บทที่ 86 การดูถูกของเทพ

The king of War

“เขามาทำอะไรกันแน่?” ในหัวของผู้คนไม่น้อยก็มีความคิดแบบนี้ขึ้นมา

ภายใต้สายตาของทุกคนที่จับจ้อง หยางเฉินก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตาก็จ้องมองไปยังกวนเจิ้งซานอย่างนิ่งๆ

แววตาของกวนเจิ้งซานก็เป็นประกายร้ายๆ ขึ้นมาในทันใด วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา แต่กลับมีคนกล้ามาก่อความวุ่นวายอีก

เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ เขาก็รู้บ้างเพียงเล็กน้อย แต่เพื่อที่จะให้งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินต่อไปได้ ต่อให้ตนเองจะไม่พอใจที่หลานตนเองถูกทำร้าย เขาก็เลือกที่จะกดเรื่องนี้ให้เงียบไว้ก่อน

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ในตอนที่งานเลี้ยงดำเนินมาในช่วงเวลาสำคัญ กลับถูกตระกูลหวังมาทำให้เสียเรื่อง

“ที่แท้บัตรเชิญของคุณ ได้มาจากการแย่งมาจริงๆ ด้วย” กวนเสว่ซงยิ้มเย็น เดิมทียังนึกว่าบัตรเชิญของหยางเฉินได้มาจากช่องทางอื่น

เพราะถึงอย่างไร ทุกปีก็จะมีคนแบบนี้ เพื่อที่จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ในงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลกวน ไม่เสียดายเงินทองมากมาย ที่ต้องไปจ่ายเพื่อให้ได้บัตรเชิญมา

ถ้าหากว่าบัตรเชิญของหยางเฉินได้มาโดยวิธีปกติ ก็แล้วกันไป แต่นี่ไม่ใช่ กลับเป็นการไปแย่งคนอื่นมา แบบนี้ล่ะก็ จะจัดการกับหยางเฉิน ก็ง่ายขึ้นเยอะเลย

“ไอ้หนู เอ็งไปใครกันแน่?” ในที่สุดกวนเจิ้งซานก็เอ่ยปากขึ้นมา

ยังไม่ทันให้หยางเฉินตอบ หวังเจี้ยนก็พูดเสียงดังว่า “เจ้าบ้านกวนครับ เขาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลฉินครับ 5ปีก่อนไปร่วมหลับนอนกับฉินซี หญิงผู้มีฉายาท่านประธานสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเจียงโจว ไอ้หมอนี่หลายปีก่อนเคยเป็นทหาร เพิ่งได้กลับออกมา”

สายตาทั้งคู่ของหวังเจี้ยนก็เต็มไปด้วยความดุร้าย เขาสนใจมาก เมื่อครู่ที่เขาเข้ามาพร้อมกับหวังหงเย่นั้น ก็พาคนเก่งๆ ประจำตระกูลมาด้วย ตอนนี้ก็ให้รออยู่ที่หน้าประตูตระกูลกวน

ขอเพียงหยางเฉินก้าวเข้ามาในตระกูลกวนก้าวเดียว ก็จะรุมตีเขาให้พิการไปเลย แต่ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้ตระกูลกวนก็จับจ้องหยางเฉินเหมือนกัน

“หวังเจี้ยน หุบปากไป!”

หวังหงเย่ก็เห็นสายตาของกวนเจิ้งซานว่าไม่พอใจ ก็เลยรีบตวาดไป

“งานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวน ทำไมถึงได้เชิญพวกตัวตลกพวกนี้มามากมาย? คนไม่รู้ ก็อาจจะนึกว่าตระกูลกวนเป็นร้านรับซื้อของเก่า ขยะอะไรก็รับมาหมด”

คำพูดของหยางเฉินก็ราวกับสายฟ้า ที่ฟาดลงไปในฝูงชน

ทุกคนในเหตุการณ์ก็อึ้งกันไปหมด!

