนปัญญาอดที่จะพึมพำไม่ได้ว่า “ข้าชอบจะมีประโยชน์อะไร? สิ่งที่เขาสนใจที่สุดยังคงเป็นอนาคตของตระกูลหลี่ และแผนการอันยิ่งใหญ่กับการรักษาอำนาจของเขาเอง…”

เฉาเซวียนตกใจ

เขาไม่เคยคิดฝันว่า วันหนึ่งเจียงเซี่ยนจะบอกความในใจกับเขา

คนที่เกิดมาในราชวงศ์อย่างพวกเขา บอกความในใจสักคำยากแค่ไหน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว

“เจ้า…” เฉาเซวียนมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกัน

เขาอยากถามเจียงเซี่ยนมากว่า หากจุดยืนของทั้งสองตระกูลตรงกัน เจียงเซี่ยนจะเลือกหลี่เชียนเป็นสามีใช่หรือไม่?

ทว่าเจียงเซี่ยนได้สติกลับมาท่ามกลางเสียงถามเพียงสั้นๆ ของเขาแล้ว

นางอดที่จะยิ้มไม่ได้

นี่นางต้องโลเลแค่ไหน ถึงได้สับสนระหว่างเฉาเซวียนในชาตินี้กับชาติที่แล้ว และอยากให้เฉาเซวียนให้คำแนะนำและคำพูดเตือนสติกับนางสักหน่อยเหมือนชาติก่อน

แต่รอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยตนเองเล็กน้อยของนางกลับแทงตาของเฉาเซวียนจนเจ็บ และทำให้เขารู้สึกเศร้าขึ้นมาเหมือนสัมผัสมาด้วยตนเองอย่างไม่อาจอธิบายได้

เขาอดที่จะย้ำไม่ได้ว่า “เจียหนาน ข้านำราชโองการมาสองฉบับ”

ความนัยที่แฝงในนั้นคือ เขาก็หวังว่านางจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและได้เลือกในสิ่งที่ตนเองเลือกเหมือนกับไทฮองไทเฮา ดังนั้นเขาถึงยืนกรานที่จะมาพบนาง และให้นางตัดสินใจว่าจะอ่านราชโองการฉบับไหนกันแน่

เจียงเซี่ยนเข้าใจความคิดของเฉาเซวียนทันที

นางมองเฉาเซวียนตาโต

เขากำลังบอกนางว่า เขากลัวว่านางจะถูกหลี่เชียนรังแก จึงช่วยนางติดต่อ และขอความช่วยเหลือจากไทฮองไทเฮาให้นาง ถึงนำราชโองการสองฉบับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมาหรือ?

เขาไม่กลัวว่าตระกูลหลี่กับตระกูลเจียงเกี่ยวดองกันแล้วจะแอบเล่นตุกติกทำให้เฉาไทเฮาสูญเสียอำนาจที่แท้จริงหรือ?

เขาไม่กลัวว่าตระกูลเฉาจะสูญเสียที่พึ่งในราชสำนักเพราะการตายของหลี่เชียนหรือ?

เขาไม่กลัวว่าตระกูลเฉาล้มลงแล้วจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้และตกต่ำลงไปอย่างถึงที่สุดตั้งแต่นี้ไปหรือ?

เจียงเซี่ยนมองเฉาเซวียนอย่างแน่วแน่

เฉาเซวียนไม่หลบสายตาของนาง ทว่ามองตอบเจียงเซี่ยนอย่างหนักแน่น และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจียหนาน ข้ารู้ว่าข้าพูดแบบนี้เจ้าอาจจะคิดว่าข้าไร้เดียงสาไปหน่อย แต่ข้าคิดแบบนี้จริงๆ สรรพสิ่งเจริญจนถึงขีดสุดแล้วก็จะเสื่อมถอย เรื่องบางเรื่องทำสักเจ็ดแปดส่วนก็พอแล้ว อย่างท่านป้าของข้านั้นก็ชอบเอาชนะเกินไป ไม่อย่างนั้นนางก็คงจะไม่ถูกกักขังอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วแล้วเช่นกัน ข้าอยากให้ตระกูลเฉาเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ไม่ได้อยากให้นางยืนอยู่ในสถานที่ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด และประหวั่นพรั่นพรึงทั้งวัน มีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็เฝ้าอย่างแน่นหนามาก ทั้งไม่อยากให้คนอื่นเห็นตระกูลเฉาเป็นโล่ แล้วก็ไม่อยากให้ตระกูลเฉาถูกคนใช้เป็นผู้นำ จนไม่มีแม้กระทั่งชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน…”

