เล่ม 1 ตอนที่ 163 นี่คือแสงพร่างพราวของนาง

ราชินีพลิกสวรรค์

แววตาของหรงจิ่งเผยความไม่เข้าใจและความอิจฉา 

 

 

เพียงแต่เขาเก็บซ่อนความอิจฉานั้นเอาไว้ในส่วนลึกไม่ให้คนนอกเห็น 

 

 

ผู้คนในโลกเคารพยำเกรง ไปไหนมาไหนมีแต่คนนิยมชมชอบข้า แล้วจะมีใครยินยอมละทิ้งตัวตน พรสวรรค์และความสามารถเหมือนนางให้ข้าบ้าง หรงจิ่งถามตัวเองในใจ 

 

 

เขาจดจ้องเจียงหลี หญิงสาวชุดดำที่มีนัยน์ตาแข็งกร้าวแน่วแน่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ 

 

 

มีใครสักคนที่เต็มใจปกป้องเยี่ยงนี้โดยไม่ลังเล บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดและสมหวังที่สุดในโลก 

 

 

น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าความฝันเรียบง่ายจะทำให้กลายเป็นจริงยากยิ่งนัก 

 

 

“ไร้สาระ” เจียงหลีสบถ 

 

 

เดิมทีนางยังคงมีความรู้สึกดีต่อคุณชายจิ่งเด็กหนุ่มผู้มีอนาคตสดใส อย่างไรเสียก็เป็นชายรูปงามที่โดดเด่นอีกทั้งความสามารถก็ไม่เลว แต่ทว่านางกลับไม่ชอบเขาที่รังแกลู่เจี้ย แม้นางจะรู้ความสามารถแท้จริงของลู่เจี้ยเป็นอย่างดี สำหรับนางแล้วหรงจิ่งเป็นคนประเภทผู้แข็งแกร่งรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า 

 

 

“นายน้อยลู่ช่างโชคดีจริงๆ” หรงจิ่งยิ้มอ่อน 

 

 

เขาไม่ได้ถูกเจียงหลีกระตุ้นความโมโหตรงกันข้ามรอยยิ้มในดวงตาของเขากลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

ความเงียบโรยตัวรอบด้านแม้กระทั่งผู้แพ้อย่างมู่หว่านโหรวยังถอยออกไปเงียบๆ ไปเก็บเสื้อผ้าของนาง จุดสนใจของงานวสันต์ฤดูล่าสัตว์ดูเหมือนจะมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้เสียแล้ว 

 

 

ผู้คนทยอยมากันมากขึ้นจึงทำให้ข้างนอกรายล้อมด้วยคนสามชั้นสี่ชั้น 

 

 

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มองเจียงหลีแต่กลับมองไปยังหรงจิ่ง 

 

 

สำหรับเจียงหลีผู้ท้าทายหรงจิ่งในความคิดของพวกเขามันไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้แล้ว 

 

 

“เจ้าจะสู้กับข้าอย่างไร” หรงจิ่งมองนางด้วยความสนอกสนใจ คำพูดนี้ไม่ได้เป็นการเยาะเย้ยแต่เขาถามตามความจริง 

 

 

เจียงหลีคือหลิงเจี้ยงขั้นสองส่วนหรงจิ่งคือหลิงเจี้ยงขั้นสูงสุดระหว่างตรงกลางยังห่างอยู่หลายขั้น 

 

 

“สู้อย่างไร ลองดูเดี๋ยวก็รู้” เจียงหลียิ้มมุมปากรอยยิ้มนั้นแฝงด้วยเลศนัย 

 

 

“เจียงหลี…” ลู่เสวียนตะโกนมองหลังที่ตั้งตรงของนางแสบจมูกน้ำตาจะไหล เขาซาบซึ้งที่เจียงหลีทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพี่ใหญ่ของเขา แต่ว่ากลับรู้สึกการที่พี่ใหญ่มีเด็กผู้หญิงอายุสิบสามคอยตามปกป้องมันก็เสียศักดิ์ศรีอยู่บ้าง 

 

 

“ได้ มาลองดูกัน” หรงจิ่งพยักหน้า ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆบดบัง 

 

 

“อา! คุณชายจิ่ง!” 

