ตอนที่ 223 เป็นคนที่ร้ายกาจ

แม่สาวเข็มเงิน

ในใจป๋ายรุ่ยฮัวไม่ยอมแพ้ แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณนายหลู นางคือปุยฝ้ายตัวน้อยว่านอนสอนง่ายและเอาใจใส่ผู้เป็นแม่ นางจะกล้าโต้ตอบแม่ตัวเองได้ที่ไหน ป๋ายรุ่ยฮัวพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ท่านแม่พูดถูก มาเจ้าค่ะ ข้าจะพยุงท่านแม่ไปขึ้นรถม้าเอง”

ป๋ายรุ่ยฮัวพยุงคุณนายหลูไปขึ้นรถม้าของพวกนาง แม่นมโจมองคนบังคับรถม้าสลับกับมองเจียงป่าวชิง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “นี่แม่นางน้อย เจ้าช่วยหลีกทางให้เราผ่านไปก่อนหน่อยสิ ใช้เวลาไม่มากหรอก เจ้าดูสิว่าถ้าหากเรามัวยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อให้กันแบบนี้ต่อไป มันจะทำให้ยิ่งเสียเวลาเรื่อย ๆ เราต่างฝ่ายต่างเปิดทางให้กัน เจ้าว่าดีไหมล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงคลี่ยิ้ม “อันที่จริงพวกข้าตั้งใจจะหลีกทางไปตรงริมถนนเพื่อให้พวกท่านได้ผ่านไปก่อนอยู่แล้ว เพราะเส้นทางนี้ก็คับแคบจริง ๆ แต่คนของพวกท่านไร้มารยาทและหยาบคายเกินไป พวกเขาเข้ามาหาเรื่องเราก่อนเอง เราถึงได้ต้องใช้วิธีการอย่างที่ท่านเห็น”

แม่นมโจพยักหน้าเข้าใจ ในใจนางรู้ดีว่าฝั่งตัวเองเป็นฝ่ายผิด

เด็กผู้หญิงตรงหน้าดูอายุน้อยกว่าหลานสาวของนางเล็กน้อย ตอนที่เด็กผู้หญิงคนนี้พูด แม้นางไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรออกมาให้เห็น แต่คำพูดกลับดุดันมาก พูดกับใคร ใครก็รับมือไม่ได้กันทั้งนั้น

ท่าทางนั้นทำให้คนไม่มองไม่ได้เลย

สุดท้าย เรื่องนี้ก็จบลงด้วยการที่คนบังคับรถม้าของเจียงป่าวชิงบังคับม้าให้พารถหลีกไปข้างทางเล็กน้อย เพื่อให้รถม้าของพวกคุณนายหลูได้ผ่านไปก่อน

ดูเหมือนเจียงป่าวชิงเป็นฝ่ายยอมให้ แต่ในใจของคุณนายหลูกับป๋ายรุ่ยฮัวต่างเข้าใจดีว่าแทนที่จะบอกว่ายอมให้ นั่นคือลักษณะท่าทางของผู้ชนะมากกว่า

คุณนายหลูนั่งส่ายหน้าอยู่ในรถม้า “เด็กคนนั้นเป็นเด็กร้ายกาจมากจริง ๆ”

ป๋ายรุ่ยฮัวฝืนยิ้ม

“คุณยาย เฟิ่งเอ๋อร์อยากกินลูกอมเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นเฟิ่งเอ๋อร์ตัวน้อยพูดขึ้นมา

ช่วงนี้เฟิ่งเอ๋อร์มีความสัมพันธ์อันดีต่อคุณนายหลูและตัวติดกับคุณนายหลูตลอดเวลา นางติดท่านยายของนางมาก และมักจะชอบอยู่ในอ้อมกอดของท่านยายพร้อมออดอ้อนอย่างน่ารัก

คุณนายหลูรีบละทิ้งเรื่องเจียงป่าวชิงทันที นางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลงในตัวหลานตัวน้อย “ได้สิ ได้เลยหลานรัก เด็กดี ยายจะหยิบลูกอมให้เจ้ากินนะ”

ตอนที่ป๋ายรุ่ยฮัวถูกพ่อค้าหาบเร่ลักพาตัวไป นางยังโตไม่เท่าเฟิ่งเอ๋อร์ คุณนายหลูจึงย้ายความเสียใจทั้งหมดในปีนั้นไปให้เฟิ่งเอ๋อร์แทน สามารถพูดได้เลยว่านางตามใจเฟิ่งเอ๋อร์มาก ประมาณว่าถ้าหลานอยากได้ดวงดาว นางก็จะหามาให้โดยที่ไม่เก็บพระจันทร์มาตบตาทำนองนั้น

หลังจากที่เฟิ่งเอ๋อร์กินลูกอมเสร็จแล้ว นางก็ออดอ้อนอีกครั้งแล้วผล็อยหลับไป

คุณนายหลูเห็นหลานหลับแล้ว นางก็สั่งให้แม่นมโจอุ้มเฟิ่งเอ๋อร์และให้ดูหลานดี ๆ จากนั้นนางก็มานั่งข้าง ๆ ป๋ายรุ่ยฮัวอีกครั้งแล้วตีมือป๋ายรุ่ยฮัว