เจียงเซี่ยนเข้าใจ

บางครั้งเจ้าเข้าสู่เกมแล้ว เจ้าก็ไม่อาจหยุดเล่นได้

ทว่าใครจะกล้ารับประกันว่าตนเองยิงนกอินทรีแล้วจะไม่มีวันถูกจิกตา?

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่เกิดมาร่ำรวยและเติบโตมาสบายอย่างพวกเขาต่างก็ไม่อยากไปกังวลเรื่องนี้ จึงคิดว่าทุกเรื่องทำแค่พอประมาณก็พอแล้ว ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปเร็ว ทิวทัศน์อันสวยงามไม่อาจอยู่ได้ตลอดไป ทำไมจะต้องไปใช้สมองและออกแรง พาทั้งชีวิตของตนเองเข้าไปพัวพันด้วย

ชาติก่อน เฉาไทเฮาเสียชีวิต เขาไม่อยากตายก็ต้องหาทางรอด จึงถูกบังคับให้เข้าสู่เกม

ชาตินี้ เขาก็ยังคงถูกบังคับให้เข้าสู่เกมเช่นเดิม แต่ตระกูลเฉามีเฉาไทเฮาค้ำจุน ตระกูลเฉายังมีความเป็นไปได้ที่จะปลอดภัยและราบรื่นจนถึงขั้นต่อไป เขาจึงเลือกประนีประนอม

และใช้ราชโองการสองฉบับแสดงความปรารถนาของตนเอง

เจียงเซี่ยนขอบคุณการเลือกของเฉาเซวียน

นางไม่อยากกลายเป็นศัตรูกับเพื่อนในชาติก่อนแม้แต่นิดเดียว

ความรู้สึกแบบนั้นอึดอัดเกินไปแล้ว

สายตาของเจียงเซี่ยนจับจ้องไปยังกล่องที่สลักลายมังกรและลงรักสีแดงที่เก็บราชโองการทั้งสองฉบับเอาไว้

เฉาเซวียนเตือนนางอีกครั้งด้วยเสียงเบา “เจ้าสามารถเลือกราชโองการได้ฉบับเดียว ราชโองการอีกฉบับ ข้าจะเผาต่อหน้าเจ้าตามรับสั่งของไทฮองไทเฮา เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนรู้”

นางไม่ได้กังวลอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นไทฮองไทเฮาหรือเฉาเซวียนต่างก็เป็นคนที่ทำอะไรไว้ใจได้สุดๆ

แต่ปัญหาคือ นางควรเลือกอย่างไร?

สั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตาย?

ความคิดฉายวาบผ่านไป เจียงเซี่ยนก็หวาดกลัวจนตัวสั่น

ในใจนาง หลี่เชียนแข็งแกร่งมากกว่านาง อยู่มานานกว่านาง เก่งมากกว่านาง และเหมาะที่จะมีชีวิตอยู่มากกว่านาง…นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งนางยังมีชีวิตอยู่ แต่หลี่เชียนกลับไม่อยู่แล้ว

เขามักจะอยู่ข้างกายนาง

ไม่ยุ่งเรื่องของนาง ก็เยาะเย้ยนาง ทำให้นางโกรธ

นางไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลี่เชียนจะตายต่อหน้านาง

ดังนั้นนางสามารถมองเขาอยู่ไกลๆ มองม้าเร็วของเขาห้อไปอย่างอิสระ มองความคิดและปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเขา มองอุดมการณ์และงานอันยิ่งใหญ่ของเขาได้…แต่จะ…จะตายไปก่อนวัยอันควร ทั้งที่ยังไม่เริ่มความปรารถนาดั้งเดิมตลอดชีวิต…และตายในมือของนางไม่ได้…