“ขอบคุณ ขอบคุณมากจริง ๆ!! ได้โปรดบอกชื่อของคุณให้ฉันรู้ที ฉันอยากตอบแทนน้ำใจนี้ของคุณ!”

ฟ่านซีเหยียนเดินเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าซาบซึ้ง

อย่างไรก็ตามอวี้ฮ่าวหรานกลับไม่สนใจเธอเช่นกัน เขาหันหลังและเดินออกจากห้องไปโดยไม่ตอบอะไรเธอ

หากไม่ใช่คนใกล้ชิดเขาเองก็ไม่อยากจะสุงสิงอะไรด้วย และนี่ยังไม่นับเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เพราะต่อให้เทพธิดาหรือลูกจักรพรรดิสวรรค์คนไหนมาทักทายเขา หากเขาไม่รู้จักเขาก็แทบไม่เคยคุยตอบ

แน่นอนว่าเมื่อถูกเมินเฉย ฟ่านซีเหยียนก็อึ้งไปในทันที

ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจเธอเลยงั้นเหรอ?

หรือเป็นเพราะว่าฉันสวยไม่พอ?

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกสงสัยตัวเองเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเธอ

อวี้ฮ่าวหรานเดินไปอุ้มถวนถวนซึ่งตอนนี้มายืนดูอยู่หน้าประตูโดยไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง เมื่อครู่อวี้ฮ่าวหรานสั่งให้เด็กน้อยไปแอบอยู่หลังตู้ที่ด้านนอก แต่เมื่อเด็กน้อยเห็นว่าพวกนักเลงหนีไปหมดแล้ว เธอจึงกล้าที่จะเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง

“ฮี่ฮี่…พ่อจ๋าสุดยอดอีกแล้ว พ่อไล่พวกคนเลวหนีไปหมดช่วยพี่สาวนักร้องเอาไว้ได้ แม่หรงจะต้องดีใจแน่ ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้!”

ถึงแม้ว่าถวนถวนจะไม่ได้เห็นตอนที่อวี้ฮ่าวหรานอัดพวกนักเลง แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะหลังจากที่พ่อของเธอกลับมา เธอก็เห็นพ่ออัดพวกนักเลงอยู่บ่อย ๆ จนรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก…

“ฮ่าๆ…ถ้าลูกชอบ อนาคตพ่อจะอัดพวกคนเลวอีกเยอะ ๆ เลยดีไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับหอมแก้มเด็กน้อยอย่างเบิกบาน

“ดี! แต่ว่าพ่อจ๋า พ่ออย่าใจร้ายกับพี่สาวนักร้องสิ พี่สาวเขาดูน่าสงสารมาก ๆ เลย”

“อืม เอาไว้เจอกันคราวหน้าพ่อจะดีกับพี่สาวคนนั้นกว่าเดิมก็แล้วกัน”

คู่พ่อลูกเดินคุยกันอย่างสบายอกสบายใจราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

หลังจากนั้นผ่านไปสักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปยังที่นั่งเดิม

“พี่เขยในที่สุดพี่ก็กลับมา! ดูสิ ฉันว่าหลังเวทีจะต้องมีปัญหาแน่ ๆ นักร้องขั้นเวลาคนนี้ขึ้นมาร้องก็หลายเพลงแล้วแต่ ฟ่านซีเหยียน ยังไม่ขึ้นมาร้องต่อสักที ฉันรู้สึกเสียเวลาจริง ๆ ที่มางานคอนเสิร์ตนี้!”

ในทันทีที่หลี่หรงเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานกลับมา เธอก็บ่นไม่หยุดเรื่องนักร้องคั่นเวลาร้องเพลงไปหลายรอบจนดูราวกับว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่คอนเสิร์ตของฟ่านซีเหยียน

ถึงแม้ว่านักร้องชายที่ขึ้นมาร้องขั้นเวลาจะร้องได้ไม่เลว แต่ความสามารถของเขาก็ยังเทียบกับฟ่านซีเหยียนไม่ได้

“ทำไมคุณไปนาน…เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

เฉิงชิวอวี้ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องบนเวทีคอนเสิร์ตอะไรมากนัก เธอรู้สึกสงสัยเรื่องที่อวี้ฮ่าวหรานหายไปนานมากกว่า

อวี้ฮ่าวหรานหายไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง

ที่นี่มันไม่มีวิวอะไรให้ดูมากสักหน่อย ทำไมเขาถึงไปนานขนาดนี้?

