บทที่ 345 อุ้มหลาน + บทที่ 346 หนานกงเยี่ยนเดินทางกลับ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 345 อุ้มหลาน

เมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียนมีท่าทีเช่นนั้น ใบหน้าของหลิงหลัวก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา ในรอยยิ้มนั้นมีความตื่นเต้นและความรู้สึกอื่นปนอยู่ด้วย แต่เซียวจื่อเซวียนไม่ทันได้สังเกตเห็นร่องรอยของมันที่แล่นผ่านดวงตาของหลิงหลัวไป

ทั้งสองเล่นกับลูกด้วยกัน บางเวลาเซียวจื่อเซวียนก็จะนั่งอยู่ด้านข้างเพียงผู้เดียวและมองพ่อกับลูกคุยกันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความสุขอย่างนี้นับตั้งแต่วันที่นางแต่งงานและรู้สึกว่าตนช่างมีความสุขยิ่งนักเพราะได้แต่งงานกับคนที่ตนชอบ

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อนางรู้ถึงตัวตนของหนิงเมิ่งเหยา ทว่าบัดนี้นางกลับรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะชีวิตของนางกำลังเริ่มกลับเข้าร่องเข้ารอยดังเดิม

หลิงหลัวอยู่ที่ห้องของเซียวจื่อเซวียนตลอดวัน หลังจากลูกหลับแล้ว เขาจึงกลับออกไป

หลังจากกลับมาถึงห้องของตน หลิงหลัวมีสายตานิ่งสงบและจดจ่อ เขามองออกไปยังความมืดมิดซึ่งกลืนกินทุกอย่างด้านนอก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงหันหลังกลับและทิ้งความมืดไว้เบื้องหลัง

ในตอนแรกนั้นเซียวชวี่เฟิงยังคงรู้สึกกังวลเรื่องหนานกงเยี่ยนอยู่ แต่หลังจากผ่านไปสองสามวันก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเขาก็สบายใจ ทุกๆ วันหนานกงเยี่ยนจะอยู่ที่จวนแม่ทัพ บางครั้งก็ออกไปซื้อของข้างนอกกับสองสามีภรรยา นี่ทำให้เขาปล่อยวางความรู้สึกเคลือบแคลงภายในหัวใจให้จางหายไป

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าไม่คิดที่จะกลับไปพร้อมข้าหรือ” หนานกงเยี่ยนพักอยู่ในเมืองหลิงมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องกลับไป แม้จะยังหาเซียวเฉิงหย่าไม่พบ แต่เขาก็ไม่ละความพยายามในการค้นหาต่อไป

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยน ดวงตาของนางเหม่อลอย

“ท่านพ่อจำเป็นต้องกลับจริงๆ หรือ”

“ข้ายังคงเป็นผู้สำเร็จราชการของเมืองหลิงอยู่ และข้าก็ยังต้องตามหาแม่ของเจ้าด้วย” หนานกงเยี่ยนแทบทนไม่ไหวที่จะต้องจากบุตรสาวของตน แต่หลังจากได้อยู่ด้วยกันในเวลาสั้นๆ และได้รู้ว่าบุตรสาวของตนนั้นมีชีวิตที่สุขสบายดี เขาก็สามารถฝากนางไว้ในมือของเฉียวเทียนช่างได้อย่างมั่นใจ

หนิงเมิ่งเหยาหลุบตาลงแล้วขมวดคิ้ว “ท่านไม่ได้บอกเองหรอกหรือว่าท่านแม่อาจจะอยู่ที่จวนตระกูลเซียว”

“ก็จริงอยู่ แต่ตลอดครึ่งเดือนนี้ข้ายังไม่ได้เบาะแสเรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่ากลับได้ข่าวบางอย่างจากเมืองหลิงมาแทน ข้าจำต้องกลับไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าข่าวนั้นมันจริงหรือไม่” สายตาของหนานกงเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชาเมื่อเขานึกถึงเมืองหลิง