คำพูดของเขาดูเหมือนจะเป็นการดูถูกหวังเจี้ยน แต่ก็นับรวมเอาตระกูลกวนไปด้วย ถึงได้เปรียบเปรยว่าตระกูลกวนเป็นร้านรับซื้อของเก่า

ที่ตระกูลกวน ใครมาดูถูกผู้นำของตระกูลกวน มันช่างเป็นการโอหังมาก

สายตาของคนนับไม่ถ้วน ก็มองมาที่ตัวของหยางเฉิน

เห็นเขาลุกขึ้นยืนตัวตรง มั่นคงดั่งขุนเขา แล้วเดินไปยังฝั่งของกวนเจิ้งซาน

บนใบหน้าที่สงบนิ่งของกวนเจิ้งซาน ในที่สุดก็เริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา

หลังจากที่ตระกูลกวนอยู่ในอันดับ4ตระกูลแห่งเจียงโจว ไม่เคยมีใครมาดูถูกเขาต่อหน้าแบบนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในงานเลี้ยงวันเกิดแบบนี้

ต่อให้เป็นตระกูลอื่นๆ ใน4ตระกูลแห่งเจียงโจว ก็ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ แต่ตัวละครเล็กๆ อย่างหยางเฉิน กลับออกมากล้าท้าทายตนเองได้

“หยางเฉิน เอ็งจะทำอะไร? นี่มันเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวน เอ็งจะมาเสียมารยาทไม่ได้!” พอหวังเจี้ยนเห็นหยางเฉินเดินไปทางกวนเจิ้งซาน ก็มีสีหน้าโมโหขึ้นมา

เพื่อที่จะแสดงความภักดี เขาถึงกลับมายืนขวางไว้ตรงหน้ากวนเจิ้งซาน แล้วพูดโอ้อวดว่า “เจ้าบ้านกวนวางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไอ้หมอนี่ไม่กล้าทำอะไรคุณได้หรอกครับ”

ความคิดของเขามันง่ายมาก คิดว่าหยางเฉินคงไม่มีทางเดินไปตรงหน้าของกวนเจิ้งซานแน่ คงจะต้องถูกยอดฝีมือของตระกูลกวนจัดการไปเสียก่อน ตอนนี้เขามาขวางไว้ตรงหน้ากวนเจิ้งซาน ไม่เพียงจะไม่ถูกหยางเฉินทำร้ายร่างกายได้ แถมยังได้สร้างผลงานต่อหน้ากวนเจิ้งซานด้วย

ใบหน้าของแขกผู้มีเกียรติทุกคน ก็เริ่มสนใจกันขึ้นมา พวกเขาเพิ่งเห็นด้วยตาตนเอง ว่าหยางเฉินหักข้อมือของฉินเฟยได้อย่างง่ายดาย แม้แต่กวนเสว่ซงก็ไม่ไว้หน้า

กับแค่หวังเจี้ยนคนเดียว แถมตอนนี้ยังเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง หยางเฉินจะมองอยู่ในสายตางั้นหรือ?

สายตาของแต่ละคนก็รอลุ้นไปตามกัน

“ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอ็งนั้นอวดเก่งดี? หรือไม่มองใครอยู่ในสายตาดี?”

ตอนนี้กวนเสว่ซงก็เดินออกมา ข้างกายเขายังมีบอดี้การ์ดสวมชุดสูทอยู่ด้านหลังอีก2คน

หยางเฉินก็ทำตายหรี่ลงเล็กน้อย แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย “แล้วทำไมจะกล้าไม่ได้ล่ะ?”

สายตาของทุกคนก็อึ้งไปตามกัน ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ที่ไปต่อยตีฉินเฟยและกวนเสว่ซงเป็นการอวดเก่ง แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้จะอธิบายว่าอย่างไรกันแน่?

คนฉลาดก็จะมองออก ว่าตระกูลกวนมีคนเก่งมากมาย และได้ออกมาอยู่รอบกายของกวนเจิ้งซานแล้ว แค่สั่งการ หยางเฉินก็จะถูกควบคุมตัวไว้

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็น และยังคงอวดดีต่อไป

กวนเสว่ซงก็โมโหจนต้องหัวเราะออกมา “แค่ลูกเขยที่แต่งเขาตระกูลต่ำต้อยคนหนึ่ง แถมยังเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่ถูกขับออกจากตระกูล เอ็งมีดีอะไรถึงไม่มีความเกรงกลัว?”

ตอนที่เขากำลังพูดนั้น หยางเฉินก็ได้เดินมาตรงหน้าเขาแล้ว

บอดี้การ์ดก็เตรียมขึ้นหน้าไป เพื่อที่จะป้องกันกวนเสว่ซงไว้ด้านหลัง

แต่ในตอนนี้ หยางเฉินก็ขยับเท้า และก็ผ่านช่องว่างระหว่างบอดี้การ์ด2คนนั้นไปอย่างรวดเร็ว

“ผัวะ!”

