หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.484 – พักผ่อน

 

กู่ฉิงซานไม่คาดคิดเลยว่าขาเป๋แบรี่จะเป็นคนเช่นนี้

 

คนประเภทนี้ … หากเผชิญหน้ากัน ต่อให้เป็นตัวกู่ฉิงซานเองก็คงจะคาดเดาไม่ได้ว่าอีกจะเลือกลงมืออย่างไร

 

มันเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับคนอื่นที่จะคาดเดาพฤติกรรมของเขา

 

กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกว่าเรื่องที่เขากำลังจะไปพบเจอ ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ง่ายเสียแล้ว

 

“ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ” กู่ฉิงซานหันไปกล่าวกับชายชรา

 

“ไม่ได้มากมายอะไรเลย มันก็แค่เรื่องซุบซิบนินทาเล็กๆน้อยๆก็เท่านั้นเอง” ชายชราหัวเราะ

 

“ถ้าอย่างงั้น ข้าคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน”

 

“เข้าใจแล้ว เมื่อถึงสถานที่ที่กำหนด ข้าจะมาตามตัวเจ้าเอง”

 

“ขอบพระคุณท่านมาก”

 

แล้วทั้งสองก็กล่าวร่ำลากัน

 

กู่ฉิงซานเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูลง

 

หลากหลายเหตุการณ์ที่พึ่งพบเผชิญมา ล้วนมีแต่เรื่องราวไม่คาดคิดมากเกินไป ดังนั้นตัวเขาจึงต้องการสถานที่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ เพื่อที่จะได้ขจัดความคิดลงอย่างช้าๆ

 

เขาหันไปมองรอบๆ

 

แต่กลับพบว่าทั้งห้องไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า

 

มันเป็นเพียงพื้นที่ปิดอันคับแคบ มิต้องกล่าวถึงโคมไฟ แม้กระทั่งสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานอย่างโต๊ะและเก้าอี้ก็ยังไม่มี

 

มันคือห้องโล่งๆที่ว่างเปล่า

 

กู่ฉิงซานตกตะลึง

 

ตัวตนอย่างเช่นสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง ไม่น่าจะบริการห้องพักหยาบๆแบบนี้ให้แก่ลูกค้าของพวกเขา

 

ทว่าเพียงแค่คิด กลับเห็นแค่เพียงแสงจากเทียนไขถูกจุดขึ้น ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด

 

เทียนไขแขวนอยู่ในอากาศ และค่อยๆลอยมาเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

 

พร้อมกับเสียงอันนุ่มนวลของผู้หญิงที่ดังขึ้นในห้องพัก

 

“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ”

 

“เผ่าพันธุ์ของท่านคือ : มนุษย์”

 

“ทางเรากำลังทำการเรียกคึนสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายที่สุด โดยการสกัดมันจากส่วนลึกของความทรงจำของท่าน”

 

แล้วเสียงก็หายไป

 

หนึ่งลมหายใจ สอง และสาม

 

เสียงของผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ตรวจพบว่าสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายมากที่สุดสำหรับท่านก็คือ : ”

 

“หนึ่ง : บาร์เรนโบว์”

 

“สอง : ห้องพักห้องแรกทางตะวันออกบนชั้นสองของวิลล่าในเขตชานเมืองของรัฐบาลกลาง”

 

“สาม : วังหลานเฉาในนิกายร้อยบุปผา”

 

“สี่ : สลัมในรัฐบาลกลาง อาคารบล็อกที่ 5 ,ห้องหมายเลข 2203 , บนชั้น 22 ”

 

“กรุณาเลือกสภาพแวดล้อมที่ท่านต้องการ เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางในครั้งนี้ของท่านจะได้รับความสะดวกสบาย”

 

กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ในสมองคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก

 

“เอาเป็นอาคารบล็อกที่ 5 ก็แล้วกัน” เขาพยายามกล่าว

 

