บทที่ 190 ช่วยท่าน

คู่ชะตาบันดาลรัก

ศิษย์พี่งั้นหรือ อาจารย์งั้นหรือ

หยางชูยิ้มหยัน หากสนใจเขาจริงๆ เหตุใดถึงไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะ ช่วงเวลาที่เขาลำบากมากที่สุดยังไม่มาให้เห็นแม้แต่เงา ตอนนี้เขาผ่านมันมาได้แล้วกลับมาบอกว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันงั้นหรือ

“ตอนนี้ข้าไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะเคยมีก็ผ่านมันมาได้แล้ว” เขาพูดเสียงแข็ง

แววตาหนิงซิวดูสงบเขาพยักหน้า “ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว”

หยางชูแทบสำลักน้ำชาเขาชี้หน้าอีกฝ่าย “ท่านมีความจริงใจบ้างหรือไม่”

หนิงซิวมองเขาอย่างงงๆ “ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือ”

“….” หยางชูเกาหัวอย่างหงุดหงิด “คนที่นักพรตเฒ่าคนนั้นสอนดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดาไม่ใช่หรือ”

หนิงซิวคิด “ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร พอข้าไม่สนใจท่านก็โกรธแล้วก็โวยวายงั้นหรือ”

“นี่ท่าน!”

หนิงซิวพูดต่อ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”

“ท่านเข้าใจอะไร!” หยางชูจิตใจหดหู่ คนอะไรกันคุยกับตนเองตลอดเวลา

หนิงซิวตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้นถึงต้องการให้ท่านบอกกับข้า”

“….” หยางชูพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “ข้าไม่มีอะไรจะพูด นักพรตเฒ่าให้ท่านมาดูข้า ตอนนี้ท่านพบข้าแล้วก็ไปเสียสิ” หนิงซิวมองเขาอย่างครุ่นคิด

“ทำไม มีอะไร ท่านพูดออกมาให้ชัดเจนเลย!”

หนิงซิวตอบ “ท่านอาจารย์บอกว่า หากท่านมีปัญหาข้าต้องดูแล ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าสถานการณ์ของท่านไม่ค่อยดีเพราะฉะนั้น…”

“ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้อะไรเลยงั้นหรือเหตุใดถึงคิดว่าสถานการณ์ของข้าไม่ค่อยดี”

“เพราะว่าวันเวลาของท่านไม่ปกติ” หนิงซิวทำให้เขาหัวเราะ ชายผู้นี้ดูไม่ปกติเสียเลย แต่กลับกล้ามาบอกว่าเขาไม่ปกติเนี่ยนะ

“หากท่านอยากยุ่งเรื่องของข้า อย่างไรก็ควรบอกเรื่องของตนเองให้ชัดเจนเสียก่อน”

“ข้าน่ะหรือ” หนิงซิวไม่เข้าใจ “ท่านอยากรู้เรื่องอะไร”

“เหตุใดท่านถึงอยู่ในจวนโป๋วหลิงโหว เหตุใดถึงมาคบค้าสมาคมกับท่านลุง แล้วยังไปสอนที่สถานศึกษาหมิงเฉิงอีกท่านคิดจะทำอะไร”

หนิงซิวตอบ “แน่นอนว่าต้องมาหาท่านอยู่แล้ว แต่ท่านอาจารย์บอกว่าความสัมพันธ์ของท่านกับจวนโหวนั้นซับซ้อน ข้าเลยไม่พูดถึงท่านเพียงแค่นำหลักฐานยืนยันขององค์หญิงใหญ่มาที่จวนเท่านั้น ส่วนเรื่องสอนที่สถานศึกษาหมิงเฉิง เพราะข้าคิดว่าควรหางานเลี้ยงชีพ ท่านโหวจึงให้ข้ามาสอนกู่ฉิน”

เดิมทีหยางชูแค่ถามไปอย่างนั้นไม่คิดว่าเขาจะตอบตั้งแต่ต้นจนจบเช่นนี้ และความหมายที่เผยออกมาในคำพูดเหล่านั้น…

“นักพรตเฒ่าพูดอะไร ข้ากับจวนโหวมีความสัมพันธ์ซับซ้อนงั้นหรือ”

“ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บอกว่าองค์หญิงใหญ่กับโป๋วหลิงโหวไม่อยู่แล้ว สถานการณ์ของท่านอาจไม่ค่อยดี แล้วอีกอย่างชะตากรรมของท่านพิเศษมาก ยากที่จะแต่งงานหากปล่อยให้ท่านอยู่ตัวคนเดียวเกรงว่าท่านจะเดินไปในทางที่ผิด” ดูเหมือนนักพรตเฒ่าจะไม่ได้พูดเรื่องชาติกำเนิดของเขา

หยางชูตอบ “ถ้าเช่นนั้นท่านจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะ จะหาภรรยาให้ข้างั้นหรือ”

หนิงซิวส่ายหน้า “ข้าเรียนวรยุทธ์เป็นหลัก เคล็ดวิชาไม่ได้ดีเท่าในเมื่อท่านอาจารย์ไม่สามารถทำลายชะตากรรมของท่านได้ข้าเองก็คงทำไม่ได้เช่นกัน”

หยางชูคิดในใจหมิงเวยสามารถเห็นว่าโชคของเขาแตกต่างได้ในพริบตา แต่ศิษย์พี่ผู้นี้กลับมองไม่ออกหมายความว่าเขาอ่อนเกินไปหรือสตรีผู้นั้นเก่งเกินไปกันแน่

ตอนอยู่ที่ตงหนิงนางเคยพนันกับเขาว่าเขาจะสามารถหาเสวียนชื่อที่เก่งกว่านางได้หรือไม่ นักพรตเฒ่าผู้นั้นเป็นเสวียนชื่อที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา แม้แต่ลูกศิษย์ของเขายังทำไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะหาเสวียนชื่อที่เก่งกว่านางไม่เจอแล้วจริงๆ

หนิงซิวไม่รู้ว่าความคิดของเขาเปลี่ยนไปเรื่องอื่นแล้วจึงคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง “แต่ท่านอย่างเพิ่งท้อใจไปโชคชะตาของท่านไม่ได้หยุดนิ่ง หากท่านอยากแต่งงานจริงๆ อาจจะต้องแต่งกับสตรีที่มีเคล็ดวิชา หากเกิดอะไรขึ้นมานางจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้…”

หยางชูถาม “แต่งไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรข้าดูหิวกระหายขนาดนั้นเลยหรือ”

“ท่านไม่อยากแต่งงานงั้นหรือ” เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบหนิงซิวจึงพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ท่านพูดถึงเด็ก ข้าเลยคิดว่าท่านคงไม่สบายใจกับเรื่องนี้”

“….” เขาเข้าใจแล้วศิษย์พี่คนนี้เป็นคนหัวดื้อ หากไม่บอกว่าเข้าใจก็คงไม่เข้าใจจริงๆ

หยางชูถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถแต่งงานได้ไม่ได้เป็นเพราะโชคชะตา แต่เป็น…”

“เป็นอะไรหรือ”

หยางชูไม่พูดออกไปจะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าตนเองเป็นบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้ หากเขามีครอบครัวสถานการณ์จะไม่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมงั้นหรือ ตระกูลเหวินระมัดระวังตัวมาโดยตลอด หากมีสัญญาณเพียงเล็กน้อยพวกเขาอาจลงมือก็เป็นได้ หากถึงตอนนั้นเขาอาจตกอยู่ในอันตราย

“เอาเป็นว่าข้าไม่ต้องการยุ่งเรื่องนี้เรื่องที่ชื่อเสียงของข้าไม่ดีนั้นข้าตั้งใจเองเพื่อให้บางคนคิดว่าข้าไม่เป็นภัยคุกคาม ตอนนี้ข้าคิดได้แล้วและกำลังกอบกู้ชื่อเสียงให้กลับมาเป็นปกติ ส่วนเรื่องสาวใช้อีกไม่นานข้าจะส่งพวกนางออกไป และจะไม่เป็นเช่นวันนี้อีกในภายภาคหน้าตอนนี้ท่านวางใจได้หรือยัง”

หนิงซิวไม่ขยับเขยื้อน

หยางชูไม่มีทางเลือก “ต้องทำอย่างไรท่านถึงจะเชื่อข้า ข้าไม่ต้องการให้ท่านเข้ามายุ่งเรื่องของข้าจริงๆ!”

