ส่วนที่ 7 สลับตัวคุณหนูไฮโซ ตอนที่ 29-3 สลับตัวคุณหนูไฮโซ (จบ)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

จิงเลี่ยยกมือปัดนาฬิกาบนมือของเจี่ยงโยวให้ตกลงพื้น “ในเมื่อคุณไม่คิดจะเอาอะไร ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยแล้วกัน!” 

 

 

ขณะที่พูดเขาก็ขึ้นรถโดยไม่ลังเลใจ จากนั้นก็สตาร์ทรถขับออกไป 

 

 

ไม่ต้องการเงิน? ไม่ต้องการนาฬิกาข้อมือ? แล้วเอาแต่พูดว่าตัวเองช่วยชีวิตเขาอย่างไม่จบไม่สิ้นอย่างนั้นเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่

 

 

หากต้องการทำความดีโดยไม่เอ่ยนามจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงไม่ปรากฏตัว

 

 

ในเมื่อปรากฏตัวแล้วย่อมต้องมีข้อเรียกร้องบางอย่าง คนแบบนี้จิงเลี่ยเห็นมาเยอะแล้ว…

 

 

แล้วก็เป็นอย่างที่จิงเลี่ยคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ผ่านไปไม่นานเขาก็ได้เจอผู้หญิงคนนั้นอีก เธอวนเวียนบริเวณบ้านตระกูลซูอยู่เงียบ ๆ ขณะนั้นตระกูลซูกำลังจัดงานเลี้ยงวันหมั้นของซูหว่านกับเซียวฉี่ มีผู้มีชื่อเสียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับหลบอยู่ตรงมุม ๆ หนึ่ง และจับจ้องไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูอย่างอาฆาตแค้น 

 

 

“คุณคิดจะทำอะไร”

 

 

เสียงดุ ๆ ของจิงเลี่ยดังอยู่ข้างหลังเจี่ยงโยว เจี่ยงโยวตกใจกลัวจนหน้าซีด พอเห็นใบหน้าของจิงเลี่ยเธอก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาแสดงความยินดีออกมา “คือคุณ! คุณมาหาฉันหรือคะ”

 

 

จิงเลี่ย …

 

 

“ผมถามว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”

 

 

จิงเลี่ยถามออกไปตาก็มองตามสายตาของเจี่ยงโยวไปด้วย แล้วก็เห็นเป็นซูหว่านที่อยู่ในชุดราตรีสีขาวกับเซียวฉี่ เวลานี้เองสายตาของเจี่ยงโยวก็เริ่มเหม่อลอย เธอพูดออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “คุณรู้ไหมคะ ฉันกับพี่ใหญ่เซียวเติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราดีมากๆ ถ้า… ถ้าหากไม่มีผู้หญิงต่ำ ๆ ที่ชื่อซูหว่านคนนั้น พวกเรา พวกเราก็คงจะ…”

 

 

“เพียะ!”

 

 

เขาตบหน้าเจี่ยงโยวอย่างแรง เธอมองชายหนุ่มที่กำลังแผ่รังสีเย็นชาออกมาด้วยสายตาที่มึนงง “คุณ คุณทำอะไรคะ” 

 

 

จิงเลี่ยจ้องมองใบหน้าที่บวมแดงของเจี่ยงโยวอย่างเยียบเย็น “คุณจงใจเข้าใกล้ผม ก็เพราะเสียวหว่านใช่ไหม”

 

 

เสียวหว่าน?

 

 

พอเจี่ยงโยวได้ยินคำเรียกขานซูหว่านของจิงเลี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว “คุณรู้จักซูหว่าน?”

 

 

ไม่เพียงแค่รู้จัก?