“ไม่มีอะไรหรอกผมแค่พาถวนถวนเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก็แค่นั้น”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้านิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันค่อนข้างอธิบายยากอยู่สักหน่อย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยังไม่พูดอะไรออกไป

“เมื่อกี้พ่อของหนูไปช่วยคนมา! พ่อของหนูสุดยอดที่สุดเล้ย!”

ในทางกลับกัน ถวนถวนไม่รีรอเลยที่จะอวดพ่อของเธอเอง เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอเก่งที่สุดซึ่งเธออยากให้คนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้เช่นกัน

หลี่หรงและเฉิงชิวอวี้ต่างรู้แสดงสีหน้างุนงง

ไปช่วยคนมา?

แต่ก่อนที่พวกเธอจะทันได้ถามอะไรต่อจู่ ๆ ฟ่านซีเหยียนก็ขึ้นมาบนเวทีพอดี

“ฟ่านซีเหยียนมาแล้ว!”

“ใช่ในที่สุดเธอก็ออกมา!”

“…”

เมื่อเห็นภาพนี้ฝูงชนต่างตะโกนร้องกันอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันขออภัยทุกคนด้วยจริง ๆ กับความล่าช้าที่เกิดขึ้น จากนี้ฉันขอมอบบทเพลงที่ไพเราะให้กับทุกคนเพื่อเป็นการขออภัยของฉัน”

คราวนี้ฟ่านซีเหยียนขึ้นมาบนเวทีด้วยชุดเดรสสีขาวซึ่งเมื่อรวมกับเสียงอันไพเราะของเธอ มันทำให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า

แต่อย่างไรก็ตามผู้คนต่างจับสังเกตได้ว่าเสียงร้องของเธอในเวลานี้กลับสั่นเทิ้มอย่างแปลกประหลาด

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเธอยังไม่หายจากอาการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ขณะนี้ร่างผอมบางของเธอยังคงสั่นเล็กน้อยอยู่เลย

ในระหว่างที่เธอร้องเพลงของเธอไปเรื่อย ๆ ผู้คนต่างก็เงียบลงคล้อยตามไปกับเสียงเพลงของเธอเหมือนเดิม แต่พอถึงท่อนฮุค ฟ่านซีเหยียน ก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป

น้ำตาของเธอเริ่มหลั่งออกมาจากดวงตาที่งดงามของเธอ

“ทุกคนฉันขอโทษจริง ๆ ฉันเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้จริง ๆ เมื่อครู่…เมื่อครู่…ฉันเกือบ…เกือบมีเรื่องร้ายมาก ๆ เกิดขึ้นกับฉันที่หลังเวทีเมื่อครู่นี้…”

เสียงของฟ่านซีเหยียนสั่นเครืออย่างรุนแรงจนผู้ชมทั้งหลายต่างรู้สึกได้ว่าเธอกำลังอยู่ในอาการกลัว

“อย่างไรก็ตาม โชคของฉันยังคงดีอยู่! โชคดีที่มีชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยฉันเอาไว้ได้ทันการณ์ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ชื่อของชายคนนั้น แต่ฉันมั่นใจว่าตอนนี้เขาจะต้องกำลังดูฉันอยู่แน่นอนท่ามกลางพวกคุณทุกคน”

หลังจากพูดจบประโยคนี้เธอย่อตัวลงเล็กน้อยแสดงท่าทางขอบคุณ “ถึงคุณคนนั้น ฉันขอขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยฉันเอาไว้ ฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้รู้จักชื่อของคุณ”

หลังจากเธอพูดจบ ผู้ชมทุกคนที่เคยฟังอยู่อย่างเงียบงันก็กลายเป็นส่งเสียงอื้ออึง

“อะไรนะ? มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับฟ่านซีเหยียนงั้นเหรอ?”

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันที่ช่วยขวัญใจของเราเอาไว้ได้ทัน?”

