ตอนที่ 429 เชื่อ / ตอนที่ 430 เกี๊ยว

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 429 เชื่อ

เจ้ารองโมโหจนตัวสั่น ด้วยเขาจะคาดคิดได้อย่างไร ว่าพี่ใหญ่และสะใภ้ใหญ่จะหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขั้นนี้ นั่นเป็นเสบียงอาหารสุดท้ายที่บ้านรองของพวกเขาเหลือแล้ว

จางซื่อเองก็โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง นางอยากจะกลับไปสู้กับหลิวซื่อสักตั้ง ณ ตอนนี้จริงๆ สะใภ้ใหญ่คนนี้เป็นคนชั่วร้าย ไม่สนใจความถูกต้องใดๆ ที่สุดที่นางเคยพบแล้ว

ตอนนี้เจ้ารองคิดอะไรไม่ออก จึงมองไปหาภรรยาของตน “ทำอย่างไรดี ขืนหิวต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้พวกเราคงจะทำงานไม่ไหวแน่”

จางซื่อใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้พวกเราทำงานกันก่อน กลับไปเย็นนี้ค่อยขอร้องไป๋จื่อ เชื่อเสบียงอาหารมาจากนางก่อน หลังจากนั้นค่อยให้นางหักค่าแรงพวกเราไปแทน”

เมื่อไป๋เจินจูได้ยินคำกล่าวนี้ ในใจของนางรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ไฟโทสะลุกโหมอยู่เต็มอก แต่ก่อนไป๋จื่อไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ของนาง ทว่าใครจะคาดคิดได้ ว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น สถานะของนางเด็กคนนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

อย่าว่าแต่ท่านพ่อ ท่านแม่ทำงานรับเงินจากนางเลย ตนเองก็ต้องอาศัยเสบียงอาหารที่นางเก็บไว้เพื่อเอาชีวิตรอดด้วย

ถึงแม้จะโกรธเกรี้ยวไปก็คงไร้ประโยชน์ บนโลกนี้ยังมีเรื่องอะไรสำคัญกว่าการมีชีวิตรอดอีกหรือ

ไป๋เจินจูกล่าว “ท่านแม่ พวกเราเชื่อเสบียงอาหารแล้วจะทำอย่างไรต่อไป เพราะหากนำกลับไปที่บ้าน ทันทีที่พวกท่านไม่อยู่ พวกเขาจะต้องขโมยไปอีกแน่ ข้าอยู่ที่บ้านคนเดียวคงจะต้านไม่ไหว”

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เอาอย่างนี้นะ พวกเราอย่าเพิ่งนำเสบียงอาหารที่เชื่อมากลับบ้าน นำไปไว้ที่บ้านท่านอารองของเจ้าก่อนดีกว่า กินข้าวอยู่ที่บ้านของพวกเขาสักสองสามวัน เมื่อทำงานที่นี่เสร็จแล้วค่อยว่ากัน” จางซื่อพูด

เจ้ารองพยักหน้าระรัว “นับเป็นความคิดที่ดี ตกลงตามนี้เถอะ”

ไป๋เจินจูตัดสินใจไม่กลับบ้าน นางตามหาสถานที่ร่มเย็นใกล้ๆ บริเวณนั้นเพื่อพักเท้า รอพ่อแม่และน้องชายทำงานให้เสร็จ แล้วค่อยกลับไปที่หมู่บ้านด้วยกัน

ครั้นเห็นพ่อและแม่จะไปเชื่อเสบียงอาหารจากไป๋จื่อ ไป๋เจินจูก็ทำหน้าตาบูดบึ้ง พาน้องชายไปรอที่บ้านอารองก่อน

ไป๋จื่อกำลังเตรียมอาหารเย็น เมื่อได้ยินว่าเจ้ารองมาแล้ว นางก็ให้ซู่เอ๋อรับหน้าที่ทำอาหารต่อ ส่วนตัวนางออกไปข้างนอก

จ้าวหลานกำลังสนทนาพาทีกับจางซื่อ ไป๋จื่อจึงเดินเข้าไปถาม “มีธุระอะไรหรือ”