 

 

“ท่านชายจิ่งหล่อมาก” 

 

 

“ใจข้าเต้นตุบๆ ตับๆ” 

 

 

“หากคุณชายจิ่งชายตามองข้าสักนิดข้าก็ตายตาหลับแล้ว” 

 

 

“ท่านชายจิ่งงงงง…” 

 

 

เสียงกระวี๊ดกระว้ายของสาวน้อยทั้งหลายดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน 

 

 

หรงจิ่งมองย้อนกลับไปพยักหน้าให้สาวน้อยพวกนั้นเบาๆ เผยรอยยิ้มที่เป็นเพียงตอบกลับอย่างสุภาพเท่านั้นแต่กลับทำให้สาวๆ เหล่านี้แสดงความชมชอบมากขึ้น 

 

 

ซึ่งนั่นทำให้ชายหลายๆ คนถึงกับถอนหายใจออกมา เสน่ห์ของคุณชายจิ่งไม่มีใครเทียบเทียมจริงๆ 

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าการเคลื่อนไหวจะมากน้อยเพียงใดก็ไม่มีผลต่อเจียงหลีเลยสักนิด ดวงตาของนางชัดเจนและสดใสราวกับว่าหรงจิ่งคุณชายชื่อก้องโลกเป็นเพียงศัตรูในสายตาของนางเท่านั้น 

 

 

เส้นผมของนางค่อยๆ ปลิวสยายปรากฏเศษหินแตกละเอียดหมุนวนรอบตัวนาง 

 

 

ท่ามกลางความโกลาหลของฝูงชนท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี 

 

 

แรงบีบอัดมหาศาลควบแน่นช้าๆ โดยไม่ทันได้รู้สึกตัว 

 

 

หรงจิ่งค่อยๆ เบนสายตามองความมืดมนที่เปลี่ยนผันราวกับซ่อนท้องฟ้าอันมืดมิด ในส่วนลึกของดวงตาที่ชัดเจนนั้นก็เป็นเหมือนภาพลวงตาสายลมและเมฆ 

 

 

การบีบอัดกำลังสะสมอย่างรวดเร็วทำให้ฝูงชนค่อยๆ นิ่งลง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของแรงกดดันและการสั่นสะเทือนของภูเขาและแม่น้ำ 

 

 

“คือพลังวรยุทธ์นั้นนั่นเอง” เดิมทีเป็นแค่ผู้ชมงิ้วด้านนอกฝูงชนอย่างฉินเทียนอีรับรู้ถึงพลังที่แปรเปลี่ยน จึงเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าทันที 

 

 

เขามองไปที่เจียงหลีและทำให้ใบหน้าที่เย็นชาและเคร่งขรึมของนางสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเขา 

 

 

ในขณะนั้นเองที่ผมยาวสลวยของเจียงหลีสะบัดขึ้นพลิ้วไหวในอากาศ 

 

 

พลังที่สง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ควบแน่นอยู่ในร่างเล็กๆ ของนางราวกับว่านางเป็นจักรพรรดิองค์เดียวในโลกนี้ 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” 

 

 

“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันทรงพลังซึ่งทำให้ข้าแทบหยุดหายใจ” 

 

 

“ข้าก็เช่นกัน ภายใต้การบีบอัดนี้ข้าไม่สามารถต่อต้านได้เลยสักนิด” 

 

 

“น่ากลัวมาก สรุปนี่คือวรยุทธ์ใดกัน” 

 

 

“…” 

 

 

ต้องยอมจำนนให้พลังความโกรธของจักรพรรดิเพราะนี่คืออนุภาพแห่งฟ้า พลังแห่งปฐพี! 

 

 

หรงจิ่งหันกลับมาสนใจมองเจียงหลี เขารู้ว่านางปล่อยความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ลึกลับแข็งแกร่ง ทักษะลึกลับนี้ต้องเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงจะสามารถรวบรวมพลังมหาศาลน่ากลัวเอาไว้ได้ 

 

 

หากเขาเข้าขัดจังหวะเจียงหลีก็จะรับแรงสะท้อนกลับมหาศาลเช่นกัน 

 

 

แต่เขากลับไม่ลงมือเพียงแต่ยืนอยู่ที่เดิมรอเจียงหลีปล่อยการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุด 

 

 

เมื่อเวลาผ่านไปเจียงหลีระเบิดพลังลมปราณโบราณอันทรงพลังและดวงตาของนางดูเหมือนจะมีแสงสีทองประกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ทันใดนั้นใบหน้าเล็กเย็นชาก็เปล่งประกายน่าหลงใหล 

 

 

