ทางด้านอวี้ถังและคุณหนูสวีนั่งข้างกันอยู่เบื้องหน้านายหญิงสามสกุลหยาง ฟังคุณหนูสวีเล่าเรื่องเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นอย่างดีอกดีใจ
นายหญิงสามสกุลหยางมองทั้งสองคนด้วยแววตาอ่อนโยน พยักหน้าไม่หยุดหย่อน ระหว่างนั้นยังเอ่ยชมคุณหนูสวีสองประโยค ‘เจ้าพูดมีเหตุผล’ พาให้คุณหนูสวีพูดอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาอีก ความเอ็นดูที่นายหญิงสามสกุลหยางที่มีต่อคุณหนูสวี แทบจะพรั่งพรูออกมาจากดวงตาโดยสิ้นเชิง
มองออกอย่างชัดเจนว่า คนของสกุลอินต่างก็ชื่นชอบคุณหนูสวีเป็นอย่างยิ่ง
อวี้ถังอิจฉาไม่น้อย
ความจริงใต้หล้าแห่งนี้ก็มีคนที่ใช้ชีวิตราบรื่นได้อย่างคุณหนูสวี
นางลอบภาวนาให้คุณหนูสวีสามารถใช้ชีวิตได้เช่นนี้เรื่อยไป
รอจนคุณหนูสวีพูดจบ นายหญิงสามสกุลหยางก็ตบหลังมือนางเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม เอ่ยกับนางและอวี้ถัง “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล สกุลเผยไม่อาจเกี่ยวดองกับสกุลอู่หรอก”
อวี้ถังสงสัยว่านายหญิงสามสกุลหยางอาจจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ด้านคุณหนูสวีกลับเอ่ยอย่างดีใจ “ข้ารู้ๆ เผยเยี่ยนและเจียงหวา ศิษย์พี่รองของเขาผิดใจกัน”
นายหญิงสามสกุลหยางพยักหน้า เอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว แยกไข่ไว้ในตะกร้าหลายๆ ใบ เมื่อตกแตกย่อมปลอดภัยกว่า ประเด็นคือยามที่นายท่านใหญ่เผยยังมีชีวิตอยู่ คนที่ล่วงเกินนั้นมีมาก ทั้งนิสัยของเผยสยากวงก็หัวแข็งยิ่ง ลำพังเขาที่เป็นเช่นนี้กลับสามารถได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ยามที่เขาเป็นซู่จื๋ซื่อ ฮ่องเต้ก็เรียกเขาไปช่วยเขียนเครื่องรางด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง นี่ก็เป็นเหตุที่ว่าเหตุใดสกุลจาง สกุลหลี กรือกระทั่งสกุลเจียงจึงได้ให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้น ดังนั้นสกุลใหญ่พวกนี้ของเจียงหนาน จึงกังวลว่าสกุลเผยจะฟื้นฟูขึ้นมาหลังจากถอดชุดไว้ทุกข์ให้ท่านผู้เฒ่า ทั้งกลัวว่ายามที่สกุลใหญ่ในเจียงหนานประสบเรื่องราว เขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือ”
งานแต่งของเผยสยากวงย่อมเป็นปัญหายิ่ง
ไม่ต้องให้คนอื่นลงมือ แต่แค่สกุลเผิง คาดว่าคงไม่ปล่อยให้สกุลอู่เกี่ยวดองกับเผยสยากวงได้หรอก
แต่คนอื่นในสกุลเผยก็อายุไม่เหมาะสม
เผยปัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง มารดาของเขาเป็นคนมีความคิด งานแต่งของเขาย่อมต้องหารือกันแล้วหารือกันอีก
แม้พวกเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเผยฉาน แต่เขาสามารถอยู่ในฐานะเท่าเทียมกับเผยปัวได้ มารดาของเขาย่อมไม่ใช่คนเลอะเลือนเช่นกัน
แม้ว่ามารดาของเขาจะเป็นคนเลอะเลือน ไม่ใช่ว่าเขายังมีผู้อาวุโสอีกรึ?
ยามนี้อวี้ถังจึงค่อยฉุกใจคิดได้ “เผยฉานอยู่บ้านไหนนะเจ้าคะ?”
นายหญิงสามสกุลหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นหลานคนรองของท่านแม่เฒ่าหย่ง เผยฉานยังมีพี่อีกหนึ่งคน ชื่อเผยหลี่ เรียนหนังสือเก่งไม่น้อย หากไม่มีอะไรผิดพลาด สอบเป็นจิ้นซื่อก็คงไม่มีปัญหา เพียงแค่ไม่ได้หลักแหลมเหมือนเผยฉานตั้งแต่เด็กเท่านั้น”
ในสมองของอวี้ถังพลันปรากฏภาพของท่านแม่เฒ่าหย่งขึ้นมา รู้สึกว่าท่านแม่เฒ่าผู้นี้ก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง
นางอดนับถือนายหญิงสามสกุลหยางไม่ได้
นายหญิงสามสกุลหยางตั้งใจแนะนำนางว่า “บางครั้งพวกเราไม่เพียงต้องดูว่าสกุลใดมีความสัมพันธ์เช่นไรกับสกุลใด ยังต้องรู้ว่าสกุลใดมีลูกหลานคนไหนเก่งกาจบ้าง ทั้งสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น จริงหรือแท้ต้องทำให้กระจ่าง ไกลตัวคงไม่พูดถึง แต่แค่สกุลเผิง ก่อนหน้านี้นายท่านซืออีของสกุลพวกเขา นั่นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก แต่ท้ายที่สุดเป็นอย่างไร? กล่าวว่าระหว่างทางไปเข้าร่วมการสอบขุนนางฤดูใบไม้ร่วงพบโจรชั่วเข้าจึงถูกทำร้ายจนเสียโฉม”
สกุลเผิงนั้นเป็นเจ้าถิ่นของฝูเจี้ยน คาดไม่ถึงว่าลูกหลานที่มีอนาคตที่สุดของสกุลเผิงจะพบกับโจรในฝูเจี้ยนได้ ใครจะรู้ว่าตกลงนายท่านเผิงซืออีพบคนอย่างไรกันแน่?
แต่ละสกุลล้วนหวาดกลัวกับเรื่องเช่นนี้ที่สุด
เจ้าชิงรักหักสวาท อิจฉาไม่พอใจย่อมได้ กลับไม่อาจสร้างเรื่องใหญ่จนเป็นคดีฆ่าคน
นั่นจะกลายเป็นอย่างไร?
คุยไม่ถูกคอกันก็ฆ่าคนเสียแล้ว!
ใครจะไม่มีเงินจ้างมือสังหารบ้าง?
สู้กันไปมา คนพาลย่อมมีชีวิตอยู่ คนใจดีมีเมตตาล้วนล้มหายตายจาก สกุลเช่นนี้ยังจะมีอนาคตภายหน้าอย่างไรอีก? ไม่ใช่ว่าเป็นกลียุค ใครมีฝีมือต่อสู้คนนั้นก็เป็นคนควบคุมอำนาจในการพูดหรอกรึ?
อวี้ถังผงกศีรษะระรัว ในใจกลับคาดเดา นี่เกรงว่าจะเป็นวิธีสังเกตผู้คนของสกุลอินกระมัง? รู้ว่าสกุลใดมีลูกหลานที่เก่งกาจ นอกจากเข้าใจฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังสามารถเลือกลูกเขยได้ด้วย ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นเคล็ดลับที่สกุลอินเจริญรุ่งเรืองมายาวนานหลายปี?
นางเม้มริมฝีปากแย้มยิ้ม
คุณหนูสวีคาดเดาอยู่ตรงนั้น “สกุลอู่ย่อมไม่พอใจ ท่านว่า สกุลอู่จะเกี่ยวดองกับสกุลเผิงหรือไม่?”
นายหญิงสามสกุลหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าสกุลเผิงคิดอย่างไรแล้ว”
“หากพวกเขาคิดจะผูกสัมพันธ์กับเจียงหวา ย่อมยินดีจะเกี่ยวดองกับสกุลอู่
“กลัวก็แต่ว่าพวกเขาจะไม่เลือกวิธีที่ถูกต้อง”
ในพวกขุนนางชั้นสูงนั้น เจียงฮวามีรากฐานที่ตื้นเขินที่สุด แต่เขาก็เป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุด เพื่อผลประโยชน์ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้ทั้งนั้น
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมสกุลใหญ่พวกนั้นจึงไม่อยากเกี่ยวดองกับเจียงหวา กลัวว่านอกจากไม่ได้ผลดี กลับจะก่อปัญหาขึ้นมาแทน
คุณหนูสวีเอ่ยว่า “เช่นนั้นเหตุใดกู้เจาหยางยังไม่แต่งงาน? เขาอายุไม่น้อยแล้วกระมัง? หากไม่แต่งงานอีก กลัวว่าไม่เพียงใต้เท้าซุนที่จะไม่พอใจ พวกเสนาบดีเหล่านั้นก็คงจะคิดว่าเขาเหลาะแหละเช่นกัน”
ก่อร่างสร้างตัว!
คนในยามนี้คิดว่าคนที่แต่งงานแล้วจะมั่นคงกว่า ทั้งมีความรับผิดชอบกว่า มีความสุขุมในการทำเรื่องราว
นายหญิงสามสกุลหยางหัวเราะไร้เสียง
อวี้ถังมองนายหญิงสามสกุลหยางด้วยความสงสัยไปที
—
ยามนี้กู้เจาหยางกำลังอยู่กับเผยเยี่ยน พูดคุยกับพวกนายท่านใหญ่สกุลเผิง “ข้าย่อมไม่อาจลืมกำพืดตัวเอง แต่ทุกคนก็อย่าได้ทำเกินไป แม้กล่าวว่าคดีทางน้ำของเกาโหยวเป็นข้ออ้าง แต่หลังจากที่ข้ามาเจียงหนาน กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย อย่างไรทุกคนก็ต้องให้ข้ามีเรื่องอะไรไปรายงาน!”
นายท่านใหญ่สกุลเผิงหรี่ตา ในใจคิดว่าหังโจวก็ดี ซูโจวก็ดี ล้วนไม่ใช่พื้นที่ของพวกเขาสกุลเผิง สกุลเผิงของพวกเขาไม่สนใจว่าสกุลใหญ่แถบซูโจวและเจ้อเจียงจะวางแผนอย่างไร เขามาก็เพราะเรื่องสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลเท่านั้น
สกุลเผยปิดบังคนอื่น กลับไม่อาจปิดบังพวกเขาได้
ยามนี้เผยเยี่ยนและเถาชิงร่วมมือกัน วางแผนร่วมกันสร้างร้านค้าแห่งหนึ่งทางกว่างโจว อยากผูกขาดการค้าทางทะเลของกว่างโจว ถึงเวลานั้นไม่ว่าสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลของเฉวียนโจวและหนิงปัวจะล่มไม่ล่ม สกุลเผยล้วนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อาจพ่ายแพ้
เขาไม่เข้าใจมาโดยตลอด สกุลเผยนั้นเกลี้ยกล่อมสกุลเถาได้อย่างไร
ตามหลักแล้ว กว่างโจวเป็นพื้นที่ของสกุลเถา สกุลเผยกำลังแย่งอาหารจากปากของสกุลเถา ไม่ว่าจะอย่างไรสกุลเถาก็ไม่ควรรับปาก
ผู้ที่สามารถทำให้สกุลเถาค้อมศีรษะ เว้นเสียแต่ว่า…จะเป็นองค์ชายที่ยืนอยู่หลังสกุลเผย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หลังสกุลเผยจะเป็นองค์ชายรองหรือองค์ชายสาม?
นายท่านใหญ่สกุลเผิงกังวลใจอยู่บ้าง
เมื่อก่อนสกุลเผยอยู่อย่างสมถะเกินไป ยามที่เขาเริ่มตระหนักได้ อยากสานสัมพันธ์กับสกุลเผย กลับไม่อาจหาโอกาสได้เสียที
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสกุลพวกเขาจึงสามารถอดทนต่อสกุลซ่งได้นานขนาดนี้
เขาปรายตามองกู้ฉ่าง
ไม่รู้ว่าจะสามารถลงมือจากกู้ฉ่างได้หรือไม่?
กู้ฉ่างก็เป็นจิ้งจอกเลวคนหนึ่ง เขาควรใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ? หรือข่มขู่กดหัวดี?
