“ท่านอาจารย์ ยกเลิกห้าสิบครั้งไปได้หรือไม่ ข้าคิดว่าทุกคนในสำนักศึกษาล้วนดีดได้ดีกว่าข้าทั้งนั้น”

“ต้องทำสิ ไม่มีใครมีทักษะการดีดกู่ฉินได้ดีเท่าคุณหนูสาม ถ้าคุณหนูสามไม่ทำ ข้าจะไปทูลฝ่าบาท ท่านหานอ๋อง ท่านอัครเสนาบดี ให้ทุกคนมาฟังเสียงเพลงอันไพเราะของคุณหนูสาม”

อาจารย์ซั่งกวนยังคงมีรอยยิ้มจางๆ ที่สุภาพงดงามเช่นเดิม ทว่าในสายตาของกู้ชูหน่วน นางกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวและชั่วร้ายยิ่งนัก

ข่มขู่

นี่มันข่มขู่กันชัดๆ

ในฐานะอาจารย์ ไม่สอนนางดีๆ ก็ว่าแย่แล้ว แต่ยังมากลั่นแกล้งนางเช่นนี้อีก ช่างเป็นอาจารย์ที่แย่เสียจริง

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นทั้งแปลกใจทั้งขำ

ที่แปลกใจคือท่านอาจารย์ซั่งกวนไม่เคยลงโทษนักเรียนมาก่อน แต่วันนี้เขากลับลงโทษคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้เป็นครั้งแรก

ที่น่าขำก็คือกู้ชูหน่วนอวดดีมาก ดีแล้วที่จะลงโทษนางเสียบ้าง

กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด “ก็ได้ ดีดก็ดีด พวกท่านไม่รำคาญก็แล้วไป ข้าจะดีดเดี๋ยวนี้ละ”

“ในเวลาเรียนโปรดอย่ารบกวนนักเรียนคนอื่นๆ เลิกเรียนแล้วค่อยดีดใหม่”

นี่มันลอยแพนักเรียนชัดๆ

หลังเลิกเรียนนางยังต้องไปที่ร้านยาอีก

“การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศคราวนี้มีทั้งการประลองฝีมือกู่ฉิน หมากรุก ตำรา วาดภาพ และกวี เรื่องกู่ฉินนั้นอธิบายไปแล้ว ทีนี้เราจะมาพูดถึงหมากรุกกันต่อ”

ท่านอาจารย์ซั่งกวนเพียงใช้สายตาสื่อสารทุกคนก็เข้าใจ หลังจากนั้นก็เก็บกู่ฉินของทุกคนออกไปและวางกระดานหมากไว้แทน

“การเล่นหมากรุกมีเพียงสองรูปแบบ หนึ่งคือป้องกัน สองคือการรุก คราวก่อนสิ่งที่ควรบอกก็บอกไปแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่จะไม่พูดซ้ำอีก คราวนี้คู่แข่งที่รับมือยากที่สุดคือปรมาจารย์หมากรุก ซึ่งปรมาจารย์หมากรุกชำนาญในเรื่องการรุก หมากแต่ละตัวที่เขาเดินมักจะทำให้คู่ต่อสู้ไม่มีกำลังรับมือ ข้าจะสอนเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการทำลายกระดานหมากของเขาให้…”

กู้ชูหน่วนเริ่มง่วงเหงาหาวนอนอีกครั้ง

เสียงบ่นจู้จี้นี้นางไม่ได้อยากได้ยินเลยแม้แต่น้อย

“กู้ชูหน่วน…”

“หือ… เลิกเรียนแล้วหรือ”

“ฮ่าๆๆๆ…”

“คุณหนูสามมาเพื่อจะเป็นตัวตลกหรือ หลับได้ตลอดทั้งวัน”

อย่าว่าแต่ทุกคนจะหัวเราะนางเลย แม้แต่เซี่ยวอวี่เซวียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

เคยเห็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้

“ยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอ…” กู้ชูหน่วนบ่นพึมพำ ทำไมช่วงบ่ายถึงได้ลำบากยากเย็นนักนะ

“คุณหนูสามหลับในห้องเรียนได้เช่นนี้ เรื่องหมากรุกที่ข้าสอนไปทั้งหมดท่านคงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จะไม่ดีกว่าหรือถ้าจะเชิญให้คุณหนูสามมาสาธิตให้ทุกคนดู”

ทำไมจึงเป็นนางอีกแล้วล่ะ

กู้ชูหน่วนประท้วง “ท่านอาจารย์ ข้าเพิ่งมาเรียนวันนี้ ที่ท่านสอนเรื่องหมากรุกก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เคยฟังเลย”

