ตอนที่ 425 ยินดีด้วย! น่าหลานเยียนยังมีชีวิตอยู่ (1)/ตอนที่ 426 ยินดีด้วย! น่าหลานเยียนยังมีชีวิตอยู่ (2)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 425 ยินดีด้วย! น่าหลานเยียนยังมีชีวิตอยู่ (1)

เฟิงเทียนอวี้หัวเราะเย็นชา “สำหรับข้าแล้ว นางคือทั้งหมดในชีวิตของข้า ใต้หล้าก็ดี อำนาจก็ดี ไม่อาจเทียบได้กับผมนางสักเส้นเดียว”

หลายปีนั้น เขาไม่มีใจต่อสู้ เอาแต่ดูแลชาวประชา ไม่สนใจแย่งชิง นั่นก็เป็นเพราะว่าการต่อสู้แย่งชิงทั้งหลายได้สูญเสียความหมายไปแล้ว

เมื่อไม่มีน่าหลานเยียน ต่อให้ใต้หล้านี้เป็นของสกุลเฟิง รวบรวมทุกแว่นแคว้นเป็นปึกแผ่นแล้วยังจะมีประโยชน์อันใดอีก

เมื่อสูญเสียคนที่จับมือคอยเคียงคู่ไปด้วยชั่วชีวิต เหลือเพียงคนเดียวชมทัศนียภาพ ต่อให้ภาพจะงดงามแค่ไหน ก็ไม่สู้ขุมนรกที่มีนางอยู่ได้

หลิวหรงรู้สึกขยะแขยงราวกับอมแมลงวันเอาไว้ในปาก

นางรู้มาตลอดว่ากู้เจิ้นหยางชอบน่าหลานเยียน ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะลุ่มหลงนางถึงขั้นนี้

ยอมแลกอำนาจทุกอย่างที่มีกับหัวใจนาง

แต่เฟิงเทียนอวี้ก็สามารถสลัดสิ่งล่อลวงทั้งหลายทั้งปวงเพื่อน่าหลานเยียนเช่นกัน! ขอเพียงรักษาหัวใจของนางไว้ได้!

เพราะอะไร

บุรุษข้างกายของนางล้วนหลงรักน่าหลานเยียนอย่างลึกซึ้ง!

น่าหลานเยียนก็แค่ตัวกาลกิณีทำลายแว่นแคว้นทำร้ายคนเท่านั้น!

“แค่กแค่ก!”

บางทีอาจเพราะพูดมากเกินไป เฟิงเทียนอวี้ไอกระอักเลือกออกมาอีกครั้ง ใบหน้าอ่อนแรงของเขายิ้มเย้ยหยัน “กู้เจิ้นหยาง เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้ารักเยียนเอ๋อร์ ความรักของเจ้าคือทำร้ายคนที่นางใส่ใจทั้งหมดอย่างนั้นหรือ”

เยียนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคุณธรรมนำมิตร นางห่วงใยครอบครัว รักชาวประชา แต่ว่าบุรุษที่พร่ำบอกว่ารักนางกลับกล้าทำร้ายคนที่นางรัก

“ในสายตาของคนพรรคเภสัชเทพของเจ้า ชาวประชา แผ่นดินใต้หล้าล้วนไม่มีค่า พวกเจ้าไม่ใส่ใจชีวิตคน เหยียบย่ำอย่างเหิมเกริม เพียงให้ตัวเองพึงพอใจ กระทั่งสตรีที่รักก็ยังฆ่าแกงได้ ดังนั้นเยียนเอ๋อร์ไม่มีวันรับรักจากเจ้า!”

เยียนเอ๋อร์ของเขาจิตใจมีเมตตา ไฉนจะหลงรัก…คนที่โหดร้ายเช่นนี้กัน

ต่อให้ไม่มีเขา เยียนเอ๋อร์ก็ไม่มีวันรับรักกู้เจิ้นหยาง

“เจ้าพูดเหลวไหล!” กู้เจิ้นหยางสีหน้าคลุ้มคลั่ง หัวเราะเสียงดังลั่น เขาหัวเราะไปเรื่อยๆ น้ำตาก็ไหลพรากออกมา “ข้าไม่ให้ค่าชีวิตคน ผู้เข้มแข็งอยู่รอด ส่วนพวกอ่อนแอต่อให้ข้าไม่ฆ่าทิ้ง สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใส่ใจแต่เยียนเอ๋อร์! ข้าสามารถทำร้ายคนทั้งโลกได้ เว้นเสียแต่ทำร้ายนาง! ข้าก็แค่มาช้ากว่าเจ้าเท่านั้น นางจึงไม่ชอบข้า”

แววตาเฟิงเทียนอวี้ทอประกายวาบ เขาอดกำหมัดแน่นไม่ได้ ลมหายใจร้อนรน “เยียนเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่!”