“เข้าใจแล้ว สภาพแวดล้อมได้รับการระบุเป็นที่เรียบร้อย และสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมจะถูกจัดหามามอบให้ท่านโดยสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง – ขอให้เป็นการเดินทางที่น่ารื่นรมย์”

 

แล้วเสียงของผู้หญิงก็เงียบไป

 

พร้อมกับเทียนไขที่ดับลง

 

ความมืดมิดกลับคืนสู่ภายในห้อง

 

แต่หลังจากนั้นเอง ก็ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างกำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ

 

กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมา และเฝ้าสังเกตตลอดทั้งห้อง

 

ใช่ ห้องพักมีการเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ

 

มันเปลี่ยนไปเป็นห้องที่ยาวแต่แคบ คล้ายทางเดินเส้นตรง

 

ตลอดทั้งห้องมิได้ถูกแบ่งออกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องครัว ชนิดที่ว่าเตียงและตู้อาจจำเป็นต้องวางซ้อนกันจึงจะพักได้อย่างสบาย

 

ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำ

 

โคมไฟระย้าแขวนอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเพดานห้อง ขณะที่ภายในหลอดไฟถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง

 

สภาพที่อยู่อาศัยเช่นนี้ แลดูมันจะด้อยยิ่งกว่าจะถูกเรียกว่าสลัมซะอีก

 

กู่ฉิงซานมองไปรับๆห้องพักของเขา

 

เขายืนนิ่งอยู่สักพัก ราวกับกำลังย้อนนึกไปถึงบางสิ่งบางอย่าง

 

ตลอดทั้งห้องมีเพียงความเงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงรบกวนใดๆ

 

จนกระทั่งกู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา จึงเริ่มบังเกิดแสงสลัวๆขึ้นภายในห้อง

 

เขาเบนสายตาไปทางหน้าต่าง และมองลอดออกไปภายนอก

 

บริเวณใกล้เคียงคราคร่ำไปด้วยตึกระฟ้า ขณะที่ภายในตึกเหล่านั้น ประปรายไปด้วยแสงไฟกระจัดกระจายออกไป

 

นี่คือสลัม

 

ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่มีค่า และผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็จำต้องใช้สอยมันอย่างประหยัด

 

ไกลออกไปสุดสายตา

 

เขตการค้าและย่านธุรกิจของเมืองหลวงกลับเต็มไปด้วยแสงสว่างไสว

 

สายตาของกู่ฉิงซานนิ่งค้างอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง

 

ห้วงความทรงจำเก่าๆ ค่อยๆผุดขึ้นมาในจิตใจ

 

ฉากในวัยเด็กและวัยหนุ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

 

เขาเติบโตมาเพียงลำพัง

 

คำกล่าวนี้ แม้บางคนจะใช้มันในการโอ้อวด และเสริมเติมแต่งบุคลิกและหน้าตาของตนเองได้

 

แต่สำหรับกู่ฉิงซาน ประโยคเมื่อครู่นี้มันเป็นตัวแทนของความขมขื่นและอ้างว้างอย่างแท้จริง

 

เขาเป็นเด็กกำพร้า

 

ทุกสิ่งอย่างล้วนต้องพึ่งตนเอง

 

กู่ฉิงซานหันกลับไปมองรอบๆและเดินไปที่ปลายเตียง

 

ก่อนจะก้มตัวแล้วยื่นมือออกไป คว้าจับขวดสุราขึ้นมาในมือของเขา

 

เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้ว ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ๆคุ้นเคยสำหรับเขาจริงๆ

 

เพราะกระทั่งเหล้าที่มีวิธีการหมักบ่มแสนเลวร้ายที่สุด ที่มีราคาเพียง 5 แต้มเครดิตรัฐบาลกลาง และเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนจนก็ยังอยู่ที่นี่

 

ภายในขวดเหล้าเต็มไปด้วยน้ำสีใสๆ ขณะที่กระดาษถูกห่อเอาไว้ด้านนอกขวด บดบังยี่ห้อของมันเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