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยน ในดวงตาของนางมีความกังวล

“เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาตั้งใจปล่อยข่าวออกมา”

เพราะว่าตอนอยู่ที่นี่หนานกงเยี่ยนไม่รักษาหน้าเมืองหลิงเลยแม้แต่น้อย และยังไม่ได้ทำตามหน้าที่ที่เมืองหลิงมอบหมายไว้ให้สำเร็จอีก หากเมืองหลิงไม่โกรธก็คงจะว่าแปลกยิ่งนัก

หนานกงเยว่และพรรคพวกกลับไปเพียงไม่นาน ทว่ากลับมีข่าวแพร่สะพัดออกมาเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองจากทางไหน ข่าวที่ว่านั่นก็น่าจะเป็นข่าวลวง

หนานกงเยี่ยนรู้ดีว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ “ข้าจะโล่งใจได้ก็ต่อเมื่อได้กลับไปตรวจสอบดู หากมันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นข้าก็อยากจะช่วยแม่เจ้าออกมา”

เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยนมีท่าทางเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ หนิงเมิ่งเหยาจึงทำใจหยุดเขาไม่ลง นางทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหมดหนทาง “ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อกลับไปแล้วท่านต้องระวังตัวให้ดี ข้าจะจัดการกับจวนตระกูลเซียวเอง”

“พ่อเชื่อในตัวเจ้า แต่อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเล่า” หนานกงเยี่ยนกังวลว่าหนิงเมิ่งเหยาจะตกอยู่ในอันตรายเพราะการตามหาเซียวเฉิงหย่า

“ท่านพ่อตา ท่านอย่าห่วงไปเลยขอรับ ข้าจะดูแลเหยาเหยาเอง” เฉียวเทียนช่างเอ่ยขึ้นทันที พวกเขาเองได้เตรียมแผนการไว้อย่างรัดกุมแล้ว ดังนั้นหนิงเมิ่งเหยาจึงไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเกินไป

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้แน่” นางจะปล่อยให้เซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ จัดการเรื่องนี้ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ให้นางต้องลงมือเอง

หนานกงเยี่ยนรู้สึกสบายใจขึ้นในที่สุด “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ หวังว่าเมื่อเราพบกันอีกครั้ง พ่อจะได้อุ้มหลานนะ” หนานกงเยี่ยนหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นขณะมองทั้งสองคน

หนิงเมิ่งเหยาย่นหน้าผาก หัวข้อสนทนามันเปลี่ยนไปเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้พูดถึงปัญหาร้ายแรงกันอยู่หรอกหรือ เหตุใดคนผู้นี้จึงสามารถพูดเรื่องอุ้มหลานออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ได้

“ท่านพ่อตา ท่านจะได้อุ้มแน่ขอรับ” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างใจเย็น ต่างจากหนิงเมิ่งเหยาที่เพิ่งรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าไปหมาดๆ เขาเองก็อยากได้ลูกเหมือนกัน

นางหันหน้าไปจ้องเฉียวเทียนช่างด้วยสายตาดุร้าย แต่นางไม่สามารถมองตาชายผู้นี้ตรงๆ ได้เลย เขาปฏิบัติต่อภรรยาตัวเองเช่นนี้หรือ

หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปหยิกเอวเขา ก่อนนางจะผละมือออกอย่างพออกพอใจหลังจากสัมผัสได้ว่ากล้ามเนื้อของเฉียวเทียนช่างแข็งเกร็งขึ้นในทันที

เมื่อนางหันหน้ากลับมา ก็เห็นหนานกงเยี่ยนกำลังมองนางด้วยสายตาขบขัน ทันใดนั้นหนิงเมิ่งเหยาก็ไม่อาจสงบอารมณ์และทำตัวเยือกเย็นได้อีกต่อไป ช่างน่าขายหน้านัก

