ตอนที่221 คุณคือราชินี

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่221 คุณคือราชินี

ไม่บ่อยนัก หรือแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำไป ที่จะเห็นหลินชูวโม่ถูกใครสั่งให้ทำอะไรที่ขัดกับความตั้งใจของเธอ

แต่ครั้งนี้ เธอกลับรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้เห็นฉีเล่ยเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หญิงสาวจึงรีบร้องบอกจางเหวินไคทันที

“ผู้กำกับจางคะ ท่านนี้ก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ของผลิตภัณฑ์ครีมชูวโม่เซียงเทียนของบริษัทเราค่ะ จะเรียกว่าบอสใหญ่ก็ไม่น่าจะผิดนัก! ฮ่าๆ เอาเป็นว่าคำพูดของเขาถือเป็นคำสั่งสุดท้าย และการตัดสินใจเด็ดขาดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ทำตามที่เขาต้องการจะดีกว่านะคะ อย่าขัดคำสั่งของเขาเลยค่ะ!”

จางเหวินไคถึงกับตกใจจนแทบช็อค เขาคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่ดูธรรมดาๆคนหนึ่ง จู่ๆจะกลับกลายเป็นบิ๊กบอสของผลิตภัณฑ์ชูวโม่เซียงเทียนได้

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อาจทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองได้ การจะให้เขาถ่ายทำงานแบบนั้นออกมา จะไม่ทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายหรอกเหรอ?

อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินกราน และตำหนิไอเดียของฉีเล่ยว่าไม่เอาไหน แต่ตอนนี้กลับจะให้ยอมทำตามที่ฉีเล่ยต้องการ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?

“ผมไม่ทำ! ผมจะไม่ยอมถ่ายงานที่มีไอเดียเส็งเคร็งแบบนี้ออกมาแน่ คุณไปหาคนอื่นมาถ่ายแทนผมก็แล้วกัน!” จางเหวินไคร้องปฏิเสธออกมาด้วยความไม่พอใจ

“คุณจะปฏิเสธไม่ถ่ายทำงานนี้ก็ไม่เป็นไร แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์ไอเดียที่สร้างสรรของผมด้วยความพูดแย่ๆแบบนี้”

ฉีเล่ยตอบโต้กลับด้วยความไม่พอใจทันที นี่เป็นความคิดและแรงบันดาลใจที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ไม่ควรต่อว่าไอเดียของเขาอย่างเสียๆหายๆต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

“แต่คุณต้องทำ!”

หลินชูวโม่ร้องบอกจางเหวินไคด้วยสีหน้าบึ้งตึงเคร่งเครียด รอยยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยเสน่ห์พลันเปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นในทันที เธอเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

จางเหวินไคได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และได้แต่คิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้สามารถเปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วซะยิ่งกว่าจิ้งจกเสียอีก!

“ผู้กำกับจาง อย่าลืมว่าพวกเราได้เซ็นสัญญาทำงานร่วมกันแล้ว”

หลินชูวโม่เอ่ยเตือนความจำอีกฝ่ายทันที “ในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่า การถ่ายทำจะต้องดำเนินไปตามความต้องการของลูกค้า พวกเราถือเป็นลูกค้าของคุณ เพราะฉะนั้น คุณจะต้องทำงานของคุณให้เสร็จตามที่พวกเราต้องการ!”

“ผมไม่ทำ! ผมจะคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมดให้คุณคืน” จางเหวินไคตอบโต้กลับไปเสียงเย็น

“ฉันไม่ยอมรับเงินมัดจำคืน ในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่า คุณจะต้องทำงานนี้ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือน และถ้าคุณทำงานไม่เสร็จตามสัญญา คุณจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินสิบเท่าของค่าจ้างที่ได้ระบุไว้ในสัญญา”

ความทรงจำของหลินชูวโม่ช่างดีเยี่ยม เธอสามารถจดจำข้อสัญญาได้ทั้งหมดและแม่นยำ

“นี่คุณ…”

จางเหวินไคถึงกับเหงื่อตก ตามหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ตอนนี้เขาได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ตนเองได้หลงกลผู้หญิงคนนี้เข้าแล้ว ดูเหมือนเธอจะได้คำนวณทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแล้ว และตอนนี้เขาเองก็แทบจะไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้เลย นอกจากต้องทำตามที่หญิงสาวคนนี้ต้องการ

“อีกอย่าง คุณต้องให้ความสำคัญกับงานของฉันก่อนงานของคนอื่น ถ้าคุณให้ฉันไม่พอใจ รับรองว่าฉันจะส่งคนไปเยี่ยมคุณที่ทำงานทุกวัน เอาให้ไม่สามารถรับงานได้ไปสักสองสามเดือน ฉันพูดชัดเจนแล้วนะ และนี่ไม่ใช่แค่การข่มขู่!”

