บทที่ 115 บรรลุค่ายกล
เป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า “ปลากับอุ้งตีนหมีไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาพร้อมกันง่ายๆ” หากต้องการประสบความสำเร็จในโลกยุทธ์ก็ไม่สามารถปันเวลาไปศึกษาค่ายกล การกลั่นยาและการหลอมอาวุธได้
จอมยุทธ์ที่ตั้งใจศึกษาค่ายกล การกลั่นยาและการหลอมอาวุธนั้น จะมีความก้าวหน้าในโลกยุทธ์ช้ากว่า
แต่ก็แน่นอนว่ายังมีบุคคลที่มีความสามารถสูงเป็นพิเศษบางคน ที่ศึกษาทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันและประสบความสำเร็จอย่างมาก
หลัวซิวหยิบตำราความรู้ค่ายกลเล่มนั้นขึ้นมา ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้วางแผนที่จะเดินทางสายค่ายกล แต่ต้องการที่จะมีความเข้าใจในค่ายกลมากขึ้นก็เท่านั้น
เขารู้ตัวว่าวันข้างหน้าเขาจะต้องออกไปฝึกฝนอยู่ในโลกภายนอก จึงอยากศึกษาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลเพิ่มขึ้น หากวันหนึ่งต้องเจอกับจอมยุทธ์ที่เลือกฝึกฝนค่ายกล เขาจะได้ไม่โง่เขลาเสียจนเกินไป
บริเวณชายแดนเทือกเขากวนเหลย ด้วยความระแวดระวังของหลัวซิวทำให้เขาไม่ประสบกับอันตรายใดๆ และด้วยระยะทางที่เข้าใกล้เขตการปกครองโตว้ไห่มากขึ้นเรื่อยๆ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะรู้ว่าทั้งสองกำลังจะต้องจากกัน ลู่เมิ่งเหยาจึงยิ่งพูดน้อยลงเรื่อยๆ และเวลาส่วนใหญ่ก็เอาแต่นิ่งเงียบ
ตอนที่หลัวซิวศึกษาตำราค่ายกลอยู่นั้น เธอมักจะเหม่อลอยมองเขา ส่วนตัวหลัวซิวเองกลับไม่รู้ตัว
ตอนนี้หลัวซิวไม่รู้ความคิดของลู่เมิ่งเหยา ในขณะที่เขาเริ่มอ่านตำราค่ายกลนั้น เขาก็ถูกความรู้ต่างๆ ในการใช้ค่ายกลดึงดูดเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
ค่ายกลถือเป็นวิชายุทธ์ที่โดดเด่นแขนงหนึ่ง จอมยุทธ์ต้องใช้อุปกรณ์มากมายในการสร้างธงค่าย แกะสลักลายค่ายและสัญลักษณ์ เพื่อดึงดูดพลังฟ้าดินมาใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ตามที่ตนต้องการ
ระหว่างขั้นตอนเหล่านี้ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพในจุดตันเถียนก็หมุนวนอย่างรวดเร็วขึ้นมาเอง ภาพผังกฎดั้งเดิมภาพแรกก็ยิ่งปรากฏในความคิดแจ่มชัดขึ้น สัญลักษณ์รูปร่างแปลกประหลาดและลายเส้นแต่ละเส้นในผังกฎก็เป็นส่วนหนึ่งของความน่ามหัศจรรย์ของค่ายกลอย่างไม่นึกฝัน
ไม่เพียงเท่านี้ ลูกแก้วความเป็นตายที่ผนึกรวมเข้ากับจิตวิญญาณเป็นหนึ่ง ก็ส่งพลังลึกลับบางอย่างที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด ทำให้เขารู้สึกว่าความลึกลับซับซ้อนต่างๆ ของค่ายกลนั้นอันที่จริงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
หลัวซิวอ่านตำราค่ายกลนี้จนจบภายในสามวัน หลัวซิวเข้าใจในภาพรวมทั้งหมดของทฤษฎีค่ายกลตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นสามที่อธิบายเอาไว้ และนี่เองที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
แต่หลัวซิวก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าความเข้าใจของตัวเองจะเฉียบขาดเช่นนั้น แต่จะต้องเป็นผลมาจากลูกแก้วความเป็นตายอย่างแน่นอน
ลูกแก้วความเป็นตายเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมฟ้าดินดั้งเดิม สิ่งที่เรียกว่าดั้งเดิมนั้นมีทุกอย่างรวมอยู่อย่างสมบูรณ์ ทุกสรรพสิ่งล้วนพัฒนามาจากกฎดั้งเดิม ค่ายกลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในทางทฤษฎี ตอนนี้หลัวซิวจัดอยู่ในกลุ่มอาจารย์นักค่ายกลขั้น 3 แต่อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เคยได้ลองใช้งานจริง เขาจึงไม่อาจยืนยันได้
