ราชาผีกำจัดคนออกไปได้ถึงสองคน ตอนนี้ในอารามร้างเหลือเพียงถังเฉิน ยันต์บนตัวเขาใช้หมดไปนานแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงอาศัยดาบในมือ เขาพลางต้านพลังวิญญาณ พลางเปลี่ยนตำแหน่งหลบหลีกการโจมตี ตอนแรกยังดี เมื่อเวลานานไป พลังลมปราณในร่างกายถังเฉินถูกใช้จนจะหมดแล้ว ร่างกายของเขาก็ถึงขีดจำกัด
เมื่อราชาผีเห็นว่าโจมตีไม่โดนอีกฝ่ายเสียที เขาจึงคำรามออกมาอย่างโกรธเคือง ทันใดนั้นพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างกายหลั่งไหลออกมาราวกับหมึกดำ ก่อนจะถาโถมใส่ซากกำแพงรอบด้าน ความหนาวเหน็บแผ่ขยายไปในวงกว้าง พร้อมกับโจมตีไปยังตัวถังเฉิน ถังเฉินจึงทำได้เพียงยกดาบขึ้นมาต้านเอาไว้อีกครั้ง เพียงแต่พลังวิญญาณในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป ในขณะที่เขากำลังจะยกดาบนั้น ข้างหูกลับมีเสียงบางอย่างแตกหักดังออกมา
ดาบในมือของเขาหักไป พลังวิญญาณโจมตีโดนตัวของเขา ถังเฉินถูกกระแทกออกไปหลายเมตร ก่อนจะอ้าปากอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“เฉินเอ๋อร์!” ถังอี้ลุกขึ้นยืนอย่างร้อนใจ เขาทำท่าราวกับจะบุกเข้าไปช่วยคน แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ ลูกชายชอบเอาชนะก็ไม่ดีเช่นนี้ ไม่ถึงนาทีสุดท้ายไม่ยอมออกมา
ราชาผีเองก็เริ่มโมโหขึ้นมา พลังวิญญาณปกคลุมไปทั่วราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ มันกำลังจะกลืนกินถังเฉินเข้าไป ทันใดนั้น ร่างบนพื้นที่กำลังอาเจียนเป็นเลือดนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่เพียงแต่ถังอี้ แม้แต่เหล่าเจ้าสำนักในตำหนักต่างตกตะลึง คนไปไหน
“เป็นข่ายพลัง!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น
ทุกคนต่างผงะ “ข่ายพลังอะไร” พวกเขาไม่พบร่องรอยของข่ายพลัง หรือว่าถังเฉินจะใช้ยันต์ขนส่งส่งตัวเองกลับมา
ไม่รอให้ทุกคนคิดมากไปกว่านี้ ภาพบนผิวน้ำกลับปรากฏเสียงของถังเฉินขึ้นมา
“ฟ้าดินห้าธาตุ ปราบมารขับไล่ปีศาจ เริ่ม!”
พื้นผิวน้ำสั่นสะเทือน ภาพตรงหน้าหยุดอยู่บริเวณของถังเฉินในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาลักลอบเข้าไปยังข้างตัวของราชาผีที่อยู่ใจกลางของอารามร้างตั้งแต่เมื่อใด เขาผนึกมือทั้งสองข้างก่อนจะท่องคาถาบทยาวออกมา
นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่แสงห้าสีพุ่งทะยานขึ้นฟ้า แสงนั้นปักไว้ที่ทิศทางทั้งห้าของอารามร้างราวกับเสา กักขังราชาผีไว้ตรงกลาง ส่วนใจกลางของเสาคือข่ายพลังขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น มันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังอำนาจที่พร้อมจะชำระล้างทุกอย่าง
“ข่ายพลังปราบมารห้าธาตุ!” ท่านอาวุโสเจียวในฐานะหัวหน้าห้องเป็นคนแรกที่จำข่ายพลังระดับปฐพีนี้ได้
ในเวลานี้ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าข่ายพลังที่อวิ๋นเจี่ยวบอกเมื่อครู่คืออะไร ที่แท้ถังเฉินไม่ได้ถอยหลังเพื่อหลบหลีกการโจมตีเท่านั้น แต่เขากำลังอาศัยช่วงจังหวะนี้ในการวางข่ายพลัง
ข่ายพลังปราบมารห้าธาตุเป็นข่ายพลังระดับปฐพี ซึ่งเป็นข่ายพลังที่อวิ๋นเจี่ยววาดตอนสอบขึ้นทะเบียน ถึงแม้จะเป็นเหล่าเจ้าสำนักอย่างพวกเขาก็ไม่อาจวางข่ายพลังนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถังเฉินกลับสามารถวางข่ายพลังนี้ด้วยตนเองในสถานการณ์เช่นนี้ ช่างมีพรสวรรค์เสียจริง
ข่ายพลังนี้สามารถปราบมารขับไล่ปีศาจ ถึงแม้จะเป็นมารที่มีพลังมากว่าพันปีก็ไม่อาจต้านข่ายพลังนี้ได้ ราชาผีเองก็เช่นกัน
ไม่ถึงชั่วครู่ พลังวิญญาณที่แผ่กระจายของราชาผีก็ถูกแสงของข่ายพลังตีสลายไปกว่าครึ่ง ราชาผีเองก็เริ่มพยายามดิ้นรนหนีเอาตัวรอด เขาคิดจะทะลุข่ายพลังออกไป แต่ก็ไม่อาจหลบหลีกแสงจากข่ายพลังได้แม้แต่น้อย เพียงแค่แสงทั้งห้ากวาดผ่านตัวเขา พลังวิญญาณบนตัวเขาก็จะสลายไปครึ่งหนึ่ง ทำให้เขาเจ็บปวดจนร้องโอดครวญออกมา
อีกทั้งข่ายพลังนี้ยังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มันกักขังราชาผีเอาไว้ราวกับกรงห้าสี
ครานี้ราชาผีเองก็หวาดกลัวขึ้นมา เขาพยายามพุ่งชนหลายครั้ง สุดท้ายไม่เพียงแต่หนีออกไปไม่ได้ แต่ยังถูกข่ายพลังโจมตีอีก แสงเหล่านั้นกรีดเข้าร่างวิญญาณของเขา ทำให้เขาเจ็บปวดจนร้องออกมา เจ็บๆๆ …
ร่างกายของมันเริ่มลอยขึ้นด้วยความหวาดกลัว มันพยายามหดตัวเป็นก้อน เมื่อเห็นว่าร่างวิญญาณของตนกำลังจะถูกกรีดออกเป็นชิ้น มันก็ร้องออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านยมราช…”
ช่วยด้วย! จะฆ่าผีแล้ว!
(;´༎ຶД༎ຶ`)
ยมทูตที่หลบอยู่ด้านข้างทนดูต่อไปไม่ไหวจึงปรากฏตัวขึ้น ทันใดนั้นลมพายุกระหน่ำ พลังวิญญาณลอยออกมาจากทางด้านขวา กระทบเข้ากับข่ายพลังนั้น
ข่ายพลังที่กำลังจะโดนตัวของราชาผีแตกละเอียดทันที ข่ายพลังปราบมารห้าธาตุถึงแม้จะมีพลังมาก แต่สามารถโจมตีจากด้านนอกได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งถังเฉินได้รับบาดเจ็บ ทำให้พังข่ายพลังได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ถังเฉินตกตะลึง เขาเงยหน้าก็พบกับร่างใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้า อีกฝ่ายอยู่ในชุดราชการสีดำ พลังวิญญาณบนตัวหนักกว่าราชาผีหลายสิบเท่า อีกทั้งบริสุทธิ์กว่ามาก แต่กลับไม่มีพลังอาฆาตเหมือนเหล่าผีร้าย แต่กลับเจือปนไปด้วยอำนาจ “สหายไว้มือด้วย!”
“ท่านคือ…ยมทูต?” เขาเบิกตาโต
“ข้าคือยมทูตแห่งยมโลก” ยมทูตพูดขึ้น มือที่วางอยู่ด้านหลังปิดผนึกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งสารไปให้ไป๋อวี้ ท่านยมราชแย่แล้ว ถูกจับได้แล้ว!
“ยมทูต!” ถังเฉินตกตะลึง เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของยมโลก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นยมทูต ทันใดนั้น บนใบหน้าเขาปรากฏความคิดต่างๆ มากมาย ก่อนจะหันไปมองราชาผีที่เพิ่งรอดตาย “ในเมื่อท่านเป็นยมทูต เหตุใดจึงรั้งข้า หรือท่านคิดจะปล่อยให้ราชาผีปั่นป่วนโลกมนุษย์!”
ราชาผีถูกเขาถลึงตาใส่ กลัวจนหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของยมทูตด้วยตัวที่สั่นเทา โลกมนุษย์ช่างน่ากลัว ข้าจะกลับนรก!
“สหายเข้าใจผิดแล้ว” ยมทูตหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ราชาผีตนนี้ไม่ได้หนีมายังโลกมนุษย์ แต่ว่าได้รับการไหว้วานจาก…สหาย! ให้เขาขึ้นมาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เขาไม่ทำร้ายคน หวังว่าสหายจะไว้มือ ข้าจะนำเขากลับยมโลกเดี๋ยวนี้”
ที่แท้ราชาผีตนนี้คือด่านสุดท้ายของพวกเขา อีกทั้งต้องเข้าใกล้ภายในหนึ่งฉื่อ อีกฝ่ายถึงจะออกมา แต่พวกเขาไม่คิดว่าลูกศิษย์เสวียนเหมินในตอนนี้จะเก่งกาจเช่นนี้ ไม่เพียงเดินมาถึงด้านในสุด ปล่อยราชาผีออกมา อีกทั้งยังแทบจะกำราบราชาผีได้สำเร็จ!
พลาดเสียจริง นี่เป็นความผิดพลาดในชีวิตยมทูตของเขา!
“เข้า…เข้าร่วม?!” ถังเฉินผงะไป หันไปมองราชาผีที่หดตัวอยู่ด้านหลังยมพูด ก่อนจะตระหนักได้ว่า เมื่อครู่ราชาผีราวกลับ…ไม่ได้ต้องการเอาชีวิตของพวกเขา อีกทั้งศิษย์น้องทั้งสองคนล้วนถูกส่งกลับไปทั้งสิ้น ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะทั้งสองโชคดี ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นความตั้งใจของราชาผี
เหล่าเจ้าสำนักในตำหนักต่างก็ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของยมทูต หลายปีมานี้วิญญาณที่ขึ้นมาปั่นป่วนลดจำนวนลงเรื่อยๆ ถึงแม้เสวียนเหมินจะเคยพบกับเหล่าราชการที่เกิดความขยันขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกับยมทูต
ทุกคนนึกไปถึงคำตอบก่อนหน้านี้ของอวิ๋นเจี่ยวทันที พวกเขาหันไปมองพร้อมกัน “อาจารย์อวิ๋น เมื่อครู่ท่านพูดถึงคนรู้จักด้านล่างของสหายไป๋ คงจะไม่ใช่…ยมทูตใช่หรือไม่!” หากเป็นยมทูต การเรียกราชาผีขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติ ทุกคนต่างรู้สึกว่าหาคำอธิบายที่เหมาะสมได้แล้ว
“อืม…ถือว่าใช่!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
ทุกคน “…” ถือว่าคืออะไร
ตกลงใช่ หรือไม่ใช่!