“เสี่ยวฉา ประชุมกลุ่มเสร็จแล้วไปกินข้าวด้วยกันไหม ฉันเลี้ยงชาบูเอง” หลังประชุมเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็ยิ้มแย้มชวนหลุ่ยเสี่ยวฉา
น้ำเสียงจะว่าดังก็ไม่ดัง เบาก็ไม่เบา พอให้ทุกคนในกลุ่มได้ยินหมดพอดี รวมถึงศาสตราจารย์หลิวเถ้าแก่ใหญ่ที่ยังไม่ได้ออกไป
“ทำไมไม่เลี้ยงฉันบ้างล่ะ?” ศาสตราจารย์หลิวถามด้วยความสงสัย
คิดในใจว่าวันนี้เด็กคนนี้เป็นอะไร เป็นครั้งแรกที่เห็นทำตัวสนิทสนมกับเพื่อนคนอื่นในที่สาธารณะ
“หนูไม่เลี้ยงอาจารย์หรอกค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีคนหาว่าหนูประจบ ใช่ไหมคะรุ่นพี่?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เกร็งอะไรเวลาคุยกับศาสตราจารย์หลิว กล้าล้อเล่นทุกอย่าง
สาวแสบก้นที่ถูกเรียกชื่อตกใจรีบพยักหน้าใหญ่ ถ้าไม่ติดว่าห้ามขาดประชุมกลุ่มเธอก็ไม่อยากมาเจอเสี่ยวเชี่ยนหรอก
เธอเสียใจมากที่เมื่อวานเมาขาดสติแล้วไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรยุ่ง แอลกอฮอล์ทำพิษแท้ๆ
เฉินเสี่ยวเชี่ยนสนิทกับเถ้าแก่ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเกิดทำให้เธอเรียนจบไม่ได้ขึ้นมาจะทำไง?
หลังขู่สาวแสบก้นเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็หันไปพูดกับหลุ่ยเสี่ยวฉาอย่างเป็นกันเอง “ไปกันเถอะเสี่ยวฉา”
เถ้าแก่ใหญ่ส่ายหน้าพลางมองเสี่ยวเชี่ยนเดินออกไป เด็กคนนี้นี่ เธอยังคิดอยู่ว่าคงจะดื้อดันทุรังไม่ยอมไปแน่ๆ ดูท่าเสี่ยวเชี่ยนจะคิดได้แล้ว
พอไปถึงร้านชาบูของไห่เจา เสี่ยวเชี่ยนก็พาหลุ่ยเสี่ยวฉาไปยังห้องส่วนตัวที่ไห่เจาจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ หลุ่ยเสี่ยวฉารู้สึกอึ้งมาก
“ประธานเชี่ยน ที่นี่คงแพงน่าดูเลยใช่ไหม? แล้วเธอจองที่ตรงนี้ได้ยังไง?”
ถึงร้านชาบูนี้จะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ก็โต๊ะเต็มบ่อยๆ ยิ่งห้องหรูๆแบบนี้ยิ่งจองยาก
“นี่เป็นร้านเพื่อนฉันเอง ฉันจะมาตอนไหนก็มีโต๊ะเสมอ เสี่ยวฉาเธออยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ”
“ประธานเชี่ยน ทำไมอยู่ๆเธอมาเลี้ยงข้าวฉันล่ะ?” หลุ่ยเสี่ยวฉายังคงกังวลเรื่องเมื่อวาน
เธอกลัวมากว่าเสี่ยวเชี่ยนจะล้างแค้น
“เรื่องเมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันกลัวเธอจะเกิดเงามืดขึ้นในใจ ทุกคนเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน แล้วที่ผ่านมาเธอก็—” เสี่ยวเชี่ยนหยุดชะงัก “ดีกับฉันเป็นพิเศษ”
คำพูดส่วนหลังเธอเน้นเป็นพิเศษ ภายในห้องเห็นๆอยู่ว่าเปิดแอร์ แต่หลุ่ยเสี่ยวฉากลับรู้สึกว่าเหงื่อแตก
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสี่ยวเชี่ยนคล้ายหนูกับแมว
เสี่ยวเชี่ยนก็คือแมวที่แสนสง่างามที่เหยียบหนูไว้ใต้เท้าได้แล้ว เอานิ้วเขี่ยหนูอย่างหลุ่ยเสี่ยวฉาเล่นอย่างไม่รีบร้อน อยากจะปล่อยก็ปล่อย ไม่อยากปล่อยก็ออกแรงเหยียบให้มากขึ้น ความรู้สึกที่เหมือนเป็นมิตรก็ไม่ใช่ศัตรูก็ไม่เชิงแบบนี้ ทำให้หลุ่ยเสี่ยวฉาเกิดอาการเครียด
เสี่ยวเชี่ยนเห็นความกังวลของหลุ่ยเสี่ยวฉาอยู่ในสายตา เธอค่อยๆคีบเนื้อให้
“อะ กินเยอะๆนะ ไม่ต้องเครียด อันที่จริงวันนี้ฉันมีเรื่องดีๆไม่รู้จะไปคุยกับใครดีก็เลยชวนเธอมาด้วย อยากให้มีคนดีใจไปกับฉันด้วย”
“เรื่องดีเหรอ?”