 

 

จิงเลี่ยเลิกคิ้วใส่เจี่ยงโยว “เขาต่างหากเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้” 

 

 

“ไม่ จะเป็นไปได้อย่างไร คุณถูกเขาหลอกแล้ว! เขาเป็นจอมโกหกที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก เขา…อุบ…”

 

 

จิงเลี่ยบีบคางเจี่ยงโยวอย่างแรง จิงเลี่ยผ่านความยากลำบากต่าง ๆ นา ๆ อยู่ในกลุ่มอิทธิพลมืดมาตั้งแต่เด็ก เรี่ยวแรงของเขาแม้แต่คุณชายเจ้าสำราญอย่างเวินเหวินเฮ่าผู้นั้นก็ยังเทียบไม่ติด

 

 

เจี่ยงโยวรู้สึกเหมือนคางของตัวเองจะโดนบีบแตกอยู่แล้ว แต่จิงเลี่ยยังคงมองเธอด้วยสายตาที่เยียบเย็นดังเดิม “ใครเป็นจอมโกหกที่ชั่วร้าย ผู้นั้นย่อมรู้ดีแก่ใจ!” … 

 

 

ภายในคฤหาสน์ตระกูลซู พิธีหมั้นระหว่างซูหว่านกับซูรุ่ยได้มาถึงช่วงสุดท้ายของงานแล้ว 

 

 

“จูบอีกครั้ง!”

 

 

“จูบอีกครั้ง!” 

 

 

รายล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมชั้นเรียนและสหายคนสนิทที่ได้รับเชิญมา แม้แต่เซียวหยุนอี้ก็ยังยกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมดและรีบกลับมาจากแดนไกลเพื่อร่วมงานหมั้นพี่ชายคนโตของตัวเอง 

 

 

ซูไห่เฉิงที่นั่งตำแหน่งประธานเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมานาน แม้กระทั่งเหวินซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา สีหน้าในวันนี้ก็ดูดีกว่าปกติมาก 

 

 

ผู้คนที่มาร่วมงานต่างมีสีหน้ายินดีปรีดา ซูรุ่ยในชุดสูทสีขาวดูหล่อเหลาและสง่างามค่อย ๆ โอบเอวบางของซูหว่าน “ที่รัก ผมรักคุณครับ” 

 

 

“ฉันก็เช่นกันค่ะ” 

 

 

ซูหว่านหลับตาลงเบา ๆ สัมผัสได้ถึงรสจูบอันแสนอ่อนโยนของซูรุ่ย เธออดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น และทำการติดต่อสำนักงานใหญ่ในสมองอย่างเงียบ ๆ 

 

 

หมายเลข 002 ภารกิจเสร็จสิ้น ขอให้กลับมา!

 

 

……

 

 

หลังจากพิธีหมั้นเสร็จสิ้นลงและส่งแขกทั้งหมดกลับไปแล้ว ซูหว่านและซูรุ่ยก็ออกจากตระกูลซู ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพวกเขาทั้งสองคนก็ทยอยออกจากโลกภารกิจ

 

 

ช่องว่างแห่งกาลเวลา 

 

 

ซูรุ่ยออกจากห้องปฏิบัติภารกิจของตัวเอง แม้จะไม่ได้สักคะแนนดังเดิม ใบหน้าของแม่ทัพซูกลับยังประดับด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลังจากเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญรอยยิ้มก็หายไปในทันที 

 

 

อวิ๋นเซิง …

 

 

อวิ๋นเซิงซึ่งรอซูรุ่ยอยู่ตลอดไม่ง่ายเลยที่จะรอจนได้เจอกับซูรุ่ยที่กลับมาจากการปฏิบัติภารกิจ ใครจะรู้พอได้มาเจอกันครั้งแรก เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกอีกฝ่ายเมินเสียแล้ว 

 

 

เมื่อกี้ยังยิ้มอ่อนโยนขนาดนั้นอยู่เลย พอเห็นเขาปุ๊บก็เก็บรอยยิ้มตีสีหน้าเย็นชาใส่ทันทีเพื่ออะไร อวิ๋นเซิงลองพิจารณาตัวเองดูก็ไม่พบว่าตัวเองน่ารังเกียจอะไรแบบนั้นเสียหน่อย! 

 

 

“คุณมีธุระอะไร”

 

 

ซูรุ่ยซึ่งออกมาจากห้องเชื่อมต่อมองอวิ๋นเซิงด้วยสายตาชวนสงสัย 

 

 

“นั่ว ข้อมูลที่พี่สวีให้มา จะดีที่สุดถ้าคุณจำได้ขึ้นใจ” 

 

 

อวิ๋นเซิงนำข้อมูลที่วางซ้อนกันที่สวีเช่อมอบให้ตัวเองนั่นมาวางไว้บนมือซูรุ่ย จากนั้นก็บินจากไปโดยเร็วโดยไม่รอให้ซูรุ่ยได้ซักถาม 

 

 

เอ่อ

 

 

แม่ทัพซูมองข้อมูลในมือของตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ 

 

 

ฝ่ายที่เกิดใหม่ ฉินอวี่ หลินรั่ว เยี่ยคานฮวน?