จางซื่อเห็นเด็กสาวเดินเข้ามา จึงยิ้มด้วยความลำบากใจ “คืออย่างนี้ เดิมทีข้าไม่ควรมารบกวนพวกเจ้า แต่พวกข้าจนปัญญาแล้ว บ้านใหญ่ถือโอกาสที่วันนี้พวกข้าออกมาทำงานพลิกหน้าดิน ขโมยเสบียงอาหารที่เหลือของพวกข้าไปกินจนหมดแล้ว พวกข้าทนหิวตลอดทั้งวัน จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หมดหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้คิดจะมาเชื่อเสบียงอาหารจากเจ้า เมื่อทำงานเสร็จแล้วเจ้าก็หักจากค่าแรงของพวกข้าได้เลย เจ้าวางใจเถอะ พวกข้าจะทำงานให้เจ้าอย่างดีแน่นอน วันนี้พวกข้าพลิกหน้าดินไปแล้วหนึ่งหมู่ พรุ่งนี้ก็จะทำให้เสร็จทั้งหมดทีเดียว”

ไป๋จื่อพิจารณาดูจางซื่อ เสื้อและกระโปรงของนางตอนที่มาเมื่อเช้าสะอาดสะอ้านมาก ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยดินเลน สีหน้าก็ดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เจ้ารองเองก็เช่นกัน ดูท่าทางพวกเขาทำงานในที่ดินมาแล้วจริงๆ

เด็กสาวยิ้มจางพลางพยักหน้า “ได้สิ ต้องการเท่าไร ข้าจะไปนำมาให้พวกท่านเดี๋ยวนี้”

จางซื่อไม่คิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าอาจจะต้องเปลืองน้ำลายมากกว่านี้สักหน่อย “เจ้าตกลงแล้วหรือ”

ไป๋จื่อพยักหน้าอีกครั้ง “แน่นอน พวกท่านพลิกหน้าดินไปแล้วหนึ่งหมู่ ได้เงินไปแล้วหนึ่งสองเฉียน ขอเพียงเป็นสิ่งที่อยู่ในราคาสองเฉียนนี้ ข้าล้วนนำมาให้ท่านได้”

สองสามีภรรยาสบตากันทันที ต่างฝ่ายต่างก็ปีติยินดีอย่างยิ่ง จางซื่อกล่าวว่า “ไม่ต้องมากหรอก ให้ข้าเพียงสองเซิงก็พอแล้ว”

ไป๋จื่อไม่ได้พูดอะไรมาก นางหมุนกายเข้าไปในเรือน หลังจากตักข้าวสองเซิงแล้ว นางก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเพิ่มให้อีกสองชั่ง ทั้งยังใช้กระดาษห่อขนมไหว้พระจันทร์ที่กินเหลือในวันไหว้พระจันทร์เมื่อวาน นำออกไปให้จางซื่อทั้งหมด

จางซื่อมองข้าวของในมือเด็กสาว “นะ นี่มัน….ของเหล่านี้มัน…”

……….

ตอนที่ 430 เกี๊ยว

ไป๋จื่อกล่าว “ข้าวสองเซิงนั้นเป็นสิ่งที่ท่านเชื่อ ส่วนสองชั่งนั้นข้าให้ ไม่คิดเงิน ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ พวกข้ากินเหลือจากเมื่อวาน ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก นำกลับไปกินเถอะ”

จางซื่อกำข้าวของในมือจนแน่น ขอบตารอบผ่าว ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในชั่วขณะ

ไป๋จื่อลอบถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ข้าไป๋จื่อเกลียดชังคนที่ทั้งวันคิดจะเอาแต่ได้ โดยที่ไม่ยอมทำงานเป็นที่สุด ในเมื่อพวกท่านมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว ข้าย่อมมองพวกท่านใหม่ แม้จะไม่นับว่าเป็นญาติกัน แต่อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านเดียวกัน ข้าไม่ขอรับรองว่าหลังจากนี้จะช่วยเหลือพวกท่านได้ทุกเรื่อง แต่ขอเพียงพวกท่านพยายาม วันคืนที่ยากลำบากจะต้องผ่านพ้นไปแน่”

จางซื่อและเจ้ารองพากันพยักหน้า ไป๋จื่อจึงกล่าวอีกว่า “หลังจากพลิกหน้าดินเรียบร้อยแล้ว ยังมีงานลงเมล็ดพันธุ์อีก ถึงตอนนี้ยังต้องหาคนมาทำเช่นเดิม หากพวกท่านอยากทำ ข้าจะคิดค่าแรงสองเฉียนต่อหนึ่งหมู่เช่นเดียวกัน แต่ข้าต้องการให้ลงเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน จึงไม่อาจให้พวกท่านทำทั้งหมดสามหมู่ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไปหาคนมาอีก”

จางซื่อยินดียิ่ง “อยากทำสิ นับพวกข้าทั้งครอบครัวไปด้วยได้เลย พวกข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเวลาแน่นอน”