ภายใต้สายตาของทุกคนนั้น กวนเสว่ซงถูกฝ่ามือตบที่หน้าจนกระเด็นลอยไป แถมในอากาศยังมีฟันกรามหลุดลอยออกมา2ซี่

“โครม” เสียงดังขึ้น ตัวของเขาร่วงลงที่โต๊ะใกล้อย่างแรง จนเป็นเสียงโครมคราม ถ้วยชามหล่นแตกบนพื้นเสียงดังไปหมด

บ๊ะ!

ทุกคนก็เงียบกริบ ตกใจทำตาโตกันทุกคน

“ไอ้นี่มันบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ถึงได้ลงมือกับคุณชายซงต่อหน้าเจ้าบ้านกวน!”

“นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ ที่สำคัญคือ ด้านหน้าของคุณชายซงมีบอดี้การ์ด2คนปกป้องอยู่ แล้วไอ้นั่นมันไปตบหน้าของคุณชายซงได้อย่างไรกัน?”

“หรือว่า ไอ้หมอนี่จะเป็นยอดฝีมือ?”

แขกทุกคนในงานก็รู้สึกว่าหัวใจตนเองคงจะไม่พอใช้งานเสียแล้ว มองหยางเฉินอย่างหัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว

บอดี้การ์ด2คนที่คอยปกป้องกวนเสว่ซง ก็กลัวไปตามกัน ที่หยางเฉินแทรกผ่านพวกเขาเข้าไปทำร้ายเจ้านายด้านหลังได้

หลังจากยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง บอดี้การ์ด2คนก็โกรธเพราะอับอาย “รนหาที่ตาย!”

บอดี้การ์ด2คนก็จะโจมตีไป แต่หยางเฉินก็เหมือนมีตาอยู่ข้างหลัง เขายื่นมือออกไป แล้วจับข้อมือของบอดี้การ์ดคนหนึ่งไว้

ฟิ้ว!ฟิ้ว!

ในพริบตา บอดี้การ์ด2คนก็ถูกโยนออกไป ราวกับขยะ

คนในงานทุกคนที่เห็นกับตาตนเอง ราวกับถูกจับบีบคอ อ้าปากกว้าง สายตาก็เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

ตบหน้ากวนเสว่ซงลอยไป ก็ยังพอพูดได้ว่าหยางเฉินพอมีฝีมือบ้าง ตอนนี้บอดี้การ์ด2ของกวนเสว่ซง ยังไม่ทันได้ถูกเนื้อต้องตัวหยางเฉินเลย ก็ต้องถูกโยนออกไปด้วยเสียแล้ว

มันเพียงพอที่จะบอกได้ว่า หยางเฉินไม่เพียงมีฝีมืออย่างเดียว แถมยังเป็นยอดฝีมือด้วย!

ไม่นาน ระหว่างหยางเฉินกับกวนเจิ้งซาน ก็เหลือเพียงหวังเจี้ยนที่อึ้งนิ่งอ้าปากค้างอยู่

“คุณก็อยากจะมาขวางผมงั้นหรือ?” หยางเฉินยิ้มขึ้น แต่ว่ารอยยิ้มของเขา สำหรับหวังเจี้ยนแล้ว มันน่ากลัวจนขนลุก

“หยาง หยาง หยางเฉิน เอ็ง เอ็งอย่าวู่วามไปนะ ที่นี่คือตระกูลกวนเชียวนะ” หวังเจี้ยนตกใจจนพูดติดอ่าง ตัวสั่นไปทั้งตัว

“งั้นหรือ?”

หยางเฉินยิ้ม แล้วก็เดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว แล้วก็บีบคอของหวังเจี้ยน จากนั้นออกแรงเพิ่มขึ้น หวังพลุ่งพล่านจี้ยนที่น้ำหนัก75-80กิโลกรัม ก็ถูกเขายกลอยด้วยมือเดียว

“บังอาจนัก!”

กวนเจิ้งซานโมโหออกมา หยางเฉินมาลงไม้ลงมือในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา แถมยังกล้าทำร้ายคนต่อหน้าเขาอีกด้วย มันเท่ากับเป็นการดูถูกเขา