นายท่านใหญ่สกุลเผิงเคาะมือกับแขนเก้าอี้
นายท่านสี่สกุลซ่งกลับคิดว่านี่เป็นโอกาส เขาเอ่ยทันที “เจ้าอยากให้พวกเราทำอย่างไร มิสู้พูดออกมาให้กระจ่าง เดากันไปเดากันมา ใครจะมีเวลาเพียงนั้น? หากเดาผิดขึ้นมา ก็ยิ่งยุ่งยากแล้ว”
นายท่านใหญ่สกุลอู่คิดว่านายท่านสี่สกุลซ่งพูดมีเหตุผล เขามองไปยังเผยเยี่ยนอย่างไม่ลดละ อยากฟังว่าเผยเยี่ยนจะพูดอย่างไร
เผยเยี่ยนไม่ปริปากอันใด
ที่นี่ล้วนมีแต่ ‘คนมากความสามารถ’ เขาไม่คิดจะออกหน้าให้โดดเด่น
กู้ฉ่างมีแผนตัวเองอยู่ในใจ
หลายปีมานี้สกุลกู้ตกต่ำลงไม่น้อย เขาก็อยากใช้โอกาสจากเรื่องนี้ทำให้สกุลกู้มีทรัพย์สินฐานะขึ้นมาบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องครั้งนี้ยังเป็นความคิดของอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขา หากเรื่องแดงออกมา พวกเขาสกุลกู้ยังจะมีหน้าอะไรอยู่ที่เจียงหนานอีก?
เขานึกถึงใบหน้าที่ซูบเซียวทั้งแฝงความโหดร้ายอยู่บ้างของซุนเกา มองเผยเยี่ยนและเถาชิงไปที ทั้งมองนายท่านใหญ่สกุลเผิงแวบหนึ่ง ยามนี้จึงค่อยเอ่ยว่า “สองปีก่อนหน้านี้ องค์ชายรองเคยถูกลอบปลงพระชนม์ แต่องครักษ์เสื้อแพร สำนักบูรพาและสำนักประจิมล้วนสืบตัวผู้บงการไม่พบ องค์ชายรองจึงทำได้เพียงตื่นตระหนกตกใจเท่านั้น รวมกับภัยพิบัติแห้งแล้งของตะวันตกเฉียงเหนือ ฮ่องเต้จึงอยากบูรณะซ่อมแซมวัดต้าเซียงกั๋วขึ้นมาอีกครั้ง ในราชสำนักก็ย้ายคนออกมาไม่ได้มากเท่าใด เรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาค้างคา เรื่องที่ไม่เหมือนจะจบก็จบลงไป แต่ไม่กี่วันก่อน ยามที่ใต้เท้าซุนตรวจสอบเงินทางน้ำของเกาโหยว พลันพบว่ามีคนอาศัยเรื่องการซ่อมทางน้ำของเกาโหยว ส่งเงินสองแสนตำลึงเข้าไปในจวนองค์ชายสาม ทั้งตรวจสอบได้ว่า เงินก้อนนี้ขนส่งทางน้ำจากเจียงหนานมาถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้พิโรธโกรธา ส่งข้าและเว่ยซานฝูมาตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนหวังชีเป่าออกจากเมืองหลวงยามใด? ออกจากเมืองหลวงด้วยเรื่องอะไร? มีความเกี่ยวข้องกับคดีที่พวกเราต้องตรวจสอบหรือไม่? ข้าและเว่ยซานฝูต่างก็ไม่รู้”
พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของทุกคนก็หยุดลงที่เผยเยี่ยน
ในผู้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ เขาและหวังชีเป่าสนิทกันที่สุด
เพราะเกี่ยวพันกับการขนส่งทางน้ำ นายท่านใหญ่สกุลอู่จึงนั่งไม่ติดที่เป็นคนแรก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เรื่องนี้เหตุใดข้าจึงไม่รู้? สองแสนตำลึง นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ไฉนจึงส่งเข้าเมืองหลวงอย่างเงียบเชียบได้? ย่อมมีคนต้องการให้ร้ายสกุลอู่ของพวกเรา สยากวง เจ้าจะไปหังโจวเมื่อใด? ค่าใช้จ่ายที่เจ้าไปหังโจว ข้าจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง”