“รุ่ยฮัว ข้าเห็นเจ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด มีเรื่องกวนใจอะไรหรือเปล่า ?” นางถามลูกสาวจากใจจริง

ป๋ายรุ่ยฮัวจะยอมบอกว่าตัวเองกำลังครุ่นคิดเรื่องเมื่อสักครู่ได้อย่างไรกัน นางเพียงเผยรอยยิ้มอ่อนแอออกมาให้เห็นและพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ “ท่านแม่ ข้ากำลังเป็นห่วงเรื่องคำนินทาพวกนั้น หลังจากที่กลับไปถึงเมืองใหญ่แล้ว… ข้า…”

นี่เป็นเรื่องที่จัดการยากจริง ๆ

ถึงอย่างไร คนในเมืองหลวงหรือที่เรียกกันว่าเมืองใหญ่ ทุกคนที่รู้จักตระกูลหลูส่วนใหญ่ต่างรู้กันว่าตระกูลหลูมีหลานสาวอยู่คนหนึ่งที่หายตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนี้จู่ ๆ พวกเขาก็พากลับมาได้ และยังพาเด็กเล็กกลับมาด้วย ไม่พอเท่านั้น ในท้องก็ยังมีอีกหนึ่งคน แล้วเช่นนี้จะไม่ให้เกิดคำติฉินนินทาได้อย่างไร ?

คุณนายหลูขมวดคิ้ว นางเองก็ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้มาสักพักแล้ว “จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรหนิ หายตัวไปและถูกคนรับเลี้ยง แล้วยังแต่งงานอย่างถูกต้องอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าฟังตรงที่แต่งงานใหม่ในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หญิงหม้ายจะอยู่ในราชวงศ์ต้าหลง ถ้าพวกเขาจะวิจารณ์ก็ปล่อยให้วิจารณ์ไปเถอะ เพราะถึงยังไงคำพูดพวกนี้ก็ไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาบนโต๊ะแล้วเหน็บแนมเจ้าได้ เราบริสุทธิ์ซะอย่าง เพียงแค่เคยลำบากมามาก ชิงชิง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง คนที่พูดนินทาว่าร้ายเจ้าต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขาหรอกนะ”

ป๋ายรุ่ยฮัวก้มหน้าพลางลูบท้องน้อยอย่างไม่รู้ตัว

เด็กคนนี้…

คุณนายหลูเองก็เห็นการกระทำของป๋ายรุ่ยฮัวเช่นกัน นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ

คุณนายหลูตกลงว่าจะไม่เอาผิดซุนต้าตง และแน่นอนว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นธรรมดานั่นก็คือหย่ากับป๋ายรุ่ยฮัว

คุณนายหลูไม่ชอบลูกเขยที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบายและก่อความผิดฉ้อโกงอย่างซุนต้าตงเลยจริงๆ นางให้ซุนต้าตงเป็นคนเลือกเองว่าจะหย่ากับลูกสาวของนางหรือจะโดนตัดสินโทษถูกเนรเทศสามพันลี้

ในตอนนั้น มีหรือที่ซุนต้าตงจะยอมปล่อยแหล่งขุมทรัพย์ย่อม ๆ ให้หลุดมือไป เดิมทีแม่นกน้อยอย่างป๋ายรุ่ยฮัวกำลังจะโบยบินขึ้นไปบนกิ่งไม้และกลายเป็นหงส์แล้ว ทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมหย่ากับนาง และบอกว่าป๋ายรุ่ยฮัวท้องลูกของเขาแล้ว เกิดออกมาก็ต้องเป็นคนของตระกูลซุน ตายก็ต้องเป็นผีของตระกูลซุน

แต่ทว่าแม่นมโจที่อยู่ข้างคุณนายหลูไม่ได้โง่ นางบอกเขาอย่างเย็นชาว่าถึงตอนนั้นพวกเขาเพียงแค่สั่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้คุมที่อยู่กับเขาปล่อยตัวและ ‘ดูแล’ เขาระหว่างทาง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถึงจุดหมาย ถึงตอนนั้น ป๋ายรุ่ยฮัวเองก็จะเป็นอิสระ เพียงแค่รอเวลานิดหน่อยเท่านั้น

ซุนต้าตงตกใจชะงักไป แม่นมโจรีบฉวยโอกาสบอกเขาอีกว่าถ้าหากเขาตกลงที่จะหย่ากับป๋ายรุ่ยฮัว คุณนายหลูไม่เพียงแต่จะถอนฟ้องการทำความผิดครั้งนี้ของเขา แต่จะให้เงินเขาอีกหนึ่งร้อยตำลึงด้วยเช่นกัน ซึ่งเพียงพอสำหรับแก้ปัญหาชีวิต สร้างบ้านหลังใหญ่ และแต่งงานกับหญิงสาวสวย ๆ ที่อายุน้อยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยด้วยซ้ำ