 

กู่ฉิงซานได้เก็บขวดเหล้านี้ไว้มากว่าครึ่งปี และเตรียมที่จะเปิดมันดื่มฉลองในวันเกิดของเขา

 

–แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในห้วงความทรงจำก็ยังปรากฏ พลังของสมาคมผู้พิทักษ์แห่งหอสูงนี่ช่างมหัศจรรย์โดยแท้

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเพราะเหตุใดผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพจึงรู้สึกกังวลว่าตนไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการเดินทาง

 

กู่ฉิงซานเปิดฝาเหล้าโดยไม่ต้องคิด

 

เขายกขวดขึ้นและกระดกมัน

 

ช่างแสบลิ้น

 

และขม

 

ความรู้สึกแสบเย็นพวยพุ่งขึ้น ไหลลงไปตามลำคอและหน้าอก

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหล้าเกรดต่ำ แต่มันก็ผสมไปด้วยความทรงจำอันยาวนานของกู่ฉิงซาน มันช่วยนำพาความรู้สึกเดิมๆที่เกือบจะลืมเลือนไปแล้วกลับคืนมา

 

เมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต กู่ฉิงซานก็ส่ายหัว

 

เขายกมันขึ้นจิบ จิบแล้วจิบเล่าจนเหล้าหมดไปกว่าครึ่งขวด

 

ทันใดนั้นเอง กู่ฉิงซานก็เดินไปข้างเตียงของตน และเปิดชั้นผ้าที่คลุมบางสิ่งเอาไว้

 

เตาเหล็กย่างบาร์บี่คิว ถ่าน ไม้เสียบ และเครื่องปรุงชนิดต่างๆถูกจัดวางเอาไว้อย่างประณีต

 

นี่คือสิ่งที่ช่วยให้กู่ฉิงซานสามารถหาค่าเล่าเรียนมาได้

 

เขามีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารและผสมเหล้า

 

หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือ เขามีสัญชาตญาณที่ดีในการรังสรรรสชาติอันยอดเยี่ยม

 

ในช่วงชีวิตวัยรุ่น เขาได้ทำการคิดค้นสูตรลับบาร์บีคิวในการย่างซี่โครงหมูขึ้น

 

และมันก็ได้รับการประเมินว่าเป็นอาหารเลิศรสระดับสูงของรัฐบาลกลาง

 

ดังนั้น เทพธิดากงเจิ้งจึงทำการมอบ 2 แต้มบุญให้แก่เขา

 

ซึ่งในปีนั้น กู่ฉิงซานมีอายุเพียง 15 ปี เท่านั้น

 

ในปีที่คนรุ่นเดียวกัน ยังคงนั่งฝันกลางวันกันอยู่เลย

 

แต่กู่ฉิงซานกลับสามารถเดินทางไปยังตลาดมืด และกลายเป็นคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในวงการอาหาร

 

หากเขาไม่มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องหุ่นรบ และหวังว่าตนจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ล่ะก็ … กู่ฉิงซานคงจะเอาดีทางด้านพ่อครัวไปแล้ว

 

กู่ฉิงซานเริ่มจุดถ่าน และเตรียมอุปกรณ์ย่างบาร์บีคิว

 

เขาตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบฉวยเอาอาหาร เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ออกมา และทำการเสียบมันเข้าใส่ไม้อย่างระมัดระวังจึงวางย่างไฟ

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ‘แผงลอยบาร์บีคิวตระกูลกู่’ ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

 

แต่กระแสลูกค้าคับคั่งในครั้งอดีตได้หายไป

 

ในเวลานี้ มีเพียงเจ้าของร้านและแขกเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

ช้าก่อน แขกอีกคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ-

 

เห็นแค่เพียงร่างที่งดงามปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า และตกลงข้างกายกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ

 

ฉานนู่

 

“นายน้อยมิใช่ผู้ฝึกดาบหรอกหรือ? เหตุใดท่านจึงยังสามารถปรุงอาหารได้ด้วย?”