สีหน้าของจางเหวินไคเปลี่ยนเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้หญิงเซ็กซี่ที่เคยพูดไปหัวเราะไปก่อนหน้านี้ จะเปลี่ยนมาเป็นอสรพิษหรือแมงป่องขู่เขาฟอดๆแบบนี้ได้

จางเหวินไคได้แต่ถอนหายใจออกมา พวกคนร่ำคนรวยนี่ช่างเอาใจยากจริงๆ เวลาพออกพอใจ ก็แทบจะยกคุณโยนขึ้นฟ้า แต่ถ้าทำให้พวกเขาไม่พอใจ หรือโกรธขึ้นมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาก็สามารถจับคุณโยนออกไป หรือไม่ก็สั่งราวกับคุณเป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย

“พาคุณถงไปเปลี่ยนเป็นชุดโบราณ จะได้เริ่มถ่ายทำซะที!”

จางเหวินไคจำต้องหันไปร้องบอกผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

ระหว่างที่รอให้ถงเซียวเซียวไปเปลี่ยนชุดนั้น จางเหวินไคก็วุ่นอยู่กับการจัดเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับถ่ายทำ ฉีเล่ยจึงได้แอบไปกระซิบถามหลินชูวโม่ว่า

“เกิดขัดแย้งกันขึ้นแบบนี้ เขาจะไม่ถ่ายงานส่งๆหรือไง?”

“เขาไม่กล้าทำงานส่งๆขอไปทีแน่ เขาจะต้องตั้งใจทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้ผลงานออกมาเป็นที่พอใจของเรา เพราะถ้าผลงานออกมาไม่เป็นที่พอใจ เขาเองก็จะมีปัญหาด้วย นายเข้าใจไหมว่า เมื่อไหร่ที่นายมีอำนาจเหนือกว่าอยู่ในมือ นายก็สามารถใช้อำนาจนั้นกดดันเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการได้!”

หลินชูวโม่ตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจ ผู้หญิงคนนี้ร้ายยิ่งกว่าปีศาจ เธอสามารถอ่านธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างกระจ่างแจ้ง

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ต่อให้นายตบหน้าเขา อย่างน้อยก็ต้องให้รางวัลตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะโกรธแค้นนาย”

หลินชูวโม่กระซิบบอกฉีเล่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง “หลังจากเสร็จงาน ฉันจะส่งคนเอาของขวัญไปให้เขาทีหลัง ถ้าเขาฉลาดพอ เขาจะต้องเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร”

“ร้ายกาจจริงๆคุณนี่!”

ฉีเล่ยถึงกับต้องอุทานออกมา พร้อมกับฝืนยิ้มออกมา และได้แต่คิดว่า หากเทียบกับผู้หญิงคนนี้แล้ว ประสบการณ์ชีวิตของเขานับว่าน้อยนิดมากเหลือเกิน

“นี่นายว่าฉันร้ายกาจงั้นเหรอ?” หลินชูวโม่กรอกตามองค้อนพร้อมกับเอ่ยถาม

“เปล่า.. ผมก็พูดถึงความร้ายกาจในหัวใจของมนุษย์ทั่วไป”

ฉีเล่ยตอบเลี่ยงๆ ในโลกใบนี้ยังมีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าจิตใจของมนุษย์อีกล่ะ!

“ในเมื่อไม่สามารถทำให้พวกเขารักเราได้ ก็ต้องทำให้เขากลัวแทน คนที่รักเราจะไม่ทำร้ายเรา ส่วนคนที่กลัวเราจะไม่กล้าแตะต้องเรา”

หลินชูวโม่บอกกับฉีเล่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เพียงแค่อยู่กินสุขสบาย ไหนเลยจะมีปัญญา เพื่อที่จะได้เป็นแม่มดแก่ผู้มีฤทธิ์เดชรอบตัวอย่างเธอ จำต้องผ่านความทุกข์ยากมามากมายนับร้อยครั้ง

ไม่มีใครชั่วมาแต่กำเนิด ไม่ใครเกิดมาเพื่อถูกทอดทิ้ง

ไม่มีใครชั่วโดยเนื้อแท้ ไม่มีใครเกิดมาเพื่อถูกทอดทิ้ง ทุกคนเกิดมาล้วนเป็นดั่งผ้าขาว แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป พวกเขาเติบใหญ่ขึ้น สีของผ้าก็จะเปลี่ยนไปตามสีสันแห่งชีวิตของตัวเอ

“คุณคิดว่าไอเดียโฆษณาของผมเป็นยังไงบ้าง?” ฉีเล่ยเอ่ยถาม

“นายมาถามฉันทำไม? นายตัดสินใจไปแล้วนี่ แล้วจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค นายเองก็เป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด!” หลินชูวโม่ตอบกลับยิ้มๆ

“นี่น้องชาย ไว้วันหลังฉันจะแต่งชุดราชินีให้นายดูบ้าง” หลินชูวโม่กระซิบข้างหูฉีเล่ย

“ชุดราชินี?”

“แต่ไม่ใช่ชุดอย่างที่นายคิดหรอก! มันเป็นชุดหนัง ถุงน่องตาข่าย แล้วก็ถือแส้… อย่าบอกนะว่านายไม่เคยเห็นชุดแบบนี้มาก่อน?”

“หืมม ไม่เคย!” ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมา

ฉีเล่ยจินตนาการภาพหลินชูวโม่ที่สวมชุดหนังรัดรูป เผยให้เห็นหน้าอกกลมกลึงอวบแน่นเหมือนกับลูกฟุตบอล บั้นท้ายสุดเซ็กซี่ภายใต้กระโปรงรัดรูป เรียวขายาวสวมทับด้วยถุงน่องตาข่าย ผมยาวประบ่า ในมือถือแส้ชี้มาทางเขาพร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจงมาเป็นทาสของฉัน!

“…”

หลังจากที่จินตนาการภาพเหล่านั้นขึ้นมาในหัว เลือดกำเดาก็แทบจะพุ่งกระฉูดออกมาจากจมูกของฉีเล่ย

………….

คฤหาสน์ขององค์ชายได้รับการสร้างโดยคำสั่งของจักรพรรดิเต๋ากวง ทั้งนี้เพื่อระลึกถึงเกียรติคุณอันโดดเด่น

หลังจากที่ราชวงศ์ศักดินาถูกโค่นล้มไป คฤหาสน์ขององค์ชายก็ถูกทางภาครัฐยึดครองโดยสมบูรณ์ และปัจจุบันกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมาก

แน่นอนว่า เนื่องด้วยพื้นที่อันกว้างขวางและสถาปัตยกรรมที่วิจิตหรูหรา คฤหาสน์ขององค์ชายแห่งนี้จึงไม่ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นกลายเป็นฉากละครที่ผู้กำกับส่วนใหญ่มักจะเลือกที่นี่ใช้ถ่ายทำ

ดวงอาทิตย์ส่องแสง บรรยากาศช่างเงียบสงบ

เมื่อเข้าไปในตัวอาคารทรงแปลกตาดังกล่าว บรรดาผู้คนมากมายดั่งถูกต้องมนต์หลงอยู่ในภวังค์อย่างห้ามปราบมิได้

ผนังควบคู่ไปพร้อมกับกระเบื้องสีแดง คานของตัวคฤหาสน์มีลวดลายแกะสลักงดงามแสนจะประณีต สูดอากาศสดชื่น พลางชื่นชมผนังเก่าที่สึกกร่อนตามกาลเวลาแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คฤหาสน์แห่งนี้ดั่งท่องกาลเวลามาแล้วนับร้อยปี พ้นผ่านสายลมและเม็ดทรายแห่งยุคสมัย ดื่มด่ำความรุ่งเรื่องถึงขีดสุดจนกระทั่งตกต่ำจนสิ้นสูญ ถักถอเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานนับหลายร้อยปีจนผู้คนจินตนาการไม่ออก