การจะสร้างค่ายกลต้องอาศัยธงค่ายมาช่วย นักค่ายกลจำนวนมากที่ใช้ธงค่ายก็ต้องไปขอให้นักหลอมอาวุธช่วยสร้างให้ หลังจากนั้นอาจารย์นักค่ายกลจะแกะสลักสัญลักษณ์ลายค่าย เอาไว้ด้านบน นั่นถึงจะถือว่าเป็นการสร้างค่ายกลที่มีพลังยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ
หลัวซิวไม่มีธงค่ายไว้ในครอบครอง แม้ว่าเขาจะรู้สึกข้องใจอยู่บ้าง แต่ก็ไร้หนทางที่จะทดสอบได้ว่าตนเองนั้นสามารถสร้างค่ายกลขั้น 3 ได้หรือไม่
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก หลัวซิวกับลู่เมิ่งเหยาอยู่ที่เทือกเขากวนเหลยมาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว
ในช่วงเวลานี้หลัวซิวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปได้หลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะความเข้าใจที่มีต่อเส้นทางของค่ายกล ทำให้เขาเข้าใจปัญหาที่เมื่อก่อนไม่เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
การฝึกตนของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถบรรลุชี่ไห่ระดับ 6 อีกทั้งยังสามารถยกระดับแดนวิชายุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว วิชาดาบเร็วก็สามารถผ่านแดนสำเร็จน้อยเข้าสู่แดนบรรลุผลได้แล้ว
วิชาท่าร่างเงาเศษสิบช่องก็สามารถพัฒนาเป็นเงาเศษ 8 สาย ทำให้เพิ่มความรวดเร็วขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบ ลู่เมิ่งเหยาเองก็ไม่ได้ผ่อนปรณการฝึกตนของตัวเอง เธอฝึกตนจนบรรลุชี่ไห่ระดับ 6 ได้ก่อนหลัวซิวเสียอีก
และนี่เองที่ทำให้หลัวซิวตระหนักได้ว่าพรสวรรค์การฝึกตนของตัวเองไม่ได้โดดเด่นเหนือคนอื่น อย่างน้อยๆ พรสวรรค์ของลู่เมิ่งเหยาก็ยังดีกว่าเขา การที่เขาประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ทั้งหมดเป็นผลมาจากลูกแก้วความเป็นตาย
“ผมได้ครอบครองสมบัติอย่างลูกแก้วความเป็นตาย หากผมยังไม่สามารถสร้างคุณูปการในโลกยุทธ์ได้ นั่นไม่เท่ากับทำให้โชคชะตาที่มีต้องเสียเปล่าไปหรอกหรือ”
หลัวซิวมีความมั่นใจในเส้นทางโชคชะตาของตัวเองมาก
ในแผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้ ผู้นำที่มีความโดดเด่นจำนวนมากต่างพยายามเดินทางเข้าสู่เส้นทางโลกยุทธ์ขั้นสูง เขาได้ยินเรื่องเล่าชีวประวัติของผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมาตั้งแต่เด็ก เขาเองก็มีความปรารถนาที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแบบนั้นตั้งแต่อายุสิบสี่แล้วเช่นกัน
เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าวัน หลัวซิวได้พาลู่เมิ่งเหยาเดินทางผ่านเทือกเขากวนเหลยเข้าสู่เขตการปกครองโตว้ไห่
ระหว่างเขตการปกครองหยุนหลงกับเขตการปกครองโตว้ไห่ มีแผ่นดินอัตรายของเทือกเขากวนเหลยคั่นกลางอยู่ และคล้ายว่าจะไม่เคยมีจอมยุทธ์ชี่ไห่คนใดเคยเดินผ่านพื้นที่ตรงนี้ไปได้
แม้ว่าจะเดินอ้อมรอบนอกเทือกเขากวนเหลยก็ตาม แต่ก็มักจะมีอสูรระดับ 3 ปรากฏตัวออกมาบ่อยๆ และบางครั้งอาจมีอสูรระดับ 4 ที่มีพลังเทียบเท่ากับปรมาจารย์ฝึกจิตโผล่ออกมาด้วย
