ตอนที่ 208

เสน่ห์คมดาบ

“อาจารย์ล่ะ?” ชีอ้าวชวางกังวลเรื่องนี้มากที่สุด

 

 

“ข้าไม่รู้” จินเหยียนส่ายหัว “ปรมาจารย์คลิฟหายตัวไปแล้วก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย”

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและก้มหน้าลงเล็กน้อย นางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และราอูลดีกว่าใครๆ ราอูลเป็นเพื่อนคนเดียวของอาจารย์ เป็นเพื่อนที่จริงใจต่อกัน แต่เพราะตนเอง ตอนนี้เลยต้องกลายเป็นแบบนี้…

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นหลับตาลงอย่างช้าๆ และไม่พูดอะไร มีเพียงแค่ความเศร้าที่ชัดเจนมาก

 

 

“ข้าเกรงว่าอันพาแกรนด์จะต้องเสียใจที่ออกหมายจับเจ้าแล้วล่ะสิ” เบนพูดอย่างดูถูก “พวกเขาได้เห็นว่าเจ้าทำร้ายคนของวิหารแห่งแสงอย่างสาหัส พวกเขาต้องสูญเสียปรมาจารย์คลิฟ และตอนนี้ก็ต้องสูญเสียอัศวินอย่างจินเหยียน แต่พวกเขากลับไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเจ้าเลย”

 

 

ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรเลย

 

 

“เอาละ นี่พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่?” เบนตะคอกอย่างไม่พอใจ “อาจารย์ของพวกเจ้ายังไม่ตายนะ อ้าวชวาง เจ้าเองก็ยังไม่ตาย รอให้อาจารย์ของเจ้าหาเจ้าจนพบก่อนเถอะ ถึงเวลานั้นก็จะกำจัดวิหารแห่งแสงได้ สุดท้ายทุกอย่างก็จะคลี่คลายไป”

 

 

ชีอ้าวชวางถอนหายใจเบาๆ “อืม ข้าไม่อยากให้อาจารย์ต้องสูญเสียเพื่อนคนเดียวของเขาไปเพราะข้า”

 

 

“เช่นนั้นก็เร่งทำไปอีก” เบนถูกำปั้นของเขาด้วยความกระตือรือร้น

 

 

“ได้ข่าวเกี่ยวกับวัลโดบ้างหรือไม่?” ชีอ้าวชวางคิดถึงวัลโดที่เห็นได้ชัดว่ากลัวตายแต่ก็ยังไม่ยอมละทิ้งนางไป

 

 

“วัลโด…” จินเหยียนส่ายหัวเบาๆ “ไม่มีข่าวของเขาเลย เขาเป็นนักเวทแห่งความมืด คงจะปรากฏตัวไม่ได้ง่ายๆ แต่เขาก็น่าจะรู้เรื่องของคุณหนูแล้ว บางทีเขาอาจจะกำลังตามหาคุณหนูอยู่”

 

 

ชีอ้าวชวางครุ่นคิดและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

“คืนนี้เราพักผ่อนกันที่นี่นะ พรุ่งนี้เช้าค่อยรีบออกเดินทางกัน” จินเหยียนมองจูดี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลแล้วพูดเบาๆ “จูดี้เองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”

 

 

ทุกคนเห็นพ้องต้องกันแล้วก็เริ่มแยกกันไปจัดแคมป์

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากเลยนะ เอาไว้เรามาลองสู้กันดูดีหรือไม่?” เบนแสยะยิ้ม

 

 

ชีอ้าวชวางไม่สนใจรอยยิ้มของเบนแล้วเตรียมฟืนกับเหลิ่งหลิงยวิ๋นเพื่อเตรียมของกิน เบนก็ยังคงพูดอยู่ข้างๆ ไม่รู้จักจบ ส่วนออสต้าก็นั่งเงียบอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร

 

 

ทันใดนั้นจินเหยียนก็ลุกขึ้นพูด “ข้าจะไปหากระต่ายสักสองสามตัว”

 

 

“ไปสิๆ เอาอ้วนๆ หน่อยนะ” เบนออกคำสั่ง

 

 

จินเหยียนเดินไปหาจูดี้ที่นั่งอยู่อีกด้านแล้วพูดเบาๆ “จูดี้ไปกันเถอะ”