“จะเป็นไรไป วันนี้เราจะมาสาธิตสิ่งที่สอนไปแล้วกัน เชิญคุณหนูสาม”

กู้ชูหน่วนกัดฟันลุกขึ้น นางมองกระดานหมากรุกที่หนาแน่นนั่นและเงยหน้าถาม “ของข้าสีดำหรือสีขาว”

“แล้วแต่ท่าน”

กู้ชูหน่วนเลือกหยิบหมากสีดำขึ้นมา นางลูบคางอย่างครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็กัดฟันวางลงไป

“ฮ่าๆๆๆ…”

ทุกคนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งและหัวเราะหนักจนเจ็บหน้าอกไปหมด

“บอกว่าคุณหนูสามเป็นคนหัวขี้เลื่อยก็ยังถือว่าให้เกียรติ พวกเจ้าเห็นไหม นางจับสีดำแต่กลับวางในเขตของสีขาว นางถูกศัตรูล้อมทั้งหน้าทั้งหลัง นี่มันรนหาที่ตายแท้ๆ หมากเกมนี้มันขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ”

“ใช่ไหมล่ะ ข้าว่าคุณหนูสามผู้นี้ไม่รู้วิธีเล่นหมากรุกด้วยซ้ำ นางก็แค่เล่นมั่วไปอย่างนั้นเอง”

“นี่ หัวขี้เลื่อยอย่างนี้น่ะ ต่อให้เข้าไปรอบชิงชนะเลิศได้ก็ผ่านรอบชิงชนะเลิศไม่ได้”

“ท่านอาจารย์ ข้าว่าปล่อยๆ นางไปเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียพลังงานไปเปล่าๆ”

กู้ชูหน่วนพยักหน้า

ที่พูดมานั้นมีเหตุผลมาก ปล่อยนางไปตามยถากรรม ให้ได้นอนหลับเฉยๆ ในชั้นเรียน

“ได้อย่างไรกัน ในเมื่อเป็นวิชาเรียนของข้า ข้าย่อมมีหน้าที่ต้องสอนนาง คุณหนูสาม ไม่รู้ว่าแต่ก่อนนี้เรียนบทกวี การวาดภาพและตำรามาเป็นอย่างไรบ้าง

“อา… ก็พอได้”

“เช่นนั้นก็ขอเชิญให้คุณหนูสามวาดภาพ และประดิษฐ์อักษรสักสองสามคำ”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออก

ซั่งกวนฉู่มีการคำนวณที่ดี เขาให้นางวาดภาพ ให้เขียนบทกวี คงไม่ใช่ว่าจะทดสอบความรู้ ภาพวาดและบทกวีของนางหรอกนะ

“ท่านอาจารย์ ข้าวาดรูปเก่งเกินไป เกรงว่าพวกท่านจะต้องอับอาย เอาอย่างนี้ ข้ายังไม่วาดดีกว่า”

ทุกคนกระอักเลือด

จะวาดเก่งอะไรขนาดนั้น ถึงกับกลัวว่าพวกเขาจะอายเลยหรือ

เป็นไปไม่ได้

เชื่อไม่ได้

หลิ่วเย่ว์และคนอื่นๆ มองเซี่ยวอวี่เซวียน

พี่ใหญ่ของพวกเขาไหวหรือไม่ไหวกันแน่ เหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกว่านางดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก

เซี่ยวอวี่เซวียนปิดหน้าตัวเองเอาไว้

ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขากลับมา ‘มีชื่อเสียง’ ในสำนักศึกษาวังหลวงอีกครั้ง

“ไม่เห็นเป็นไร ทุกคนยังต้องการกำลังใจจากคุณหนูสามอีกมาก”

ซั่งกวนฉู่ยิ้มอย่างไร้พิษภัย เป็นอาจารย์ที่ดีตามมาตรฐาน ทุกคนในสำนักศึกษาก็อดชื่นชมเขาไม่ได้ และมีเพียงท่านอาจารย์ซั่งกวนเท่านั้นที่มีน้ำอดน้ำทน

มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่แอบสาปแช่งเขาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นางหยิบพู่กันขึ้นมาและออกแรงจุ่มน้ำหมึก จากนั้นจึงละเลงลงบนกระดาษสีขาวสะอาด ทุกน้ำหมึกจากฝีแปรงที่ตวัดลงไปล้วนหนา หยาบ และติดเป็นแพ

ทุกคนงงงัน

นางวาดๆ เป็นวงกลม สุดท้ายก็ละเลงหมึกดำไปทั่วทั้งวงกลม เพื่ออะไรกัน?