หรงจิ่งค่อยๆ เบิกตากว้างและไม่มีใครสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเจียงหลีได้ชัดเจนกว่าเขาในตอนนี้ 

 

 

เขาตกใจตื่นตะลึงไม่รู้ว่าร่างเล็กบอบบางมีสิงใดซ่อนอยู่กันแน่ เหตุใดถึงปล่อยพลังมหาศาลได้ถึงเพียงนี้ 

 

 

“ขยับ ขยับไม่ได้แล้ว…” 

 

 

มีคนโพล่งขึ้นมาด้วยความผวา 

 

 

เขาได้รับการเตือนว่าทุกคนที่อยู่ในนี้พบว่าจริงๆ แล้วร่างกายของพวกเขาไม่สามารถควบคุมได้และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ 

 

 

จิ่งเยี่ยมองไปที่เจียงหลีด้วยความตกใจราวกับว่าเขาประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของนางน้องสาวของเขาถูกกำหนดให้ส่องแสงในเวลานี้และฉายรังสีไปหลายหมื่นลี้ 

 

 

“ฆ่า!” 

 

 

ท่ามกลางความตกใจของฝูงชน เจียงหลีเบิกสายตาเปล่งคำพูดที่คมชัดออกมา 

 

 

ทันใดนั้นจิตวิญญาณภูผา ป่าไม้ สายน้ำและฟ้าดินหลอมรวมเป็นความอาฆาตพยาบาทที่รุนแรงรวบเข้ามาที่ร่างของนางควบแน่นเป็นคำว่า ‘ฆ่า’ อยู่เหนือศีรษะนาง 

 

 

กลิ่นอายสังหารเยือกเย็น นี่คือบทลงโทษจากฟ้าดิน คนธรรมดาจะสามารถขัดขืนได้หรือ 

 

 

หรงจิ่งมองไปที่คำว่า ‘ฆ่า’ มีพายุก่อตัวในดวงตาของเขา 

 

 

หลังจากที่ผัดผ่อนอาภรณ์เรียบร้อยแล้วมู่หว่านโหรวที่กลับมายืนข้างมู่ชิงเหยียนและโจวยวนตกใจเป็นอย่างยิ่ง นางยากที่จะเชื่อว่าเจียงหลีสามารถปล่อยพลังโจมตีแรงกดอัดมหาศาลเช่นนี้ได้ ภายใต้พลังมหาศาลนี้กดไว้ภายใต้คำว่า ‘ฆ่า’ แม้กระทั่งนางก็ไม่สามารถต้านทานได้ 

 

 

ใบหน้าที่บอบบางของนางเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าในขณะนั้นความภาคภูมิใจในใจของนางถูกบดแหลกกลายเป็นผุยผงไปเสียแล้ว 

 

 

โจวยวนที่อยู่ข้างนางก็ตกใจดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตามู่ชิงเหยียนทั้งตกละตะลึงและมีความรู้สึกซับซ้อนเกิดขึ้น ปรากฏอารมณ์ผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่รุนแรง 

 

 

ราวกับว่าเจียงหลียิ่งเก่งกาจมากขึ้นเท่าไหร่นางก็รู้สึกว่าตัวเองห่างไกลจิ่งเยี่ยมากขึ้นเท่านั้น 

 

 

ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกายและคำพูดของ ‘ฆ่า’ พุ่งไปยังหรงจิ่ง ระหว่างทางทุกคนบนพื้นดินงอกระดูกสันหลังโดยไม่ได้ตั้งตัวและพืชพันธุ์เม็ดทรายและกรวดทั้งหมดก็กลายเป็นขี้เถ้า 

 

 

“อ้ากกก” 

 

 

บรรยากาศสุดสยองทำให้หลายคนตื่นตะลึง 

 

 

เมื่อคำว่า ‘ฆ่า’ ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหรงจิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและรู้สึกเพียงว่าเขากำลังตกอยู่ในกรงชะตากรรมถูกควบคุมโดยคำว่า ‘ฆ่า’ ซึ่งความประสงค์ของฟ้าดินที่จะสังหารเขา 

 

 

“นางต้องการฆ่าหรงจิ่งจริงๆ หรือ” ฉินเทียนอี้ตกใจ 

 

 

แสงเย็นวูบวาบภายใต้ดวงตาของเจียงหลีคำว่า ‘ฆ่า’ ค่อยๆ ตกลงมาหาร่างของหรงจิ่ง….