 

 

“เจ้านาย?” จูดี้มองจินเหยียนที่เข้ามาใกล้ด้วยความประหลาดใจ

 

 

“ไปหาของกินกันเถอะ” จินเหยียนพูดออกไปเท่านั้นโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

 

 

จูดี้ไม่พูดอะไรอีก นางลุกขึ้นแล้วเดินตามจินเหยียนไป คนหนึ่งคนและมังกรหนึ่งตัวเดินเข้าไปในป่าโดยไม่มีการพูดคุยกันในระหว่างทางเลย

 

 

หลังจากที่เดินมาไกลแล้วจินเหยียนก็พูดเบาๆ “จูดี้…”

 

 

“คะ? เจ้านาย?” จูดี้เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง

 

 

“จูดี้ เจ้าไม่ชอบคุณหนูหรือ?” จินเหยียนหยุดแล้วหันกลับมามองจูดี้ จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น

 

 

สีหน้าของจูดี้เปลี่ยนไปทันที นางมองจินเหยียนด้วยความงุนงงและคิดไม่ถึงว่าจินเหยียนพูดมาตรงๆ แบบนี้ และยิ่งไม่คิดเลยว่าเขาจะอ่านความคิดของตนเองออก

 

 

จูดี้ก้มหัวลงและกัดริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร

 

 

จินเหยียนก็ไม่ได้พูดเช่นกัน แต่รอฟังอย่างเงียบๆ

 

 

“ใช่! ข้าเกลียดนาง!” หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดจูดี้ก็พูดออกมา นางเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนใส่จินเหยียน “ข้าเกลียดนางมากๆ ทำไมล่ะ? ทำไมเจ้านายถึงต้องดีกับนางขนาดนั้น? ทั้งที่ในสายตาของนางไม่มีท่านอยู่เลย สิ่งที่เจ้านายทำไปทุกอย่างมีอะไรตอบแทนกลับมาหรือไม่?”

 

 

“จูดี้ นางสำคัญสำหรับข้ามากนะ” หลังจากที่จูดี้โพล่งออกมา จินเหยียนก็ยังดูสงบ และค่อยๆ พูด “ไม่มีใครมาแทนที่ของนางที่อยู่ในใจของข้าได้”

 

 

จูดี้มองใบหน้าที่สงบของจินเหยียนและฟังคำพูดเหล่านั้น หัวใจของนางบีบแน่นแล้วน้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

“แน่นอน ไม่มีใครแทนที่จูดี้ในใจข้าได้เช่นกัน” จินเหยียนมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของจูดี้และพูดเบาๆ “จูดี้เองก็แตกต่างจากคนอื่นๆ”

 

 

“แต่ แต่! เจ้านายดีกับนางขนาดนี้ นาง…” จูดี้สะอื้นเบาๆ

 

 

“เจ้าดีกับข้ามากขนาดนี้ เจ้าคิดจะขอให้ข้าตอบแทนอะไรให้เจ้าบ้างหรือไม่?” จินเหยียนถามเบาๆ

 

 

“ไม่ ไม่เลย” จูดี้เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและส่ายหัว น้ำตาของนางก็ไหลออกมา จูดี้พูดอย่างกังวล “ข้าเต็มใจ ข้าเต็มใจมากๆ ความปรารถนาของเจ้านายคือความปรารถนาของข้าเช่นกัน”

 

 

“ข้าก็ไม่ได้คิดจะขอให้คุณหนูตอบแทนอะไรให้ข้า ข้าแค่อยากอยู่กับคุณหนู และได้เห็นคุณหนูมีความสุขก็พอแล้ว” จินเหยียนพูดเบาๆ เขายื่นมือไปลูบหัวจูดี้แล้วยิ้ม “เจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าที่เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่? อีกอย่าง เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากเจ้าทำร้ายคุณหนู ข้าจะทำอย่างไร? เจ้าคิดว่าข้าจะเมินเฉยต่อคุณหนูและไม่มีนางในสายตาของข้าอีกต่อไปงั้นหรือ?”