บทที่ 346 หนานกงเยี่ยนเดินทางกลับ

หนิงเมิ่งเหยายืนขึ้นด้วยท่าทีสงบ “ข้าจะไปเตรียมอาหารที่ห้องครัว” หลังจากพูดจบนางก็หันหลังเดินออกไป แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้ได้ว่านางกำลังลนลานอยู่

เฉียวเทียนช่างมองร่างของหนิงเมิ่งเหยาที่ผลุนผลันออกไปด้วยความรักใคร่ จากนั้นจึงหันไปมองหนานกงเยี่ยน “ท่านพ่อตา อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัวให้มากๆ นะขอรับ”

“เข้าใจแล้ว ข้าคงต้องรบกวนเจ้าช่วยดูแลเหยาเอ๋อร์ด้วย นางยังเป็นแค่เด็กน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น” ตลอดหลายวันที่พวกเขาใช้เวลาร่วมกัน เขาสามารถเห็นได้ชัดว่าเฉียวเทียนช่างนั้นตามอกตามใจนางไปเสียทุกเรื่อง

ปกติแล้วหนิงเมิ่งเหยาก็ทำตัวปกติ แต่ท่าทีราวกับเด็กที่นางแสดงออกมาในบางครั้งนั้นก็ทำให้คนรอบข้างต่างปวดหัวไปตามๆ กัน เช่นเดียวกับเมื่อครู่

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “ไม่เป็นไรขอรับ นางเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

หนานกงเยี่ยนมองเฉียวเทียนช่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าอีกคนพร้อมจะบุกในขณะที่อีกคนนั้นก็พร้อมจะรับ เขารู้สึกโล่งใจ

“ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็กลับไปได้อย่างสบายใจแล้ว ส่วนเรื่องหนานกงเยว่ ข้าจะจับตาดูเขาเอง ทางเจ้าเองหากจะทำสิ่งใดก็ให้ระวังตัวไว้ด้วย” เขาจำเป็นต้องปกป้องเมืองหลิง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทนดูคนอื่นมารังแกบุตรสาวและบุตรเขยของตน

เฉียวเทียนช่างขานรับ “ท่านพ่อตาโปรดวางใจ”

ทั้งสองปรึกษาหารือเรื่องอื่น ๆ กันต่อ และหยุดพูดคุยกันเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมา

“ยังคุยกันอยู่อีกหรือ ได้เวลากินข้าวแล้วนะ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างอับจนคำพูดพอนางเห็นว่าทั้งสองยังคุยกันอยู่เมื่อนางยกจานอาหารเข้ามา

ผู้ชายตัวโตๆ ทั้งสองคนหาประเด็นอะไรมาคุยกันได้นักหนา

เฉียวเทียนช่างยิ้ม เขาเข้าไปในครัวเพื่อช่วยหนิงเมิ่งเหยายกจานออกมา

หลังจากมื้ออาหารสิ้นสุดลง หนานกงเยี่ยนเริ่มสั่งให้ข้ารับใช้จัดการเตรียมข้าวของของตนให้พร้อมสำหรับการเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

เช้าวันต่อมา หนานกงเยี่ยนเข้าไปที่วังหลวงเพื่อกล่าวลากับเซียวชวี่เฟิงก่อนออกเดินทางในทันที เขาไม่ได้กลับไปยังจวนแม่ทัพอีก เมื่อวานพวกเขาหารือกันจนหมดทุกเรื่องแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปอีก

หลังจากหนานกงเยี่ยนกลับไป หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าไม่ว่าตนจะทำอะไรก็ดูเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไปตลอดเวลา

หนิงเมิ่งเหยามองถ้วยชามอีกหนึ่งชุดที่เพิ่มเข้ามา แล้วนวดบริเวณหว่างคิ้วของตน นางรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

“ต่อไปในอนาคต ยังไงเราก็ยังต้องได้พบเขาอีกครั้งแน่” เฉียวเทียนช่างรู้ดีว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะนางเพิ่งจะพบบิดาของตนได้ไม่นาน แล้วเขาก็จากไปทั้งอย่างนั้น