หลัวซิวเองก็อาศัยกระแสสัมผัสพลังชีวิต เป็นตัวช่วย เขาจึงรู้สถานที่ซ่อนตัวของอสูรตัวใหญ่ๆ และหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายต่อหลายครั้ง
ในช่วงเวลาครั้งเดือนที่ผ่านมานี้ หลัวซิวได้กำจัดอสูรกายระดับ 2 มาแล้วหลายตัว และยังมีอสูรกายระดับ 3 ทั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง ในแหวนเก็บของของเขาจึงมีสิ่งของมากมายที่เก็บมาได้จากร่างของอสูรกาย
เมืองโจว๋ซิงของเขตการปกครองโตว้ไห่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับเทือกเขากวนเหลย จึงเป็นสถานที่ที่จอมยุทธ์ที่เดินทางฝึกตนแวะเวียนมาบ่อยๆ
เมื่อจอมยุทธ์ได้ผ่านการฝึกตน โดยเผชิญอันตรายจากเทือกเขากวนเหลยแล้ว หลังจากที่เก็บสมบัติมาได้เป็นจำนวนมากก็มักจะนำมาขายที่เมืองโจ๋วซิงเพื่อแลกกับทรัพยากรอื่นๆ ที่ช่วยในการฝึกตนที่ตัวเองต้องการ
ณ ทางเข้าออกเมืองโจ๋วซิงมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินทางมาถึง ผู้ชายสวมชุดนักยุทธ์แนบเนื้อสีดำ สะพายกระบี่ยุทธ์ไว้เล่มหนึ่ง ใบหน้าคมคาย ดวงตาสีดำขลับ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด
ส่วนผู้หญิงเป็นสตรีที่งดงาม ใบหน้าได้รูป แววตาเป็นประกายราวน้ำค้างในฤดูใบไม้ผลิแต่ยังคงเคลือบไว้ด้วยความเศร้าบางๆ
หญิงชายที่เดินทางมาถึงเมืองโจ๋วซิงคู่นี้ คือหลัวซิวกับลู่เมิ่งเหยานั่นเอง
ค่าใช้จ่ายในการเข้าเมืองคือหินพลังจิตชั้นล่างหนึ่งก้อน ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรเลยสำหรับจอมยุทธ์ชี่ไห่
เมืองโจ๋วซิงเป็นเมืองที่เจริญมาก แม้ว่าเนื้อที่อาจจะสู้เขตการปกครองหยุนหลงไม่ได้ แต่ในด้านของสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากันในโลกยุทธ์ และความวุ่นวายโกลาหลนั้นยังห่างไกลกับเขตการปกครองหยุนหลงมาก
ตามข้อมูลที่หลัวซิวเคยรู้มา ประเทศเทียนหวูมีเขตการปกครองทั้งสิ้น 13 เขตและเมืองอีก 8 เมือง และในเขตการปกครองทั้ง 13 เขตนี้ ชื่อชั้นของเขตการปกครองหยุนหลงไม่เจริญเท่าเขตการปกครองโตว๋ไห่ เนื่องจากถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 12 และเขตการปกครองโตว๋ไห่ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 7
หากเทียบกับสำนักเซียวเหยาที่แข็งแกร่งเพียงสำนักเดียวในเขตการปกครองหยุนหลงแล้ว ในด้านอื่นๆ ของเขตการปกครองโตว้ไห่ซับซ้อนกว่าในทุกๆ ด้าน
“ข้อมูลของเทือกเขากวนเหลยแบบละเอียดเลยจ้า……”
เมื่อเดินเข้าไปในเมืองแล้ว ก็ได้ยินพ่อค้าแม่ค้าตะโกนขายแผนที่แบบต่างๆ รวมทั้งข้อมูลทรัพย์สมบัติ ในจำนวนนี้มีทั้งของจริงและของปลอม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกี่ยวข้องกับเทือกเขากวนเหลยทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีของที่เกี่ยวกับเขตการปกครองโตว้ไห่ การแนะนำกลุ่มการปกครองของเมืองโจว๋ซิง รวมทั้งแผนที่คร่าวๆ
สำหรับจอมยุทธ์จำนวนมากที่มาฝึกตนที่เทือกเขากวนเหลยนี้ แผนที่เป็นสิ่งของที่จำเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย แผนที่สักฉบับจึงถือเป็นสิ่งของที่หาค่าไม่ได้ การที่หลัวซิวมีอยู่ในครอบครองของตัวเองได้เพราะได้มาจากองค์กรนักล่ายุทธ์
ยิ่งพื้นที่ที่กว้างขวางและอันตรายมากเท่าไหร่ การที่จะวาดแผนที่ออกมาได้ยิ่งเป็นเรื่องยากมากเท่านั้น ในองค์กรนักล่ายุทธ์มีเพียงสมาชิกที่มีพรสวรรค์สูงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้ครอบครองแผนที่ของพื้นที่สักเขตหนึ่ง