 

ฉานนู่มองตามการเคลื่อนไหวของกู่ฉิงซาน และเอ่ยถามอย่างไม่คาดคิด

 

“ทักษะดาบน่ะเอาไว้ฟาดฟันสังหารศัตรู แต่ทักษะการปรุงอาหารน่ะ เอาไว้หาเลี้ยงชีพ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาทำเหมือนกับในครั้งอดีตทุกอย่าง ทาซอสอย่างระมัดระวัง และพลิกไม้ในช่วงเวลาอันพอเหมาะ

 

วัตถุดิบเหล่านี้มาจากทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ มันไม่เพียงแฝงไว้ซึ่งพลังงานวิญญาณ แต่ยังถูกหมักบ่มโดยฉินเซี่ยวโหลวอีกด้วย ดังนั้น ทั้งอาหารและส่วนผสมจึงล้วนเป็นของชั้นหนึ่ง

 

หลังจากที่กู่ฉิงซานย่างไปสักพัก ไม่นาน เนื้อในเตาก็เริ่มที่จะส่งกลิ่นยั่วน้ำลายออกมา

 

กู่ฉิงซานหยิบมันขึ้นแล้วยื่นไปทางฉานนู่

 

“ลองชิมฝีมือข้าหน่อยเป็นไร”

 

“เจ้าค่ะ”

 

แล้วร่างที่เลือนรางของฉานนู่ก็กลายเป็นร่างจริง

 

เธอเปลี่ยนจากวิญญาณดาบกลายเป็นมนุษย์ผู้หญิง

 

หลังจากที่ได้ใช้วิชาลี้ลับแปลงตนเป็นมนุษย์อยู่หลายครั้ง ฉานนู่ก็สามารถแตกฉานในการแปลงกายเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์

 

เธอรับไม้บาร์บีคิวมา อังใต้จมูกเพื่อสูดกลิ่นมันเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มกัดกิน

 

“ช่างหอมหวาน และละมุนในปากจริงๆ”

 

ฉานนู่กล่าวด้วยอารมณ์

 

ฉานนู่เริ่มกัดกินมัน ก่อนจะหันไปมองรอบห้องด้วยความสงสัย

 

“นายน้อย นี่คือสถานที่ที่ท่านอาศัยอยู่กระนั้นหรือ?”

 

“ใช่”

 

“มันเรียบง่ายยิ่ง” ฉานนู่กล่าวประเมิน

 

“บางครั้งที่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ ก็ยังไม่ได้กินแม้กระทั่งมื้ออาหาร”

 

“นายน้อยของข้าเคยมีช่วงเวลาที่เป็นทุกข์เช่นนี้ด้วยกระนั้นหรือนี่” ฉานนู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

ในตอนนั้นเอง กู่ฉิงซานก็ย่างเสร็จอีกไม้แล้ว

 

เขาเริ่มที่จะลิ้งลองมัน

 

ช่างหอมหวาน!

 

-รสชาตินี้ที่คุ้นเคย

 

กู่ฉิงซานค่อยๆยิ้มออกมา

 

เขาหยิบขวดเหล้าที่เหลืออยู่เพียงครึ่งขึ้นมาจิบ

 

เหล้ากับบาร์บีคิว .. ไม่ว่าเมื่อใดก็เป็นการจับคู่กันที่ลงตัว

 

ช่วงเวลาต่อมา กู่ฉิงซานก็ลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง และหมกมุ่นตนเองอยู่กับการปรุงอาหารและเนื้อเสียบไม้

 

ในที่สุด เขาก็ล้างมือและเริ่มทำซุปต้มกระดูกแล้วแบ่งกันดื่มกับฉานนู่

 

“ซุปเองก็มีรสชาติดีเช่นกัน” ดื่มเสร็จ ฉานนู่ก็กล่าว ขณะเดียวกันสายตาของเธอก็มองดูกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย “จ้องข้าเช่นนี้ มีอะไรอย่างงั้นหรอ?”