“ข้ารู้ แต่ข้าก็ยังอดห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี” หากมารดาของนางอยู่ในมือของหลิงฮ่องเต้จริง ก็เท่ากับว่าเขากำลังเดินเข้าสู่กับดัก หลิงฮ่องเต้ต้องวางอุบายเอาไว้เพื่อข่มขู่ให้บิดาของนางยินยอมแน่

แต่ถึงนางจะไม่อยู่ที่นั่น หลิงฮ่องเต้ที่ทั้งชั่วร้ายและเลวทรามก็คงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ

“เจ้าสั่งให้คนที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงไปคุ้มกันเขาได้นี่ ถ้าให้ทงเป่าไจข่มขวัญพวกมันเสีย พวกมันไม่น่าจะแตะต้องท่านพ่อตาได้ง่ายๆ” เฉียวเทียนช่างตบบ่าหนิงเมิ่งเหยาเพื่อปลอบใจขณะเสนอความคิดออกมา

หนิงเมิ่งเหยาตริตรองสิ่งที่เขาแนะนำก่อนจะพยักหน้า “ก็ดี แต่การค้าในเมืองหลิงคงจะสงบอยู่ได้ไม่นานนัก”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ถ้าเจ้าเป็นหลิงฮ่องเต้ เจ้าจะปล่อยกลุ่มคนมีอำนาจที่พร้อมจะข่มขู่เจ้าทุกเมื่ออย่างทงเป่าไจเอาไว้หรือ” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง

ทงเป่าไจไม่ต่างอะไรจากใบมีดที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของคนเหล่านั้น พวกเขาคงจะกังวลใจยิ่งนักว่าใบมีดนั้นจะหล่นลงมาบั่นคอตนเข้าเมื่อใด มิหนำซ้ำครั้งนี้เมืองหลิงยังเลิกที่จะเสแสร้งแล้วด้วย

เฉียวเทียนช่างนิ่งเงียบ หากเป็นเขา เขาก็คงนึกกังวลอยู่ ใช่ว่าผู้มีอำนาจทุกคนจะยอมให้มีใครมาข่มขู่ตัวเองได้

“เจ้าไม่เป็นห่วงหรือ”

“เหตุใดข้าต้องเป็นห่วงด้วย ทงเป่าไจไม่ได้หมูอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

หากทงเป่าไจจบสิ้นเพราะฝีมือหนานกงเยว่เพียงผู้เดียว นางคงต้องคิดทบทวนใหม่แล้วว่าควรจะส่งต่อทงเป่าไจให้คนอื่นดูแลดีหรือเปล่า

“หืม” มีความประหลาดใจในดวงตาของเฉียวเทียนช่าง หรือจะมีบางอย่างที่เขายังไม่รู้อยู่อีก

หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะ นางยื่นมือไปหยิกแก้มของเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง เจ้าเป็นเช่นนี้แล้วน่ารักยิ่งนัก”

“เอาล่ะ บอกข้ามาได้แล้ว”

“ข้าจะบอกยังไงดี ทงเป่าไจที่ทุกคนรู้จักมันเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดสักพักก่อนเริ่มเข้าเรื่อง

เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาแปลกๆ หลังจากคิดตามสักหน่อย คนหัวดีเช่นเขาก็เข้าใจ “เจ้าตั้งใจจะบอกว่า มีกำลังพลมากมายซ่อนตัวอยู่ในความมืดโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้อย่างนั้นหรือ”

หนิงเมิ่งเหยายิ้มและพยักหน้า “ถูกต้อง เบื้องหน้านั้นทงเป่าไจแสดงแสนยานุภาพออกมาเพียงแค่ห้าสิบหรือหกสิบส่วนเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว นอกจากเมืองเซียว ทงเป่าไจยังบงการธุรกิจของเมืองอื่นๆ อยู่ด้วยเช่นกัน”