บทที่ 168 จอมแพทย์เทวะ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เย่เทียนเฉินวางแผนนับร้อยพัน คิดทุกวิถีทาง ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะให้ชางหลางนำข้อมูลลับสุดยอดเกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษออกมา เพียงเพื่อที่จะหาผู้มีพลังพิเศษสายรักษาคนหนึ่ง หากว่ายังหาไม่เจออีกล่ะก็ เกรงว่าแม่ของเสี้ยวหยาจะช่วยไม่ได้แล้ว

ข้อมูลลับที่ชางหลางนำมาเป็นข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษ ในช่วงห้าสิบปีมานี้ แม้ว่าข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษทั้งในและต่างประเทศที่ทางรัฐจีนได้กุมเอาไว้จะไม่ได้ละเอียด แต่ก็ยังสามารถหาเงื่อนงำได้

เพียงแต่น่าเสียดาย หลังจากที่พลิกไปหลายสิบหน้า เย่เทียนเฉินก็ไม่พบผู้มีพลังพิเศษสายรักษาเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งเบาะแสสักนิดก็ไม่มี ข้อมูลมากมายภายในนี้ส่วนมากจะไม่มีรูปถ่ายของผู้มีพลังพิเศษ มีเพียงแค่ชื่อและคำแนะนำพลังพิเศษอย่างง่ายๆ เท่านั้น นอกจากนี้ในสายตาของเย่เทียนเฉิน คนเหล่านี้ต่างก็อ่อนแอเกินไป

ยิ่งอ่านก็ยิ่งต้องส่ายหน้า หลังจากที่เย่เทียนเฉินดูข้อมูลมากกว่าหนึ่งร้อยชุดนี้เสร็จก็รู้สึกผิดหวังมาก โยนซองหนังไปด้านข้าง ตอนแรกคิดว่าจะหาผู้มีพลังพิเศษสายรักษาออกมาได้ซักคนหนึ่งโดยใช้ข้อมูลที่รัฐควบคุมอยู่ในมือ หรือต่อให้หาเขาไม่เจอ อย่างน้อยก็หาเบาะแสให้พบบ้าง แบบนี้ตัวเองก็จะตามหาได้สะดวกยิ่งขึ้น ไหนเลยจะรู้ว่าเบาะแสสักนิดก็ไม่มี ส่วนใหญ่เป็นผู้มีพลังพิเศษธรรมดาๆ ความสามารถก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร

“ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ในนี้ไม่มีผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเลยสักคน มีแต่ปลาเล็กปลาน้อยทั้งนั้น คุ้มค่าที่จะทำให้เป็นความลับแบบนี้เหรอครับ เห้อ ไม่รู้จริงๆว่ารัฐบาลอย่างพวกคุณทำอะไรกัน เปลืองภาษีประชาชนจริงๆ!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา โยนซองหนังไปข้างๆ แล้วพูดขึ้น

ชางหลางได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็มีความรู้สึกอยากจะใช้เท้ายันเจ้าหมอนี่ให้ตกรถไปจริงๆ คนที่ดีแต่พูดมันไม่ได้มาลำบากด้วย ต้องทราบว่าหลายปีมานี้เพื่อที่ทางรัฐจะสามารถรวบรวมข้อมูลผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้ได้ ต้องเปลืองแรงเป็นอย่างมาก กระทั่งมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมีผู้มีพลังพิเศษจำนวนหนึ่งที่ไม่ต้องการถูกคนอื่นค้นพบ และยังมีผู้มีพลังพิเศษอีกจำนวนหนึ่งที่อาศัยพลังพิเศษอันแข็งแกร่งของตนเองก่อเรื่องเลวร้ายไปทั่ว ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำร้ายประชาชนธรรมดาทั่วไป เพื่อที่จะควบคุมพวกเขา รัฐบาลก็ได้คิดวิธีการมาหลายวิธี เพียงแต่คนภายนอกไม่รู้ก็เท่านั้น

“ไอ้หนู ตกลงนายดูข้อมูลพวกนี้เพื่อจะทำอะไรกันแน่?” ชางหลางอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย

“คุณลองเดาดูสิ?” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ

“นายคงไม่คิดจะหาผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเพื่อต่อสู้หรอกนะ? ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนว่าอย่าได้รนหาที่ตาย  ถึงแม้ในหมู่ผู้มีพลังพิเศษในข้อมูลที่ฉันให้นายเหล่านี้จะดูเหมือนไม่เก่ง แต่ประเทศจีนของพวกเราก็ยังมีผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแรงอยู่ด้วยเช่นกัน ไอ้หนูอย่างนายเอาแต่หาเรื่องทั้งวัน ถ้าเจอตอเข้าล่ะก็ ถึงตอนนั้นคงตายโดยไม่รู้ตัวว่าตายยังไง!” ชางหลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ มองชางหลางแล้วพูดว่า

“คุณพี่ชางหลางครับ คุณว่าพวกเราสองคนนับว่าเป็นคนที่ไม่ต่อยตีกันก็ไม่รู้จักกันหรือเปล่าครับ? ตั้งแต่ที่ผมปลดประจำการออกมาจากกองทัพ ตอนนั้นคุณยังเป็นผู้บังคับบัญชาของผมอยู่เลย แล้วก็เป็นคนที่สั่งการด้วยตัวเอง นับได้ว่าเป็นโชคชะตา ผมรู้สึกว่าความหมายของคำพูดนี้ของคุณก็คือ รัฐยังมีข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งอยู่ จะให้ผมดูสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตอนนี้ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าไอ้หนูอย่างนายต้องการข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้ไปเพื่ออะไรกันแน่?” ชางหลางจ้องเย่เทียนเฉินเขม็งแล้วเอ่ยถาม

“คุณเดาถูกแล้ว ช่วงนี้น่าเบื่อจริงๆ ผมคิดจะหาคนที่แข็งแกร่งสักหลายคนมาเล่นด้วยสักหน่อย วางใจเถอะครับ จะไม่ทำให้มันเกินไปหรอก จะไม่ให้มีอันตรายไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนธรรมดาอย่างเด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินพูดพลางหัวเราะฮี่ๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ชางหลางก็รู้สึกจนใจเป็นอย่างมาก กรอกตาใส่เขาครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า

“ฉันรู้สึกว่าไอ้หนูอย่างนายทำตัวเหมือนกับว่าต้องการความเงียบสงบ แต่ความจริงแล้วเป็นไอ้บ้าต่อสู้คนหนึ่ง มิน่าล่ะ ขนาดเรื่องประเภทที่ว่าจะให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าวนายก็ยังคิดออกมาได้…”

“ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นผมหิวเลยคิดขึ้นมาได้ พี่ชางหลางครับ จะไม่เอาข้อมูลที่เก็บซ่อนเอาไว้มาให้ผมดูหน่อยเหรอ?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ไม่กล่าวไม่ได้ว่า ในใจของชางหลางนับถือเย่เทียนเฉินมาก ไอ้หนูนี่ดูแล้วมีท่าทางไม่เอาไหน แต่ความจริงฉลาดมาก กระทั่งหยางอี้ก็บอกว่า ในตอนที่เขาติดเล่นขึ้นมาก็เหมือนกับอันธพาล พอจริงจังขึ้นมาก็เหมือนกับเทพแห่งความตาย หากว่าสามารถนำมาใช้งานเพื่อประเทศได้ ประเทศจีนอาจจะสามารถสั่นสะเทือนทั้งโลกได้เพราะเขา

แน่นอนว่าในตอนที่ชางหลางมาเขาได้หยิบซองหนังมาสองซอง อีกซองหนึ่งวางเอาไว้ด้านข้างอย่างโดดเดี่ยว เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลลับสุดยอดมากจริงๆ ทั่วทั้งประเทศจีนเกรงว่าจะมีคนที่รู้ไม่เกินห้าคน หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินต้องการทำเพื่อประเทศชาติ ตีให้ตายก็ไม่นำข้อมูลเหล่านี้ออกมา

“ไม่มี ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษอยู่ที่นี่หมดแล้ว นายก็ดูไปแล้วนี่!” ชางหลางยังคิดจะยืดเวลาออกไปสักหน่อย เพราะของสิ่งนี้สำคัญมากจริงๆ