“ใช่ เถ้าแก่ใหญ่หาที่ปรึกษาปอเอกที่เก่งมากให้ฉัน ฉันดีใจมากก็เลยอยากคุยให้เธอฟัง”
ตะเกียบที่อยู่ในมือหลุ่ยเสี่ยวฉาเกือบตกลงบนโต๊ะ เธอมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความตกใจ
“เธอจะต่อปอเอกที่นี่เลยไม่ใช่เหรอ?”
ศาสตราจารย์หลิวถือว่าเป็นสุดยอดในประเทศแล้ว ทุกคนต่างคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ของเสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิว เสี่ยวเชี่ยนต่อปริญญาเอกยังไงก็คงอยู่กับศาสตราจารย์หลิวเหมือนเดิม ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ใครหลายคนอิจฉาเสี่ยวเชี่ยน
นึกไม่ถึงว่า เรียนต่อเอกจะไม่อยู่กับศาสตราจารย์หลิว?!
“ใช่ แต่อาจารย์คิดว่าฉันเหมาะกับศาสตราจารย์ชีมากกว่า เขากลับมาจากต่างประเทศ มีชื่อเสียงโด่งดังมากในระดับนานาชาติ เธอก็อยู่ในแวดวงนี้น่าจะรู้จักนะ การได้ที่ปรึกษาปริญญาเอกเก่งๆมันส่งผลมากต่ออนาคตในหน้าที่การงาน ฉันน่ะ ไม่แน่อาจโลดแล่นไปได้ไกลเพราะศาสตราจารย์ชีก็ได้”
อยู่ๆหลุ่ยเสี่ยวฉาก็รู้สึกว่าเนื้อที่อยู่ในปากไร้รสชาติ
เสี่ยวเชี่ยนทำเหมือนไม่เห็นอาการหน้าเสียของหลุ่ยเสี่ยวฉา เธอพูดต่อ
“ได้ยินว่าอาจารย์คนนี้เก่งสุดๆ อยู่มหาวิทยาลัยทางใต้ มักจะได้แต่เคสที่เจ๋งๆมา ฉันว่าถ้าฉันไปอยู่กับเขาจะได้ขึ้นไปอยู่อีกระดับแน่ๆเลย ขอบคุณอาจารย์จริงๆที่ดีกับฉันขนาดนี้ เธอรู้ไหมว่าเขารับเด็กจำนวนจำกัด ทั้งประเทศมีมหาวิทยาลัยตั้งมากมาย แต่เขารับเด็กแค่คนสองคนเอง ถ้าเป็นแบบเธอ—ขอโทษนะ ฉันไม่ได้จะดูถูกเธอ”
เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างไม่จริงใจ
หลุ่ยเสี่ยวฉาพยายามฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร ก็เธอพูดความจริงนี่นา”
“ฉันหมายถึง นักศึกษาทั่วไปไม่มีทางได้โอกาสนี้แน่ เธอลองคิดดูนะ ทั้งประเทศมีคนสอบเข้าเรียนต่อปริญญาเอกตั้งเท่าไร ใครล่ะไม่อยากอยู่กับอาจารย์ดังระดับนานาชาติ? ศาสตราจารย์ชีคนนี้เก่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ติดสามอันดับแรกของเมืองนอก ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลับมาบ้านเรา แต่มันก็ทำให้ฉันมีโอกาส ขอแค่ได้เป็นลูกศิษย์เขา ไม่ใช่แค่อนาคตจะสดใสนะ ไม่แน่ครอบครัวฉันอาจจะได้กรีนการ์ดแล้วย้ายไปอยู่เมืองลุงแซมก็ได้”
ตอนเสี่ยวเชี่ยนพูดตัวเธอเองยังรู้สึกว่ามันตลก
เธอไม่ได้อยากไปเมืองนอกเลยสักนิด ถ้าอวี๋เสี่ยวเฉียงมาได้ยินคำพูดเธอเมื่อครู่ ไม่แน่อาจจะจับเธอมัดกับเตียง ใช้คำพูดสั่งสอนเธอเรื่องความรักชาติไปพลางมอบบนลงโทษด้วยความรักให้เธอ