“พระเจ้า! มิน่าล่ะทำไมเธอถึงไม่ขึ้นมาบนเวทีสักที”

“…”

ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันอย่างอื้ออึง หลี่หรงและเฉิงชิวอวี้หันมามองหน้าอวี้ฮ่าวหราน…

เฉิงชิวอวี้ยังคงจำได้ว่าเมื่อครู่ถวนถวนบอกว่าอวี้ฮ่าวหรานเพิ่งไปช่วยคนมา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น “นี่คุณ…เมื่อกี้คนที่คุณช่วยคือ ฟ่านซีเหยียนใช่ไหม?”

“พี่เขย! เล่าให้ฉันฟังเร็วเข้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

หลี่หรงรีบเอ่ยขึ้นทันทีเช่นกันด้วยสีหน้าตกตะลึง

อวี้ฮ่าวหรานส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ

“ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่ผ่านไปเห็นแล้วก็ช่วยขวัญใจของพวกเธอโดยบังเอิญเท่านั้น…”

เขาไม่อยากจะเล่ารายละเอียดให้มันมากกว่านี้เพราะปัญหานี้มันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของฟ่านซีเหยียน

หลังจากได้ยินคำตอบของอวี้ฮ่าวหราน ทั้งหลี่หรงและเฉิงชิวอวี้ก็เชื่ออย่างหมดใจ จากนั้นพวกเธอหันไปมองบนเวทีอีกรอบ

ทางด้านของ ฟ่านซีเหยียน เมื่อเธอปรับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็เริ่มร้องเพลงต่อ

หลังจากผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงกว่า ๆ คอนเสิร์ตก็จบลงอย่างสมบูรณ์

เมื่อคอนเสิร์ตจบ ไฟทุกดวงของสนามกีฬาก็เปิดจนสว่างจ้าและผู้ชมทั้งหลายต่างก็ทะยอยกันเดินไปที่ทางออก

“ชิวอวี้ ชิวอวี้!”

หวังเจวียวิ่งมาจากด้านหลังพลางร้องเรียงเฉิงชิวอวี้

เมื่อวิ่งตามทันเฉิงชิวอวี้ หวังเจวียหยิบรูปภาพของฟ่านซีเหยียนหลายใบซึ่งมีลายเซ็นทุกใบออกมาพร้อมกับพูดว่า “ชิวอวี้ ฉันรู้ว่าเธอชอบ ฟ่านซีเหยียน มาก ดูสิ! รูปพร้อมลายเซ็นพวกนี้ฉันขอมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ! คนธรรมดาอย่างใครบางคนไม่มีโอกาสไปขอมาได้แบบนี้แน่นอน!”

เมื่อพูดจบ หวังเจวียยื่นรูปพร้อมลายเซ็นให้กับเฉิงชิวอวี้ทั้งหมด

เฉิงชิวอวี้ มองดูรูปเหล่านั้นส่วนหลี่หรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็โน้มตัวมาดูใกล้ ๆ เช่นกัน

“ว้าว! นี่มันของจริงทั้งหมดเลย พี่เขยดูสิ…ฉันเองก็เคยได้ลายเซ็นของ ฟ่านซีเหยียนมาเหมือนกัน ฉันแน่ใจว่าลายเซ็นพวกนี้น่าจะเป็นของแท้แน่ๆ!”

หลี่หรงดึงชายเสื้อของอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าตื่นเต้น แต่แล้วจู่ ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปคาดหวัง ฟ่านซีเหยียนมีคนแฟนคลับมากมาย การจะเข้าไปขอลายเซ็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

“พี่เขย พี่ไปขอมาให้ฉันบ้างสิ”

หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะลองพูดเอ่ยขอดู

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกเหนื่อยใจในทันที ทำไมช่วงนี้น้องภรรยาของเขาถึงเอาแต่เรียกร้องขอนู้นขอนี่จากเขาไม่หยุดแบบนี้?

อย่างไรก็ตามหวังเจวียที่กำลังฟังอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าล้อเลียนทันที

“เรื่องนี้มันน่าจะยากไปสำหรับพี่เขยของเธอ เธอคิดว่า ฟ่านซีเหยียน จะยอมแจกลายเซ็นให้กับใครก็ไม่รู้หรือไง?”

ในที่สุดหวังเจวียก็รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอวี้ฮ่าวหรานสักที!