 

“หากวันหนึ่ง มิต้องดิ้นรนต่อสู้อีกต่อไปแล้ว นายน้อยจะเปิดร้านอาหารหรือไม่?”

 

“ทำไมถึงไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้แล้วล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

“หากวันสิ้นโลกจบลง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ ..”

 

“ผิดแล้วล่ะ”

 

“ผิดอย่างไร?”

 

“ต่อให้เป็นอย่างที่เจ้าว่ามา แต่ข้าจะยังคงเฟ้นหาวิธีที่ทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้นต่อไปอยู่ดี ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าที่ต้องก้าวเดินหรอก”

 

“แต่หากปราศจากซึ่งเผ่ามาร เหตุใดจึงยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมต่อสู้อยู่อีก นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย” ฉานนู่งง

 

“ฉานนู่ เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับผู้คนในโลกล่องเวหา?”

 

ฉานนู่ย้อนนึก และกล่าวด้วยความหวาดหวั่นในจิตใจ “พวกเขาทำผิดพลาดอย่างแท้จริง อุปนิสัยและความคิดของบางคนน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเผ่ามารเสียอีก”

 

ใบหน้าอันงดงามของเธอถูกปกคลุมด้วยความกังวล

 

กู่ฉิงซานเหลือบมองเธอแล้วหัวเราะออกมา “ไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายเกินไปนักหรอก ผู้คนน่ะ เวลาที่ร้ายพวกเขาจะร้ายมากก็จริง แต่หากเป็นเวลาที่ดี พวกเขาก็จะดีไม่แพ้กัน”

 

“ตัวอย่างเช่น?”

 

“อย่างเช่นเหล่าคนตายนับล้านล้านที่ยินยอมสละบุญของตนเองในนาทีสุดท้ายเพื่อปกป้องโลกมนุษย์ไว้อย่างไรเล่า”

 

ฉานนู่พอได้ฟังก็พยักหน้า ทั้งคนทั้งร่างจมลงสู่สมาธิ

 

สักพักหนึ่ง คิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอจึงค่อยๆคลายลง

 

กู่ฉิงซานถือยกชามซุปในมือแล้วค่อยๆดื่มมันอย่างช้าๆ

 

หลังจากเพลิดเพลินไปกับมื้อค่ำอันยอดเยี่ยมนี้ ในที่สุดความตึงเครียดในจิตใจของเขาก็ลดน้อยลง

 

ในมือจีบออกด้วยวิชาลับ เรียกน้ำสะอาดออกมาชะล้างอุปกรณ์ทุกอย่างโดยตรง ให้เหมือนดังเดิมในทีแรก ก่อนจะล้างมือ แล้วกู่ฉิงซานจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

 

ขณะเดียวกัน เขาก็กำลังขบคิดถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้

 

เดิมคิดว่าหลังจบเรื่องโลกล่องเวหา ตนก็จะสามารถกลับไปยังโลกแห่งผู้ฝึกยุทธได้เลยทันที

 

แต่ใครจะไปรู้ ว่าดันเกิดเรื่องราวมากมายไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน

 

โลกมิติอนันต์ …

 

ดูเหมือนว่าเขาจะจำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ให้มากขึ้นซะแล้วสิ

 

กู่ฉิงซานขบคิดเป็นระยะเวลาสั้นๆ

 

-จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป

 

ฉานนู่พอได้ยินเสียงลมหายใจยาวเหยียดของเขา ก็เฝ้ามองการจมลงสู่ห้วงหลับลึกที่ปรากฏขึ้นอย่างใจเย็น

 

ก่อนจะค่อยๆผุดลุกขึ้น และแปลงตนกลับเป็นดาบยาวในมือ ลอยขึ้นไปแขวนเด่นอยู่กลางห้อง

 

คอยทำหน้าที่ปกป้องกู่ฉิงซาน