ด้านนายท่านใหญ่สี่สกุลซ่งไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันย่อมไม่เดือดร้อน ยังคิดว่าหากสามารถอาศัยเรื่องนี้สานสัมพันธ์กับหวังชีเป่าได้ก็คงจะดี เอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจาหยางพูดอย่างกระจ่างแล้ว ข้าว่ามิสู้พวกเขาไปหังโจวด้วยกันสักครั้ง ไม่ก็เชิญใต้เท้าหวังมาถึงหลินอัน จะได้เดินชมวัดเจาหมิงพอดี ยังสามารถฟังคำเทศนาธรรมจากพระอาจารย์ได้ด้วย”
นายท่านใหญ่สกุลเผิงที่ปิดตาลง จู่ๆ ก็เบิกตากว้างราวกับตาวัว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร กลับทอดมองไปยังเถาชิง
เถาชิงลังเลไปพักใหญ่ ก่อนเอ่ยเสียงเคร่งขรึมกับเผยเยี่ยน “สยากวง เรื่องนี้ไม่ง่ายแล้ว เป็นดังที่นายท่านใหญ่อู่ว่า เงินสองแสนตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ไฉนจึงขนส่งทางน้ำเข้าเมืองหลวงได้ ข้ากลัวก็แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ล้วนเป็นกับดัก รอให้พวกเรากระโดดลงไป!” ขณะที่เขาพูด ยังมองกู้เจาหยางไปที
เขาสงสัยว่านี่เป็นแผนของซุนเกา
ซุนเกามีชาติกำเนิดต่ำต้อย อคติกับคนร่ำรวยมีอำนาจ เมื่อก่อนยามที่เขารับตำแหน่งผู้ตรวจการเขตซุ่นเทียน หากมีคนจนและคนรวยมาตัดสินคดีความ เขาย่อมเข้าข้างคนจน หากมีคนมีอำนาจและคนรวยมาตัดสินคดี เขาย่อมเข้าข้างคนรวย ด้วยเหตุนี้จึงมีคนฉวยโอกาส แสร้งทำเป็นคนจนไปตัดสินคดีความโดยเฉพาะ
เพียงแต่กู้เจาหยางอยู่ที่นี่ เขาไม่อาจพูดอย่างชัดเจนได้
กู้เจาหยางสามารถเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ก็เตรียมจะแตกหักกับซุนเกาแล้ว
เขาเอ่ยด้วยยิ้มขื่น “เถาจวี่เหริน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า ข้าเคยอ่านทะเบียนคดีที่ใต้เท้าซุนมอบให้ข้าดู ใต้เท้าซุนไม่ได้ใส่ร้ายใครจริงๆ กลัวเพียงว่าครั้งนี้แต่ละสกุลของเจียงหนานจะไร้ทางจบลงด้วยดี”
ยามที่พูด เขาก็มองนายท่านใหญ่สกุลเผิงอยู่ตลอด
นายท่านใหญ่สกุลเผิงถูกเขามองจนใจเต้นระส่ำ
สกุลเผิงก็ไม่อาจทำเรื่องที่เสี่ยงอย่างวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวเช่นกัน
สกุลเผิงของพวกเขามีลูกหลานยืนอยู่ข้างองค์ชายรอง ทั้งมีคนยืนข้างองค์ชายสามเช่นกัน
แต่ในใจของเขา เอนเอียงไปทางองค์ชายสามเล็กน้อย
นี่ไม่เกี่ยวกับความประพฤติถูกทำนองคลองธรรมของทั้งสองคน แต่ตามกฎแล้ว ตำแหน่งขององค์ชายรองนับว่าชอบด้วยเหตุผล แม้ว่าสกุลใหญ่ของพวกเขาเหล่านี้จะสนับสนุนองค์ชายรอง นั่นก็เป็นเรื่องที่สมควร หากสนับสนุนองค์ชายสามก็ไม่เหมือนกันแล้ว
หากองค์ชายสามสืบต่อบัลลังก์ พวกเขาก็ย่อมมีความชอบตามไปด้วย
อย่างน้อยที่สุดก็สามารถรับประกันความรุ่งโรจน์ของสกุลเผิงได้สามชั่วอายุคน
ใครจะไม่หวั่นไหว?
ใครจะไม่อิจฉาตาร้อน?
———————-