 

 

ฝ่ายทำลาย เย่ซิน ซูหว่าน ติงเจียเจีย?

 

 

นี่คือ…

 

 

หลังจากเห็นชื่อซูหว่านสีหน้าของซูรุ่ยก็เคร่งขรึมขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นข้อมูลภายในชั้นยอดที่เกี่ยวกับฝ่ายอื่น ๆ ด้านบนยังมีข้อมูลของแต่ละคนที่ละเอียดมาก

 

 

ผู้ทำลายห้วงมิติหมายเลข 2 ซูหว่าน ดาร์คจากห้วงมิติแห่งการล่มสลาย (ผู้ที่ปฏิบัติภารกิจบนห้วงมิตินี้คือ สวีเช่อ)

 

 

พอเห็นข้อมูลบรรทัดแรกของซูหว่าน สายตาซูรุ่ยก็จับจ้องที่ชื่อของสวีเช่ออยู่นานมาก…

 

 

สำนักงานใหญ่ของฝ่ายผู้ทำลาย

 

 

เมื่อซูหว่านกลับมาที่ห้องปฏิบัติการหมายเลข 2 ก็ไม่ได้มาดูคะแนนเป็นสิ่งแรกเหมือนทุกที เธอไปตรวจดูรายละเอียดภารกิจของโลกนี้และเรื่องราวหลังจากนั้นเสียก่อน 

 

 

หลังจากที่เธอและซูรุ่ยจากไปได้ไม่นาน เหวินซูก็จากไปเช่นกัน ซูไห่เฉิงใช้ทรัพย์สินทั้งหมดออกทำงานการกุศล ตัวเขาเองก็ออกจากเมือง D ไปยังเขตภูเขานั่นที่เขาและเหวินซูเพิ่งเริ่มรู้จักกันเพื่อไปเป็นอาสาสมัครทำงานด้านสาธารณประโยชน์

 

 

ส่วนเซียวหยุนอี้แม้จะไม่ได้ราบรื่นไปตลอดในสายงานด้านบันเทิง แต่กลับเป็นดาราสุดฮอตฮิตที่ผู้คนยังต้องเกรงใจอยู่ดี และถึงจะคลุกคลีอยู่ในวงการที่ทั้งหรูหราไม่มีแก่นสารและซับซ้อนอะไรนั่น เขาก็ยังรักษาเจตนารมณ์เดิมที่บริสุทธิ์ที่สุด ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 

 

 

หลัวอวี่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมือง B อย่างราบรื่น และถูกกำหนดให้เข้าสู่เส้นทางข้าราชการในอนาคต ส่วนสวี่นั่วพอขึ้นปีสองกลับเลือกเข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งทางตอนใต้ แต่ละคนล้วนแสวงหาและเดินตามความฝันของตัวเอง พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ในการเสาะแสวงหา ส่วนเรื่องความรัก เคยรักแล้วก็ไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป…

 

 

สำหรับเจี่ยงโยว เธอยังคงระรานจิงเลี่ยตลอด คิดอยากจะพิสูจน์ให้จิงเลี่ยได้เห็นว่าเธอเป็นคน ๆ นั้นที่ช่วยชีวิตเขาจริง ๆ แต่ด้วยความที่เธอระรานมากจนเกินไปจึงทำให้จิงเลี่ยโกรธขึ้นมาในที่สุด จุดจบของเธอนั้นแค่คิดก็รู้แล้ว 

 

 

ซูหว่านไม่เข้าใจคนพวกนี้จริง ๆ เลย บางครั้งการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างไร้ความหมายและการระรานผู้อื่น มีแต่จะเปลี่ยนชีวิตคุณให้ดูแย่ลง ทำไมคนเหล่านี้ถึงคิดไม่ออกกันนะ

 

 

ที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้เขาผ่านไป

 

 

ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในชีวิตรออยู่ข้างหน้าเสมอ