ความยินดีทะลักโถมขึ้นในใจเขา

ร่างกายเขาสั่นเทิ้ม ใบหน้าขาวซีดพลันเกิดความเปลี่ยนแปลง

เยียนเอ๋อร์ยังไม่ตาย นางยังไม่ตายจริงๆ !

เขาหลงคิดว่าคนของพรรคเภสัชเทพฆ่าเยียนเอ๋อร์ไปแล้ว เมื่อกู้เจิ้นหยางเอ่ยเช่นนี้ นั่นก็พิสูจน์ว่า…เยียนเอ๋อร์ของเขายังมีชีวิตอยู่ ฮ่าฮ่าฮ่า!

ในที่สุดก็เจิ้นหยางก็ได้สติ แววตาเย็นยะเยือก “เจ้าหลอกให้ข้าพูดหรือ”

มิน่า…

มิน่าเฟิงเทียนอวี้ฝืนร่างกายอ่อนแอขนาดนั้น ยังพูดวาจาเหลวไหลกับเขาตั้งมากมาย

เขากลับถูกล้วงคำตอบไป!

“ที่ข้ามาครั้งนี้ เพื่อบีบให้นางปรากฏตัว ไม่คิดปิดบังอีกต่อไปแล้ว!” กู้เจิ้นหยางเอ่ยเสียงนิ่ง “ตอนนั้นที่วังหลวงเจ้าเกิดเรื่อง ข้าส่งคนไปก่อเรื่องขึ้นมาเอง ในเมื่อเจ้าถูกพิษ ข้าก็ไม่คิดทำลายแคว้นหลิวอวิ๋นของเจ้าอีก เพียงอยากขับไล่เจ้า และพานางจากไปเท่านั้น”

เฟิงเทียนอวี้กำหมัดแน่นขึ้นทุกที คำพูดของกู้เจิ้นหยางสลายความมืดหม่นในใจเขาไปสิ้น กลับเป็นความยินดี ตื่นเต้น

“เยียนเอ๋อร์นาง…ทำไมถึงไปกับเจ้า”

เรื่องนี้เยียนเอ๋อร์ไม่เคยบอกกับเขามาก่อน ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่แรกจนจบเขาไม่เคยร่วมเผชิญอันตรายกับนางเลย

………………………..

ตอนที่ 426 ยินดีด้วย! น่าหลานเยียนยังมีชีวิตอยู่ (2)

เยียนเอ๋อร์ในยามนั้น อยู่ตัวคนเดียวจะโดดเดี่ยวมากแค่ไหน…

“ข้าบอกนางว่า หากนางไม่ตามข้าไป ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำลายแคว้นหลิวอวิ๋นของเจ้าซะ! ข้าพูดได้ ก็ทำได้อย่างแน่นอน เพื่อปกป้องเจ้า เยียนเอ๋อร์รับปากจะอยู่เป็นเพื่อนข้าหลายปี” นัยน์ตากู้เจิ้นหยางเปี่ยมไปด้วยเพลิงแห่งความอิจฉา เขากัดฟันด้วยความเคียดแค้น “ดังนั้น ข้าจะได้แค้นเจ้าถึงขนาดนี้!”

ครั้งนั้นหากน่าหลานเยียนไม่ไปกับเขาจริงๆ เขาจะทำลายแคว้นหลิวอวิ๋นให้พังพินาศย่อยยับเพราะความรักที่แปรเปลี่ยนไปเป็นความแค้น

เพราะว่านางยอมไปด้วย เขาจึงเหลือทางรอดไว้ให้แคว้นหลิวอวิ๋น!

“เพื่อไม่ให้เจ้าตามหาเยียนเอ๋อร์พบ ข้าจงใจหาคนมาแทนพร้อมกับใช้น้ำแปลงโฉม น้ำแปลงโฉมนี้หาได้เหมือนวิชาแปลงโฉม ดูเสมือนจริงมากกว่าวิชาแปลงโฉมมาก ดังนั้นศพที่เจ้าฝังลงในสุสานราชวงศ์หาใช่เยียนเอ๋อร์ไม่”

กู้เจิ้นหยางหลับตาด้วยความเจ็บปวด “นางเป็นหญิงเดียวที่ข้ารักในชีวิตนี้ ข้าไม่เคยคิดบีบบังคับนางมาก่อน นางไม่ให้ข้าเข้าใกล้ ข้าก็ไม่เข้าใกล้นาง บรรดาสตรีในเรือนที่ชอบไปรังควานหาเรื่องนาง ข้าก็ขับไล่ออกไปจนหมดสิ้น”