หนิงซิวตอบ “เพื่อที่จะทำให้คนบางคนคิดว่าท่านไม่เป็นภัยคุกคาม หมายความว่าสถานการณ์ของท่านไม่ค่อยดีท่านมีศัตรูงั้นหรือ”

หยางชูลูบหน้า “ศัตรูของข้ามีเยอะแยะไปท่านก็รู้ว่าข้าทำงานในหวงเฉิงซือ เชี่ยวชาญในการสอดแนมเพราะฉะนั้นข้าเลยถูกผู้คนจำนวนมากจับตามอง ท่านช่วยข้าได้หรือ” หนิงซิวได้ฟังดังนั้นก็เงียบไม่ได้พูดอะไรอีก

“ทำงานในวงการชนชั้นข้าราชการต้องมีศัตรูอยู่แล้ว เช่นเดียวกับท่านเดินทางท่องยุทธภพต้องมีศัตรูอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” หนิงซิวพยักหน้าช้าๆ

เห็นเขายอมรับหยางชูก็ถอนหายใจ “เพราะฉะนั้นท่านรีบกลับไปอาบน้ำนอนเถอะ” หนิงซิวลุกขึ้นเมื่อเขาเดินไปถึงประตูจู่ๆ ก็หยุดเดิน

“ไม่สิ สามปีก่อนท่านยังไม่ได้รับราชการคนที่คิดว่าท่านเป็นภัยคุกคามต้องไม่ใช่คนในแวดวงราชการแน่นอนท่านกำลังโกหกข้า”

“…..”

เขาเดินกลับมา “ศิษย์น้อง หากไม่แน่ใจว่าท่านไม่มีปัญหาข้าไม่ออกจากเมืองหลวงแน่นอน หากท่านไม่พูดตอนนี้ไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องสืบพบอยู่ดี”

หยางชูรู้สึกสิ้นหวังนักพรตเฒ่านั่นรับศิษย์เอกแบบไหนมากัน เหตุใดถึงไม่มีความเป็นมนุษย์เลย! แล้วจู่ๆ เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้แล้วกลอกตา

“ท่านอยากช่วยข้าจริงๆ ใช่หรือไม่”

“แน่นอน”

หยางชูตอบ “ตอนนี้ข้ากังวลเรื่องหนึ่งอยู่ท่านช่วยข้าแก้ไขปัญหาได้หรือไม่”

“พูดมาได้เลย”

หยางชูถอนหายใจ “ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านพ่อของข้าเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด” หนิงซิวพยักหน้า

“แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ท่านช่วยตรวจสอบให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขาคืออะไร”

หนิงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าท่านเกิดหลังจากบิดาเสียชีวิต หมายความว่าบิดาของท่านตายไปอย่างน้อยสิบเก้าปีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายท่านมีเบาะแสอะไรบ้าง”

เมื่อเห็นว่าเขาอยากจะช่วยจริงๆ หยางชูจึงเก็บเขี้ยวเล็บของตนเองแล้วถามกลับ “ท่านทราบเรื่องการปลดไท่จื่อเมื่อศักราชหย่งคังที่ยี่สิบเจ็ดหรือไม่”

หนิงซิวพยักหน้า “ข้าทราบ”

“ท่านพ่อของข้าตายตอนนั้นท่านย่าบอกว่าเขาตกม้าตาย แต่ข้าสงสัยว่าการตายของเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องการปลดไท่จื่อ”

หนิงซิวตอบ “ท่านช่วยเล่าอย่างละเอียดหน่อย ข้าจะช่วยท่านตรวจสอบเอง”

ผ่านไปครึ่งชั่วยามหนิงซิวก็จากไป หยางชูเอนหลังพิงเก้าอี้และยกขาพาดโต๊ะ

“มีผู้ช่วยเพิ่มมาโดยไม่มีเหตุผลก็ไม่เลว” หยางชูเล่นพัดในมืออย่างมีความสุข

……………