ไป๋จื่อพยักหน้า “เช่นนั้นย่อมดีที่สุด พวกท่านกลับไปได้แล้วล่ะ”

ครั้นกล่าวขอบคุณไป๋จื่อแล้ว จางซื่อและเจ้ารองก็จากไป ทว่าเพิ่งจะเดินถึงประตูรั้ว จ้าวหลานก็รีบร้อนตามมาแล้ว ในมือถือชามกระเบื้องสีขาวขนาดใหญ่พร้อมฝาปิดมาด้วย

จ้าวหลานยื่นชามนั้นให้จางซื่อ เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเกี๊ยวที่จื่อยาโถวทำ เพิ่งออกจากหม้อเลยนะ พวกเจ้านำกลับไปลองชิมดูสิ”

“ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก!” จางซื่อประหลาดใจเมื่อได้รับสิ่งของเพิ่ม จึงปฏิเสธอย่างเร็วรี่

“ตอนที่ยังอยู่สกุลไป๋ ข้ารู้อยู่แก่ใจดีว่าเจ้าเคยช่วยเหลือข้ามากกว่าหนึ่งครั้ง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งสิ้น แต่ข้าก็จดจำไว้ในใจเสมอมา วันนี้ได้ช่วยเจ้าบ้าง ข้ายินดีทีเดียว”

จ้าวหลานยัดชามใส่มืออีกฝ่าย ก่อนจะหมุนกายกลับไป

เมื่อเห็นเงาหลังของจ้าวหลานค่อยๆ หายไปแล้ว ในที่สุดจางซื่อก็ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา เมื่อก่อนนางช่วยเหลือจ้าวหลานก็เพราะมีผลพลอยได้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยช่วยเหลือด้วยใจจริงเลย ทว่าวันนี้จ้าวหลานแม่ลูกกลับตอบแทนนางมากถึงเพียงนี้ นางจะสงบใจอยู่ได้อย่างไรกัน!

เจ้ารองถอนใจ “เมื่อก่อนไม่รู้ว่าอะไรบังตา เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นค่าคนดีเช่นนี้มาก่อนเลย ข้านี่เลวจริงๆ!”

จางซื่อปาดน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง ก่อนจะถอนใจด้วยความรู้สึกโล่งอก “เรื่องในอดีตล้วนผ่านไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราเริ่มประพฤติตัวใหม่ อย่าไปเลียนแบบแม่ของเจ้าและสะใภ้ใหญ่นั่นก็พอแล้ว”

สองสามีภรรยานำข้าวของไปที่บ้านของจางซานสุ่ย ซึ่งอยู่ห่างจากสกุลไป๋ไกลพอควร แต่หากจะไปที่บ้านของจางซานสุ่ย ก็จำเป็นจะต้องเลี้ยวผ่านบ้านของสกุลไป๋ พอดีกับหลิวซื่อกำลังเดินเล่นอยู่ข้างนอกบ้าน นางเห็นทั้งสองคนถือสิ่งของสองถุง และห่อกระดาษหนึ่งห่ออยู่ในมือแต่ไกล ทั้งยังมีชามกระเบื้องปิดฝาใบใหญ่อีกด้วย จางซื่อประคองชามใบนั้นด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้างในนั้นต้องใส่ของดีอะไรไว้อย่างแน่นอน

สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นย่อมเป็นอาหาร ใช้ได้ สองคนนี้ช่างมีความสามารถเสียจริง เพิ่งจะกินข้าวในบ้านหมดไป พวกเขาก็นำของใหม่กลับมาได้แล้ว ดูท่าเย็นนี้นางจะได้ลาภปากไปด้วย

หลิวซื่อมองพวกเขาเดินเข้ามาหา ขณะกำลังจะเข้าไป ‘แย่งของ’ กลับเห็นสองสามีภรรยาเลี้ยวเข้าไปในตรอก อันเป็นทิศทางไปยังบ้านสกุลจาง

นางพลันรู้สึกร้อนใจ จึงรีบเข้าไปถามว่า “พวกเจ้าจะไปที่ใด”

“เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก สนใจแค่ตัวเองก็พอ” เจ้ารองตอบทั้งๆ ที่ไม่หันกลับไปมอง

ทว่าหลิวซื่อไม่ยอมแพ้ นางตามหลังพวกเขาไปอีก “พวกเจ้าถืออะไรอยู่ ท่าทางหนักทีเดียว ให้ข้าช่วยพวกเจ้าถือสักหน่อยเถอะ”