พอนึกถึงตรงนี้เสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มหน้าแดง ฮะแฮ่ม จริงจังหน่อย กำลังหย่อนเบ็ดตกปลาอยู่นะ
อันที่จริงเธอหน้าแดงก็เพราะคิดอะไรติดเรทอยู่ แต่หลุ่ยเสี่ยวฉาเห็นแล้วกลับคิดว่าหน้าแดงเพราะดีใจมาก
หลุ่ยเสี่ยวฉากำตะเกียบแน่น เธอใกล้จะยิ้มไม่ออกแล้ว แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้ม
“ยินดีด้วยนะประธานเชี่ยน ฉันดีใจกับเธอด้วยจริงๆ”
ทำไมเรื่องดีๆต้องไปอยู่ที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนคนเดียว? คำถามนี้หลุ่ยเสี่ยวฉาไม่ได้แค่เพิ่งคิดเป็นครั้งแรก
เสี่ยวเชี่ยนเห็นปฏิกิริยาทุกอย่างของหลุ่ยเสี่ยวฉา เธอใช้แก้วน้ำปิดบังสายตาไม่แคร์ของตัวเอง แล้วพูดให้ไฟโหมหนักขึ้นไปอีก
“อันที่จริงฉันก็รู้นะว่าเพื่อนในมหาลัยไม่ค่อยพอใจฉันเท่าไร บอกว่าครอบครัวของแฟนฉันเป็นคนมีอิทธิพล ฉันก็เป็นแค่ลูกตาสีตาสีธรรมดา ครอบครัวเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยนักหรอกที่เราคบกัน…”
ขอโทษด้วยนะคะว่าที่พ่อสามีที่ดื่มชาเล่นหมากรุกด้วยกัน ว่าที่แม่สามีที่ทำของอร่อยให้กินด้วยความรัก คำพูดเมื่อกี้นี้ไม่ได้มาจากใจ ก็แค่อยากจะให้ปลาติดเบ็ด~! เสี่ยวเชี่ยนพูดในใจ
“หา?” หลุ่ยเสี่ยวฉาไม่คิดว่าเหม่ยเหวยที่ชอบทำตัวลึกลับตอนอยู่ข้างนอกจะบอกเรื่องส่วนตัวกับเธอแบบนี้
“ดังนั้น ขอแค่ฉันได้เป็นลูกศิษย์ศาสตราจารย์ชี ต่อไปฉันก็มีแต่ได้กับได้ ไม่ใช่แค่จะได้กรีนการ์ดยังจะได้รับการยอมรับจากว่าที่แม่สามีด้วย จะไปได้ถึงจุดสูงสุดของชีวิตก็ต้องพึ่งโอกาสนี้แล้วล่ะ ฮิๆ ฉันดีใจไม่ไหวแล้ว ไม่รู้จะไปคุยให้ใครฟังดี แต่ฉันก็แอบกังวลนะ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า…”
“เถ้าแก่ใหญ่ชอบเธอจะตาย ให้เขาเป็นคนรับรองให้ไม่มีปัญหาหรอก” หลุ่ยเสี่ยวฉาแสร้งพูดออกไป
“นั่นสินะ จริงสิ! อาจารย์ให้ฉันส่งเอกสารให้ศาสตราจารย์ชีตอนบ่าย อินเตอร์เน็ตที่บ้านฉันซ่อมอยู่ เอกสารสำคัญแบบนี้ฉันไม่ไว้ใจพวกร้านเน็ต ฉันขอไปใช้เน็ตที่หอเธอได้ไหม? นะๆ~”
“เอาสิๆ” อันที่จริงหลุ่ยเสี่ยวฉาอยากจะให้เสี่ยวเชี่ยนสมัครไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่ก็ทำเป็นเห็นด้วยไปอย่างนั้น ได้แต่ขัดแย้งในใจ
เสี่ยวเชี่ยนเห็นใส่ไฟไปได้พอประมาณแล้ว จึงเพิ่มประโยคสำคัญที่สุด “โชคชะตาของชีวิตฉันจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำก็อยู่ในมือเธอแล้วนะ รบกวนด้วย!”
หลุ่ยเสี่ยวฉาอึ้ง ในใจรู้สึกเหมือนมีคลื่นบางอย่างตีขึ้นมา
เสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าหลุ่ยเสี่ยวฉาแล้วก็แอบยิ้มในใจ จากประสบการณ์ของเธอ ปลาติดเบ็ดแล้ว