“งั้นเหรอ? งั้นผมดูหน่อยสิว่าในนี้มีอะไร…”

เย่เทียนเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ ในมือขวามีซองหนังอีกซองหนึ่งปรากฏขึ้น ด้านหน้าซองตรงกลางมีตัว “X” สีแดงอยู่เพียงตัวเดียว ดูแล้วเป็นของที่สำคัญอย่างมาก แม้กระทั่งในตอนที่เขาแตะถูกซองนั้นก็รู้สึกได้ถึงรสชาติของความหนักแน่น เหมือนว่าจะถูกปิดผนึกมาแล้วหลายปีและดูท่าทางจะเก่ากว่าห้าสิบปี

“นาย…ไอ้หนู นายรู้เมื่อไหร่? เอาไปได้ยังไง?”

ชางหลางอดไม่ได้ที่จะตกใจ ซองหนังที่โดดเดี่ยวนี้ถูกเขาวางเอาไว้บนร่างกายของตนเองและรักษาไว้ติดตัวตลอด เดิมทีเขาคิดว่าหากไม่ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ จะไม่ยอมนำออกมาให้เย่เทียนเฉินดูเป็นอันขาด คิดไม่ถึงว่าในตอนที่ไม่รู้ตัว เย่เทียนเฉินจะขโมยไปจากเขาได้ ทำให้เขาสะท้อนใจจริงๆ

ด้วยฝีมือของชางหลางเกรงว่าจะไม่มีคนสามารถหยิบสิ่งของไปจากเขาได้โดยที่ไม่รู้ตัว แต่เย่เทียนเฉินคนนี้ทำได้แล้ว ช่างทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ ไม่รู้ว่าหยิบไปจากเขาเมื่อไหร่

“พี่ชางหลาง คุณเป็นคนที่ซื่อตรงเปิดเผยคนหนึ่ง ทำไมถึงได้โกหกล่ะครับ นี่มันไม่ถูกต้องเลย…”

เย่เทียนเฉินยกยิ้มชั่วร้ายอย่างลำพองใจ ตบไหล่ชางหลางแล้วจึงเปิดซองหนังที่มีสัญลักษณ์นั้นออก อ่านอย่างตั้งใจ

ในซองหนังซองนั้นเย่เทียนเฉินได้ข้อมูลมาทั้งหมดสามชุด ในสามชุดนี้ไม่มีรูปภาพ มีเพียงชื่อและการแนะนำอย่างง่ายๆ ด้านในยังมีฝุ่นเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ดูแล้วท่าทางจะวางเอาไว้หลายปี

หลังจากที่อ่านข้อมูลเสร็จไปสองชุดเย่เทียนเฉินก็ส่ายศีรษะ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเนื่องจากตามการจดบันทึกของข้อมูล คนสองคนนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่ว่าเย่เทียนเฉินก็ยังผิดหวัง สาเหตุเป็นเพราะตามที่บันทึกไว้ คนสองคนนี้ไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา

แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินหยิบข้อมูลชุดที่สามออกมาก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปทั้งร่าง บนกระดาษสีขาวแผ่นที่สามนี้มีตัวอักษรอยู่เพียงสี่ตัว ตัวอักษรทั้งสี่ตัวนี้สั่นสะเทือนจิตวิญญาณของเย่เทียนเฉินอย่างลึกล้ำ จากนั้นในสายตาของเขาก็ปรากฏประกายแห่งความคาดหวังออกมา

“จอมแพทย์เทวะ…”

เย่เทียนเฉินอ่านตัวอักษรทั้งสี่ตัวที่อยู่บนกระดาษสีขาวในมือออกมาด้วยรอยยิ้ม

ชางหลางได้ยินคำสี่คำนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองไป ในใจรู้สึกสั่นสะท้าน เขาเป็นคนในระดับสูงของประเทศ ดังนั้นสำหรับเรื่องที่เป็นความลับเหล่านี้แล้ว ย่อมต้องรู้มากกว่าเย่เทียนเฉินที่กลับมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้มาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ในข้อมูลที่เป็นความลับสุดยอดที่สุดสามชุดนี้จะถึงกับมีเรื่องของจอมแพทย์เทวะอยู่ด้วย