 

 

จูดี้อ้าปากค้างแล้วมองใบหน้ารูปงามของจินเหยียนพร้อมกับคิดถึงสิ่งที่จินเหยียนพูดไปด้วย ในใจของนางก็รู้สึกกลัวว่าถ้านางทำอะไรคนๆ นั้นจริงๆ เจ้านายก็จะไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นอยู่คนเดียวหรอก อีกทั้งคงจะลงโทษตนเองอย่างรุนแรงด้วย หรืออาจจะทิ้งตนเองไปเลย? คิดถึงเรื่องนี้แล้วจูดี้ก็เริ่มกลัวมากขึ้น

 

 

“ฮือๆๆ…” ในที่สุดจูดี้ก็ร้องไห้ออกมาและพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจินเหยียน “เจ้านาย ข้าเข้าใจ ข้าขอโทษ ข้า ข้าแค่อิจฉานางมากที่นางได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากเจ้านาย และเจ้านายก็คอยดูแลปกป้องนาง ข้าเองก็ ข้าเองก็อยากให้เจ้านายสนใจข้ามากๆ เป็นห่วงข้ามากๆ” จูดี้ร้องไห้เป็นคนขี้แย

 

 

จินเหยียนยิ้ม เขาลูบหัวจูดี้แล้วพูด “ข้าไม่ดีเอง ข้าทำให้เจ้าเสียใจ”

 

 

หลังจากจินเหยียนพูดจบ จูดี้ก็ร้องไห้เสียใจมากยิ่งขึ้น จินเหยียนไม่ขยับตัว เขาปล่อยให้จูดี้ร้องไห้ไป ที่จริงจินเหยียนรู้มานานแล้วว่าจูดี้ไม่ชอบชีอ้าวชวาง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจูดี้จะยิ่งแสดงอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ต่อไปก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น พูดตามตรงก็คือจูดี้เป็นมังกรที่เพิ่งเติบโตและนางก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะทางความคิด นางเดิมทีเป็นเด็กที่บริสุทธิ์มาก แต่หากหัวใจต้องบิดเบี้ยวเพราะความหึงหวงแล้วคิดทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายชีอ้าวชวาง จินเหยียนจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองและจูดี้เลย ดังนั้นก่อนที่สาวน้อยผู้นี้จะทำอะไรผิดไป เขาจะต้องดึงนางกลับมาให้ได้ก่อน

 

 

“ข้าก็อยากอยู่กับเจ้านายตลอด ข้ารู้ว่าเรื่องระหว่างข้ากับเจ้านายมันเป็นไปไม่ได้ แต่ แต่ข้าก็อดอิจฉานางไม่ได้ ในขณะที่บินอยู่ในอากาศ ข้าก็ยังอยากหาโอกาสที่จะกำจัดนางไปซะ” จูดี้สะอื้นและร้องออกมาอย่างซื่อตรงกับใจของนาง จากนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากในทันที ในใจของนางเคยคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างชีอ้าวชวางจริงๆ นั่นก็คือนางอยากจะโยนชีอ้าวชวางให้ตกลงจากกลางอากาศ แต่ตอนนี้นางดีใจมากที่นางเพียงแค่คิด ถ้านางทำแบบนั้นจริงๆ เจ้านายคงโกรธมากและอาจจะจัดการกับตนเองเลยก็ได้!

 

 

จินเหยียนอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของจูดี้ เด็กโง่ผู้นี้คิดจะทำร้ายคุณหนูจริงๆ หรือ?

 

 

“ฮือๆ เจ้านาย ข้าขอโทษ ข้าเลวมากใช่หรือไม่?” จูดี้ร้องไห้เมื่อมองใบหน้าที่ตกตะลึงของจินเหยียนก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ

 

 

“จูดี้ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าคุณหนูบินได้” จินเหยียนมองจูดี้ที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าแล้วทั้งโกรธและขำ แต่โชคดีที่เมื่อครู่นี้ด็กกสาวนี้รับรู้ถึงความผิดพลาดของนางและไม่ได้ทำความผิดที่คิดไว้

 

 

“หือ?” จูดี้หยุดร้องไห้และมองจินเหยียนอย่างโง่เขลาจากนั้นก็ยิ้มและพูด “ข้า ข้าลืมไปจริงๆ”

 

 

“ต่อไปเจ้าก็อย่าคิดเช่นนี้อีกนะ” จินเหยียนลูบหัวของจูดี้และพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