“ข้าทำถึงขั้นสร้างเรือนใหม่ให้เหมือนจวนแม่ทัพทุกอย่าง เพื่อให้นางรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านทั้งๆ ที่ข้าทำเพื่อนางมากมายขนาดนี้แล้ว นางยังไม่ยอมรับข้า ฉวยโอกาสวันชุมนุมใหญ่ ร้องเรียกข้าต่อหน้าท่านประมุข”

วันชุมนุมใหญ่ ผู้มาร่วมงานมิใช่เพียงคนของพรรคเภสัชเทพเท่านั้น ยังมีกลุ่มอิทธิพลอย่างจวนเทียนเสินด้วย ท่านประมุขคิดปกป้องเขาแต่ก็จนปัญญา ทำได้แค่ขังเขาไว้ จากนั้นส่งเยียนเอ๋อร์ออกไป!

รอจนเขาออกจากการคุมขัง ก็พบว่าจะหานางอย่างไรก็หานางไม่พบแล้ว!

“ปีนั้นเยียนเอ๋อร์ติดตามข้ากลับพรรคเภสัชเทพ ยังคงเย็นชากับข้าเหมือนเดิม เพื่อแก้แคว้นหลิวอวิ๋นของเจ้า ข้าจึงลักลอบมีความสัมพันธ์กับหลิวหรง จงใจให้นางตั้งครรภ์ เพื่อให้ลูกของข้าแย่งชิงกับลูกเจ้า! ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ หลิวหรงโง่งมเกินเยียวยา กระทั่งตระกูลหลิวยังเป็นอาเต๊าที่ส่งเสริมไม่ขึ้น[1] สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจของข้านัก! เดิมข้าคิดว่าถ้าเยียนเอ๋อร์กลับมาหาเจ้า ถึงได้กลบดานอยู่ที่นี่ คิดไม่ถึงว่าผ่านมตั้งหลายปีแล้ว ยังไม่พบนาง! เฟิงเทียนอวี้ บางครั้งข้าก็อิจฉาเจ้าเหลือเกิน มีหญิงสาวที่รักมั่นต่อเจ้า นางไม่ยอมพบเจ้า ทำให้เจ้าคิดว่านางตายไปแล้วเพื่อปกป้องเจ้า!”

ในความเป็นจริงกู้เจิ้นหยางเข้าใจมาตลอด หลายปีมานี้น่าหลานเยียนต้องทำอะไรอยู่แน่ๆ นางคงหลบซ่อนตัวในที่ลับเพื่อขัดเกลาตน! เพื่อที่สักวันหนึ่งจะเหนือกว่าเขา แล้วกลับมาหาเฟิงเทียนอวี้อีกครั้ง

เพราะเรื่องในปีนั้น ทำให้ท่านประมุขเกิดความไม่พอใจในตัวเขา เขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวกำลังของพรรคเภสัชเทพ ด้วยเหตุนี้จึงหาตัวนางไม่!

แต่เขารอไม่ไหวอีกต่อไปแล้วต่อให้พรรคเภสัชรับรู้เรื่องนี้ เขาก็จะต้องบีบนางออกมาให้ได้! ต่อให้ได้รับโทษหนัก เขาก็ต้องได้พบหน้านางสักครั้งให้ได้!

ฝีเท้าของเฟิงเทียนอวี้ซวนเซ ร่างกายสั่นเทิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโกรธและเจ็บปวด

“ข้านึกออกแล้ว…ในช่วงสามปีแรกที่เยียนเอ๋อร์จากไป ทุกครั้งที่ข้าวุ่นกับการพลิกตรวจฎีกา ทำงานราชกิจเพื่อพยายามความเจ็บปวด ตอนนั้นร่างกายข้าไม่แข็งแรง สลบไปในตำหนักทรงพระอักษรหลายครั้ง”

“อีกทั้งข้ายังไล่ขันทีและนางกำนัลทั้งหลายออกไปจนหมด จึงไม่มีใครรู้ว่าข้าสลบไป”

“พอข้าฟื้นขึ้นมา กลับอยู่ในตำหนักหย่างซิน แต่พวกขันทีนางกำนัลต่างก็ไม่รู้ว่าข้ากลับมาได้อย่างไร”

“แล้วมีอีกหลายครั้งที่ชิงเอ๋อร์ร้องไห้หาข้า นางบอกว่าคล้ายเห็นสตรีที่เหมือนเสด็จแม่ในภาพวาด ข้าหลงคิดว่าพวกเราคิดถึงนางจนเกินไป จึงเกิดภาพหลอนก็เท่านั้น มาถึงวันนี้หวนคิดดูเยียนเอ๋อร์ในตอนนั้นจะคอยอยู่ข้างกายข้า”

………………………..

[1] อาเต๊าที่ส่งเสริมไม่ขึ้น หมายถึง คนไม่เอาถ่าน