ซุนต้าตงถึงได้เกิดความคิดเปลี่ยนใจ สุดท้ายคนฉลาดแกมโกงอย่างเขาก็เพิ่มราคาเป็นสองร้อยตำลึงถึงจะยอมตกลงหย่าร้างแยกทางกับป๋ายรุ่ยฮัว และไม่พูดถึงเรื่องที่เด็กในท้องของป๋ายรุ่ยฮัวเป็นคนของตระกูลซุนของพวกเขาทำนองนั้นอีก

นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ป๋ายรุ่ยฮัวกับซุนต้าตงเป็นคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันในทางกฎบ้านเมืองแล้ว

สิ่งเดียวที่ยังเกี่ยวพันกันก็คือเด็กในท้องของป๋ายรุ่ยฮัว

คุณนายหลูตัดสินใจ นางมองไปยังป๋ายรุ่ยฮัวแล้วกุมมือลูกสาวไว้ด้วยความรัก ก่อนจะพูดแนะนำเสียงเบา “ชิงชิง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ตีเด็กคนนี้ให้หลุดซะเลยสิ… ดีไหม…”

ป่ายรุ่ยฮัวมองคุณนายหลูด้วยความตกใจ “ท่านแม่!”

คุณนายหลูลูบมือที่หยาบกร้านของป๋ายรุ่ยฮัวสองสามครั้งด้วยจิตใจขมขื่นสุดที่จะรับไหว ชิงชิงของนางควรเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักความโปรดปราณของทุกคน แต่ทำไมสวรรค์ถึงได้ไม่ยุติธรรมกับนางแบบนี้ ทำไมส่งให้นางไปประสบพบเจอกับเรื่องเลวร้าย

น้ำเสียงของคุณนายหลูเริ่มปนสะอื้นเล็กน้อย “ฮึก ๆ ชิงชิง ข้าอยากชดเชยให้เจ้าดี ๆ ข้าอยากให้เจ้าที่เป็นลูกสาวสุดที่รักของข้าอยู่ที่บ้านก่อนสักปีสองปี จะได้เติมเต็มความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกของเรา แล้วค่อยให้เจ้าแต่งออกไปอย่างยิ่งใหญ่ เพราะถึงยังไง ท่านปู่ของเจ้าก็เป็นขุนนางขั้นสี่ในเมืองใหญ่ ถ้าหากว่าเจ้าไม่ได้ถูกลักพาตัวไปในตอนนั้น ตอนนี้เจ้าคงเป็นคุณหนูโดยสมบูรณ์ไปแล้ว เวลาแต่งงานก็จะมีหลายร้อยครอบครัวอยากมาสู่ขอเจ้าอย่างแน่นอน”

ป๋ายรุ่ยฮัวได้ยินดังนั้น ในใจของนางเหมือนถูกแทงด้วยมีดครั้งแล้วครั้งเล่า

นางนอนลงบนตักของผู้เป็นแม่พร้อมร้องไห้ไปด้วย “ฮือ ๆ ๆ ท่านแม่ ถ้าหากว่าข้าเลือกได้ ข้าจะเลือกชิวิตแบบนี้เพื่ออะไรล่ะเจ้าคะ”

น้ำตาของคุณนายหลูหยดลงบนแก้มของลูกสาว “ชิงชิง เจ้าไม่ต้องห่วง จากนี้ไปข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอีก ฟังข้า เจ้าตีลูกในท้องนี่ซะ ถึงตอนนั้นข้าจะหาชายดี ๆ ให้เจ้าเอง และให้เจ้าแต่งออกไปเป็นคุณหญิงคุณนาย มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติดูแล ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป”

ป๋ายรุ่ยฮัวใจลอย ในศีรษะนางมีจินตนาการที่ไม่อาจหยุดได้เกี่ยวกับชีวิตอันแสนสุขสบาย

คุณนายหลูพูดต่อไป “เจ้าดูอย่างเด็กสาวแซ่เจียงเมื่อสักครู่สิ นางดูมั่นใจมากเมื่อนางพูด แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าชั่วชีวิตของนางไม่สามารถมีชีวิตอย่างที่เจ้ากำลังจะมีได้ นางเป็นเด็กสาวชนบท แต่เจ้าเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่านางจะฝีปากดีแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วนางก็ต่ำต้อยกว่าเจ้าอยู่ดี ชิงชิง คนเราน่ะต้องมองไปข้างหน้าเท่านั้น”

เมื่อนึกว่าเจียงป่าวชิงกำลังจะคลานอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง ก็มีความตื่นเต้นที่ยากจะอธิบายพุ่งขึ้นมาในใจของป๋ายรุ่ยฮัวทันที

“ท่านแม่ ข้าจะทำตามที่ท่านบอกเจ้าค่ะ” ป๋ายรุ่ยฮัวซุกตักของคุณนายหลูอย่างนุ่มนวล