“อื้ม ไม่ทำอีกแล้วค่ะ” จูดี้พยักหน้ารัวราวกับไก่กำลังจิกข้าวเลย

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเราออกไปล่ากันเถอะ สองสามวันมานี้อาจจะต้องรบกวนเจ้าหน่อยนะ ต้องรับน้ำหนักคนตั้งเยอะเลย” ถ้าจินเหยียนบอกว่าเขาไม่มีความสุขที่อยู่กับจูดี้คงจะเป็นเรื่องหลอกลวง เพราะจูดี้อยู่เคียงข้างเขามาตลอด

 

 

“ไม่ลำบาก” ตอนนี้จูดี้ยิ้มแล้ว และนางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก จินเหยียนยิ้มด้วยความโล่งใจ จูดี้เป็นมังกร หากชอบก็คือชอบ เช่นเดียวกัน หากเกลียดชังก็คือเกลียดชัง แม้ว่านางจะเกลียดคนๆ หนึ่ง แต่นางก็จะไม่วางแผนทำอะไรที่ไร้ยางอายเหมือนมนุษย์ นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างมังกรกับมนุษย์…

 

 

ตอนที่จินเหยียนและจูดี้กลับมาพร้อมกับอาหารมากมาย ชีอ้าวชวางก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของจูดี้ เห็นได้ชัดว่าจูดี้เป็นมิตรกับนางมากขึ้น และพูดคุยกับนางอยู่ตลอด ชีอ้าวชวางมองไปที่จินเหยียนด้วยความสงสัย แต่จินเหยียนก็เพียงแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร

 

 

“เฮ้ เจ้าทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นเลย” เบนพึมพำเบาๆ ใกล้กับจินเหยียน

 

 

“ข้ายังไม่อยากให้จูดี้ถูกถล่มนะ” จินเหยียนตะคอกอย่างเย็นชา

 

 

“นับว่าเจ้าฉลาด” เบนพูดอย่างคลุมเครือพลางกัดผลไม้ ความเป็นปรปักษ์ของมังกรงี่เง่าที่มีต่อชีอ้าวชวางนั้น มังกรดำจะมองไม่เห็นในตอนแรกได้อย่างไร แต่เขาก็เงียบ หากมังกรงี่เง่ากระทำการใดกับชีอ้าวชวา มังกรดำก็จะฆ่าจูดี้ทันที นี่คือสิ่งที่มังกรดำได้เรียนรู้จากชีอ้าวชวาง

 

 

“ในอนาคตก็อย่ารังแกจูดี้มากนัก” จินเหยียนพูดอย่างเย็นชา

 

 

“ก็ได้” เบนเห็นได้จากความตั้งใจของจินเหยียนจึงฮัมเพลงอย่างเย็นชาและหยุดพูด แม้ว่าจูดี้จะไม่ละทิ้งศักดิ์ศรีและความทระนงตนของเผ่ามังกร แต่เดิมทีเบนมองนางอย่างไม่พอใจ ตราบใดที่ยังเป็นเผ่ามังกรที่กลายเป็นพาหนะให้มนุษย์ เบนก็ไม่มีความสุข เดิมทีต้องการกลั่นแกล้งจูดี้ในการเดินทาง แต่ตอนนี้จินเหยียนกลับพูดแบบนั้น

 

 

ตามแผนที่ในมือของชีอ้าวชวาง วันรุ่งขึ้นจูดี้พาทุกคนไปที่บ้านของโนม

 

 

โนมเป็นผู้เชี่ยวชาญและชื่นชอบสถาปัตยกรรม พวกมันเป็นตัวตลกตัวเล็ก แต่ไอคิวของพวกเขานั้นไม่ควรมองข้ามเลย อุโมงค์ใต้ดินที่อยู่ใต้ดินขยายออกไปทุกทิศทางทำให้ผู้คนตกตะลึงได้ และพระราชวังใต้ดินก็ยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีก มันเป็นเรื่องยากที่จะได้สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในมือของโนมมา แม้ว่ามนุษย์จะเข้าไปในถ้ำของพวกเขา แต่ถ้ำที่เหมือนเขาวงกตก็จะดักจับผู้คนในถ้ำนั้น

 

 

“ป่าผืนนี้เป็นดินแดนของโนม” เบนเหลือบตามองไปที่ป่าตรงหน้าเขา “โนมไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์อื่น”