หันไปมองท่าทางการถือพู่กันของนางอีกครั้ง เหตุใดจึงต้องใช้สองมือ?

นางใช้พู่กันเป็นหรือไม่เป็นกันแน่?

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

ตั้งแต่เด็กจนโตกู้ชูหน่วนไม่เคยจับพู่กันเลย นางไม่เคยอ่านหนังสือด้วย นางจะวาดภาพและเขียนบทกวีอะไรได้?

“เสร็จแล้ว”

“เสร็จแล้ว? นี่คืออะไรรึ”

“ตัวหมากไง หมากรุกสีดำ นั่นน่ะ ไม่เหมือนกับหมากตัวนั้นหรอกหรือ”

ทุกคนลูบหน้าผากตัวเอง

แบบนี้ก็ได้หรือ

“เชิญคุณหนูสามเขียนบทกวี” ท่านอาจารย์ซั่งกวนอารมณ์ดีและไม่ได้ตำหนินาง

กู้ชูหน่วนเขียนตัวอักษรตัวแรกโย้เย้ไปมา ดูเหมือนนางจะเขียนคำว่ากู้เกินหน่วนไม่เป็น นางเงยหน้าขึ้นและหันไปมองเซี่ยวอวี่เซวียน กระซิบเบาๆ ว่า “กู้เกินหน่วนเขียนยังไง”

เซี่ยวอวี่เซวียนรีบก้าวถอยหลัง

เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้

ไม่รู้จักเลยสักนิด

ไม่ว่าเสียงของกู้ชูหน่วนจะเบาแค่ไหนทุกคนก็ยังได้ยิน และพวกเขาก็หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง

ทุกคนล้วนบอกว่าคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้เป็นพวกหัวขี้เลื่อย เวลานี้มีหลักฐานแล้วว่านางคือหัวขี้เลื่อยจริงๆ

กู้ชูหลานที่ยืนอยู่ข้างเจ๋ออ๋องกระซิบเบาๆ ว่า “ความสามารถในการประพันธ์ของท่านพี่เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร หวังว่าท่านเจ๋ออ๋องจะไม่รังเกียจ”

เจ๋ออ๋องหัวเราะเยาะและมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตารังเกียจ “ความสามารถในการประพันธ์ของนางเป็นอย่างไรแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ข้ากับนางถอนหมั้นกันไปนานแล้ว”

แววตาที่ใสบริสุทธิ์ของกู้ชูหน่วนเป็นประกายเยียบเย็นแปลกๆ ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นแววตาของคนหัวขี้เลื่อยอีกครั้ง

“ขอถามหน่อยท่านอาจารย์ ข้าผ่านการทดสอบแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“คุณหนูสามมีทักษะการวาดรูปดีมาก ทักษะการเขียนก็ดี คู่ควรที่จะได้นำมาจัดแสดง ดังนั้นเราจะแขวนภาพวาดของคุณหนูสามไว้ที่ใจกลางสำนักศึกษา เพื่อให้นักเรียนคนอื่นๆ ได้เรียนรู้”

ประโยคนี้อีกแล้ว

ซั่งกวนฉู่ดูภายนอกนั้นมีเสน่ห์มาก แต่เนื้อในจริงๆ เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย บดบังใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทวดาของเขาเสียจนมิด

นางยิ้มอย่างยอมก้มหัวให้เล็กน้อย “ท่านอาจารย์ แบบนี้คงไม่ดีกระมัง”

“แต่ข้าว่าดีนะ”

กู้ชูหน่วนข่มกลั้นความโกรธเอาไว้และกลับมานั่งที นางรู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางด้วยสายตาเย้ยหยัน

เซี่ยวอวี่เซวียนขยับเข้ามาใกล้และปลอบว่า “ไม่เป็นไรน่า ไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย อย่างน้อยข้าก็ไม่มีวันหัวเราะเยาะเจ้า”

กู้ชูหน่วนหัวเราะหึๆ และยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ข้าดูออกน่ะ เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าพูดถูก เราสองคนเข้ากันดีมาก ข้าว่าเราก็เข้าคู่กันดีนะ”

“ให้ตาย”

เซี่ยวอวี่เซวียนตกใจจนล้มลงไปกับพื้น

เขาเอาคำปลอบเมื่อครู่คืนมาได้หรือไม่

ผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่ง คมหอกคมดาบก็ทำอะไรนางไม่ได้ การปลอบใจของเขาเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนโดยแท้