ตอนที่ 193 สามคนที่ปราณเสียหายสาหัส

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

จัตุรัสเงียบสงัด ฝูงชนต่างก็จับจ้องทั้งสามคนที่ลุกไม่ขึ้นบนสังเวียนประลอง

การประลองพลังยุทธ์ สองคนบาดเจ็บจนล้ม ส่วนอีกคนก็วูบหมดสติไปเลย…

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ตัวแทนของสรวงสวรรค์แพ้พ่ายยับเยินหรือ

ไม่แปลกที่มวลชนในจัตุรัสจะงงเป็นไก่ตาแตก สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนกัน!

มีเพียงหญิงสาวชุดสีเรียบบนที่นั่งสำคัญเท่านั้นที่ทำหน้าสะใจ

ฮ่าๆ อย่างไรเสียเจ้าคนที่ไปถึงไหนสร้างเรื่องถึงนั่น วันก่อนทำนางเดือดร้อน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เห็นอันหลินทำสมาชิกกลุ่มเดือดร้อนแล้ว รู้สึกสาแก่ใจเหลือเกิน

ดูเหมือนนางจะลืมไปว่า จุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ มาเพื่อให้กำลังใจตัวแทนของสรวงสวรรค์

“ฮือ…ซาบซึ้งใจนัก ไม่คิดว่าเทพอันจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อชัยชนะถึงขั้นนี้…” นักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกกระตุ้นต่อมน้ำตา หน้าตาไหลอาบน้ำ

“แม้ศิษย์พี่อันหลินจะล้ม แต่ในใจข้าเขายังคงเป็นอมตะตลอดกาล!”

“คิดไม่ถึงเลยว่า การประลองครั้งนี้จะดุเดือดเช่นนี้ การคว้าอันดับหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย!”

“แกนนำทั้งสามคนของเราล้มหมดแล้ว การแข่งขันลำดับต่อไปจะทำอย่างไร…”

ขณะที่ผู้คนรอบๆ จัตุรัสกำลังพูดคุยกันดังอื้ออึงอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ก็ใช้วิชารักษากับทั้งสามคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแล้ว

รองผู้อำนวยการอวี้หัวแหงนหน้ามองฟ้าอย่างกลุ้มใจ

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน การประลองวรยุทธ์พลาดท่าพร้อมกันทีเดียวสามคนได้ด้วยหรือ

จุดการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนามาหลายต่อหลายครั้ง เขาเพิ่งเคยเห็นเรื่องแบบนี้ครั้งแรก!

รองผู้อำนวยการอวี้หัวปวดหัวจนยกมือขึ้นนวดขมับ การแข่งขันวรยุทธ์ มรรค ความคิด การเอาตัวรอดและแย่งชิงทั้งสิ้นห้ารายการ ตอนนี้ดำเนินไปเพียงรายการเดียว อีกสี่รายการที่เหลือจะทำอย่างไร

หวังเสวียนจ้านที่ร่างกายได้รับการฟื้นฟูบ้างแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง โงนเงนลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ท่านผู้อำนวยการ ข้า…ข้ายังสู้ไหว!”

หลิวเชียนฮ่วนนอนแผ่หลา ไม่ลุกขึ้นมา แต่ล้วงมือถือออกมา ใบหน้างดงามมีแต่ความเฉยชา เล่นโดยที่ไม่สนใจใคร พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้อำนวยการ ข้าไม่เอาด้วยแล้ว การประลองนี้อันตรายเกินไป ท่านไปหาคนอื่นเถอะ”

อันหลินเองก็นอนพะงาบๆ บนพื้น อาบแสงพระพุทธของการรักษา ประหนึ่งปลาตายตัวหนึ่ง

รองผู้อำนวยการอวี้หัว “…”

เสร็จกัน ตัวแทนของสรวงสวรรค์คงจะจบเห่แล้ว

ตัวแทนของสามกลุ่มอิทธิพลที่เหลือก็พากันจดจ้องสามคนที่นอนแผ่บนพื้นด้วยสีหน้าสับสนงุนงง

ควรจะดีใจหรือไม่ พวกเขาจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของการประลองวรยุทธ์ด้วยคะแนนรวมถึงยี่สิบแปดคะแนน จะดีใจได้หรือ

หรือควรจะเสียใจ มองตัวแทนสามคนตรงเบื้องหน้าที่แทบจะกลายเป็นปลาเค็มไปแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าพอจะมีโอกาสบ้างแล้ว จึงไม่เสียใจเท่าใดนัก กลับรู้สึกว่าโชคดีไม่น้อยเลย…

ต่อมา ผลการหารือจากเบื้องบนของกลุ่มอิทธิพลสี่ทิศ ตัดสินใจว่าจะให้สามคนที่บาดเจ็บรักษาตัวตลอดทั้งครึ่งเช้าก่อน เลื่อนการประลองออกไปจัดตอนบ่าย

ตอนเที่ยง อันหลินฟื้นคืนสติ พบว่าหวังเสวียนจ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องตนด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง

ยังไม่ทันได้พูด หมัดน้อยๆ ของหลิวเชียนฮ่วนก็พุ่งทะลุอากาศมา ซัดจนเขาเกือบจะน้ำลายฟูมปาก

หลังถูกสั่งสอนไปฉาดหนึ่งแล้ว อันหลินถึงมีโอกาสถามสถานการณ์ในภายหลัง

เขารู้ว่าสุดท้ายตนได้สิบเอ็ดคะแนน เมื่อพลิกสถานการณ์ได้แล้วก็อดโล่งใจไม่ได้ แต่ต่อมาเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงมากประการหนึ่ง

“ทำไมตอนนี้เรามาอยู่ที่นี่!”

เขามองผนังขาวสะอาดรอบตัว รวมถึงเตียงที่แผ่กลิ่นอายบำบัดจางๆ แล้วพูดอย่างตกใจ

“มารักษาตัวที่นี่น่ะสิ!” หลิวเชียนฮ่วนกลอกตามองอันหลิน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เพราะบารมีของเจ้า งานชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาเลื่อนไปตอนบ่ายแล้ว”

อันหลิน “…”

เอาละ เขาประเมินอานุภาพของหมัดปรมาณูอัสนีต่ำไป

ไม่คิดว่าแม้หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนรวมพลัง ก็ไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดอันน่ากลัวได้

แต่เพราะความช่วยเหลือของพวกเขา แรงกระแทกของระเบิดถึงได้ลดลงต่ำที่สุด อันหลินจึงแสดงความขอบคุณและขอโทษพวกเขาจากใจจริง

ไม่นานตอนบ่ายก็มาถึง

จัตุรัสฟ้าครามคับคั่งไปด้วยผู้คนอีกครั้ง

ตัวแทนจากสรวงสวรรค์ดึงดูดสายตาของผู้ชมโดยส่วนใหญ่

หวังเสวียนจ้านได้รับการรักษามาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากอาการช้ำในเล็กน้อยแล้ว แทบจะไม่เป็นอะไรแล้ว

แขนเรียวขาวดุจหิมะของหลิวเชียนฮ่วนมีผ้าพันแผลยาวิเศษพันอยู่ ท่าทางดูน่าสงสาร

ส่วนอันหลินอนาถหนัก แม้แต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็มีผ้าพันแผลสีขาว สภาพแทบจะสูสีกับพวกตัวแทนของหอสร้างโลกแล้ว

แต่มันไม่กระทบต่อความโด่งดังของเขาเลยสักนิด เมื่อเดินออกมา ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาเป็นระลอกๆ

รองผู้อำนวยการอวี้เห็นกระแอมเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้ กล่าวว่า “ในเมื่อสมาชิกพาครบแล้ว เรามาเริ่มรายการที่สองของการแลกเปลี่ยนมรรคเทศนา ‘มรรค’ กันเลย!”

“หนทางแห่งมรรค ไม่แบ่งสูงต่ำ ทุกคนในที่นี้ ล้วนมีมรรคที่ตนยึดถือ”

“หนทางแห่งมรรคยาวไกล การยึดถือมรรคในระดับหนึ่ง กำหนดว่าเขาผู้นั้นจะไปได้ไกลแค่ไหน ฉะนั้นในการแลกเปลี่ยนมรรคครั้งนี้ จะประลองจิตใจเป็นสำคัญ!”

พูดจบ แหวนมิติของเขาก็ส่องแสงสว่างวาบ หน้าจอผลึกหินขนาดใหญ่โผล่มากลางอากาศ

เซียนสวรรค์อวี้หัวประสานอิน ประตูสีน้ำเงินก็พลันปรากฏขึ้นบนสังเวียน

“นี่เป็นหนทางสู่ความลุ่มหลง เมื่อตัวแทนของทั้งสี่ทิศเข้าไปในประตูบานนี้ จะพบกับหนทางแห่งความลุ่มหลง”

“หนทางนี้มีอีกชื่อว่าหนทางถามใจ ทุกครั้งที่เดินหนึ่งก้าว จะมีสิ่งเร้าที่ทำให้จิตใจของเจ้าสั่นคลอน มีทั้งสิ้นเก้าสิบเก้าก้าว เดินเพิ่มหนึ่งก้าว จะได้คะแนนศูนย์จุดหนึ่งคะแนน”

กติกาไม่ถือว่ายาก เพียงแต่ว่าอันหลินฟังแล้วหวาดกลัวนิดหน่อย

หนทางถามใจ? ทดสอบจิตใจงั้นเหรอ

จะว่าไปคนที่ผ่านทุกอย่างมาได้อย่างราบรื่นโดยพึ่งโปรแกรมโกง จะมีของอย่างจิตใจแสวงมรรคจริงๆ เหรอ…

เขาขบคิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหนทางที่ตนแสวงหาคืออะไรกันแน่

มีคนอยากเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหล้า บ้างก็อยากกลายเป็นเซียนกระบี่สะท้านปฐพี บ้างก็มีจุดประสงค์อยากกำจัดศัตรู สรุปแล้วเป้าประสงค์ยิ่งชัดเจน เจตจำนงและจิตใจในการแสวงมรรคก็จะยิ่งหนักแน่น

ปลาเค็มอย่างเขา จะมีจิตใจแสวงมรรคจริงๆ เหรอ

อันหลินยิ่งคิดก็ยิ่งท้อแท้ใจ เสร็จกัน การประลองครั้งนี้จบเห่แน่…

หน้าจอผลึกหินส่องแสงสว่าง เริ่มมีภาพของแดนพิศวงหนทางลุ่มหลงปรากฏให้เห็น

มันเป็นทะเลสาบดวงดาวผืนใหญ่ บนท้องนภามืดสนิท เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว ส่องแสงหลากหลายสีสัน

ทะเลสาบสะท้อนลำแสงของดวงดารา ราวกับทั่วพื้นที่อยู่ในทะเลดวงดาว แลดูงดงามดุจภาพฝัน

ทางเดินที่ปูด้วยหินคดเคี้ยวลึกเข้าไป ปลายทางมีแสงดาวระยิบระยับ

นักเรียนไม่น้อยถูกภาพนี้ดึงดูด ทุกสายตาจับจ้องบนหน้าจอกผลึกหิน อุทานอย่างตะลึงไม่หยุด

“สวยจังเลย…ความงามแบบนี้ช่างเย้ายวนใจจริงๆ”

“ทำเอาข้าเกิดความรู้สึกอยากจะบุกเข้าไปในหนทางถามใจด้วยตัวเองขึ้นมาทันที ไม่ลองใจ แต่ชมทิวทัศน์…”

“เช่นนั้นเจ้าต้องพยายามเข้าแล้วละ อย่างน้อยๆ ก็ต้องอยู่ในสามอันดับแรกของสำนัก”

“เฮ้อ…เป็นอย่างที่คิด เมื่อไร้ความสามารถ แม้แต่เรื่องแบบนี้ยังถือเป็นเรื่องสุรุ่ยสุร่าย”

“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ลองดูเทพอันสิ ตอนที่เพิ่งเข้ามา มีแค่กายแห่งมรรคขั้นศูนย์ ตอนนี้เก่งฉกาจอย่างที่สุด”

“แม้เรื่องราวของศิษย์พี่อันหลินจะเป็นแรงบันดาลใจ แต่ลอกเลียนแบบไม่ได้…”

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ไม่ขาดสายของเหล่านักเรียน การแลกเปลี่ยน ‘มรรค’ ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!