“จอมแพทย์เทวะ เป็นเขาหรือ?” ชางหลางอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตนเอง

“พี่ชางหลาง คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับคนคนนี้เหรอครับ?” เย่เทียนเฉินรีบถามออกมา

ชางหลางมองไปที่เย่เทียนเฉินแวบหนึ่ง สุดท้ายจึงเปิดปากพูด

“จอมแพทย์เทวะ ไม่รู้ว่าเป็นคนในยุคไหน ตอนนั้นได้ข่าวว่าคนคนนี้ร้ายกาจมาก และลึกลับมากด้วย มีน้อยคนที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ที่รัฐมีบันทึกข้อมูลของเขาก็เพราะเมื่อปีนั้นเขาเคยรักษาให้ท่านผู้นำท่านหนึ่ง ช่วยยืดชีวิตให้เขาไปอีกยี่สิบปี…”

“ยืดชีวิตออกไปยี่สิบปี?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้ว ความจริงตอนที่ท่านผู้นำอายุหกสิบปี ก็เริ่มป่วยจนหมดหนทางแล้ว และเป็นเพราะการปรากฏตัวของจอมแพทย์เทวะจึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จากคำเล่าลือ หลังจากที่จอมแพทย์เทวะคนนี้รักษาให้ท่านผู้นำแล้วก็หายตัวไป ก่อนที่จะจากไปเค้าได้พูดไว้ประโยคหนึ่งว่า ยี่สิบปีหลังจากนี้จะไม่กลับมาอีก!”

ชางหลางทำเหมือนกับว่าเห็นเหตุการณ์เมื่อปีนั้นด้วยตัวเอง ท่าทางตื่นเต้นมากทีเดียว

เย่เทียนเฉินเองก็ขมวดคิ้ว ยืดอายุไปอีกยี่สิบปี ตามที่ทุกคนรู้ ต่อให้คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่สามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อาการสาหัส ต้องอยู่ต่อไปอีกยี่สิบปี พูดเหมือนง่าย แต่มีเพียงผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งและยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้เกินหนึ่งร้อยปีเนื่องจากความพิเศษของพลังที่อยู่ภายในของพวกเขา แต่ไม่อาจมีชีวิตเป็นอมตะได้โดยเด็ดขาด

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ในช่วงยุคสิ้นโลก เย่เทียนเฉินได้ยินมาว่าผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดในระดับเทพราชันสามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้ อย่างน้อยก็สามารถอยู่ได้นานถึงพันปี หากใช้คำพูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาเป็นตัวตนที่เกินกว่าคนธรรมดาไปแล้ว และเหนือกว่าระดับพระเจ้า โดยปกติแล้วผู้มีพลังพิเศษจะมีอยู่ห้าธาตุ แต่ผู้ที่กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับเทพราชันขั้นสูงสุดได้นั้น ได้อยู่นอกเหนือธาตุทั้งห้าไปแล้ว และไม่ได้อยู่ในดินแดนทั้งสาม เรื่องนี้หากฟังไปแล้วจะรู้สึกเพ้อฝันเลื่อนลอย แต่ยังคงมีคนเชื่อ เพราะว่าต่อให้เป็นโลกปัจจุบันนี้ ก็มีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ตกลงแล้วมีวิธีการยืดอายุหรือไม่นั้นก็ยังไม่มีใครทราบ

“เขาสามารถช่วยยืดชีวิตให้คนได้จริงๆ เหรอครับ ดูท่าทางเขาจะเก่งมากจริงๆ คงไม่ใช่ทักษะการแพทย์ที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นไปได้มากว่าจะใช้ร่วมกับเคล็ดวิชาพลังพิเศษ ไม่งั้นหากต้องการช่วยยืดอายุคนคนหนึ่งไปอีกยี่สิบปี หากสามารถทำได้ถึงจุดนี้แล้วล่ะก็ คนที่ยืดเวลาชีวิตได้คนนั้นก็เป็นตัวตนที่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