ตอนที่ 435 ไปรับน่าหลานเยียนที่ตระกูลถัง (7)/ตอนที่ 436 ไปรับน่าหลานเยียนที่ตระกูลถัง (8)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 435 ไปรับน่าหลานเยียนที่ตระกูลถัง (7)

“สงครามสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าไม่ต้องไปอีก” หลิ่วฮูหยินมุ่นคิ้วตอบ

จบลงแล้ว…จริงหรือ

หลิ่วอวี้เฉินริมฝีปากสั่นเทา เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “ไม่ว่าอย่างไรท่านพ่อก็ทรยศแคว้น”

แคว้นหลิวอวิ๋น…ไม่มีวันชนะ

แต่เมื่อสงครามยุติลง เช่นนั้นบทสรุป…ก็ง่ายดายนัก

ทว่าตระกูลหลิ่วยังอยู่ดีมีสุข นั่นก็หมายความว่า…ท่านพ่อยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นอื่นแล้ว

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน เฟิงหรูชิงกลับมาแล้ว ข้ายังได้ยินว่า นางพาเด็กหญิงเหี้ยมโหดมาด้วยคนหนึ่ง กำจัดยอดฝีมือของทั้งสี่แคว้นไปจนราบคาบ” หลิ่วฮูหยินบ่นอุบ “เจ้าว่า หากตอนนั้นเจ้าไม่หย่ากับเฟิงหรูชิง นางก็ไม่มีวันไร้เยื่อใยต่อตระกูลหลิ่วถึงเพียงนี้ ต่อไปเจ้าต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดี เป็นราชบุตรเขยให้ได้!”

สมองหลิ่วอวี้เฉินอื้ออึง ไม่ได้ยินคำพูดใดๆ ทั้งนั้น

ในห้วงความคิดเขามีคำพูดประโยคนั้นดังซ้ำๆ ไม่หยุด

เฟิงหรูชิงกลับมาแล้ว สงครามยุติแล้ว!

ไม่ทันรู้ตัว สตรีที่เขารังเกียจในตอนแรกเติบโตมาถึงขั้นนี้เสียแล้ว

หลิ่วอวี้เฉินก้าวเท้าเดินออกไป

“อวี้เฉิน เจ้าจะไปไหน เจ้าจะไปหาถานซวงซวงผู้นั้นหรือ ห้ามไปเด็ดขาด!” หลิ่วฮูหยินร้อนใจ ตามไปขวางหลิ่วอวี้เฉินไว้

หลิ่วอวี้เฉินหัวเราะเสียงดัง ชายเสื้อปลิวลม “ตระกูลหลิ่วยังคงทรยศต่อแว่นแคว้น! ฮ่าฮ่าฮ่า ส่วนข้าหลิ่วอวี้เฉินเป็นลูกของขุนนางขายชาติ ข้ายังมีคุณสมบัติ มีคุณสมบัติอันใดแต่งงานกับนางอีก!”

ไม่ว่าตระกูลหลิ่วทรยศขายชาติหรือไม่ แต่ท่านพ่อเขามีความคิดเช่นนี้จริงๆ

เฟิงเทียนอวี้หาใช่คนโง่ ศึกนี้เขามองออกอย่างมาก สุดท้ายตระกูลหลิ่วก็กลายเป็นอดีต…

ไม่ว่าหลิ่วฮูหยินด้านหลังจะกรีดร้องอย่างไร หลิ่วอวี้เฉินหาได้ชะงักฝีเท้า

เงาร่างปราดเปรียวหายลับท่ามกลางความมืด ไม่เห็นอีก…

จวนแม่ทัพตกอยู่ในสภาพระเนระนาด

น่าหลานหูยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ใบหน้าชราลุ่มลึก ในดวงตามีเพลิงโทสะที่ไม่อาจสะกดไว้

หลิวอวี๋นเซียวตายแล้ว!

เขาตายอย่างน่าอนาถ!

ร่างกายของอีกฝ่ายไม่มีผิวหนังชิ้นไหนที่สมบูรณ์เลยสักชิ้น

ฝูงชนเต็มไปด้วยความเดือดดาล ไม่เพียงใช้กระบี่ฟาดฟัน ใช้ค้อนทุบเท่านั้น กระทั่งใช้ปากกัดก็ยังมี

ก่อนหน้านี้น่าหลานหูลงมือทำลายพลังยุทธ์ของหลิวอวี๋นเซียว ด้วยเหตุนี้อีกฝ่ายจึงมิอาจขัดขืนต่อต้านโทสะของฝูงชนได้

ต่อให้เป็นเช่นนี้อย่างไรเขาก็เป็นคนเนื้อหนังหยาบกร้าน กลับถูกคนกัดเนื้อไปก้อนใหญ่ ก็มากพอให้เห็นว่าผู้คนมีความโกรธแค้นเพียงใด

ทว่า…

การตายของหลิวอวี๋นเซียวหาได้ดับโทสะในใจเขาลงได้

ที่เขาโมโห ยังมีสี่แคว้นใหญ่ในทวีป แล้วก็…ผู้ฝึกยุทธ์ที่บงการอยู่เบื้องหลัง!

“ในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามเสียงทุ้ม

คนของสามตระกูลใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังน่าหลานหู มองเงาร่างโดดเดี่ยวของแม่ทัพเฒ่าเงียบๆ

“วังหลวงปลอดภัยไร้เรื่องราวแล้ว หลิวหรงและเฟิงหรูซวงถูกส่งตัวมา ข้าคิดจะส่งนางไปที่ถนน ใช้พวกนางดับโทสะของทุกคน” ฉินเฟยหยางถอนหายใจเอ่ยตอบ

สีหน้าน่าหลานหูดีขึ้นบ้าง เขาหันไปมองชายชราอีกคนหนึ่ง “อืม เป็นเช่นนี้ก็ดี เว่ยฝ่าง เรื่องก่อนหน้านี้ อิ่นเอ๋อร์เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว เจ้าสมควรดูแลตระกูลให้ดี อย่าให้พวกนาง…ทำลายเกียรติยศชั่วชีวิตเจ้า!”

เสี้ยวขณะนั้นเว่ยฝ่างคล้ายแก่ชราลงสิบกว่าปี

แผ่นหลังเขาดูโรยราอยู่บ้าง ไม่เหลือความรุ่งเรืองในวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก

“ท่านแม่ทัพเฒ่า ข้าเข้าใจแล้ว!” เขาหลับตาลงช้าๆ พลันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแววตาหนักแน่น

ปีนั้น เขาได้รับการเคี่ยวกรำมากมาย รับความเจ็บปวดนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่คิดทรยศหักหลังแว่นแคว้น

…………………

ตอนที่ 436 ไปรับน่าหลานเยียนที่ตระกูลถัง (8)

เพราะเว่ยฝ่างเข้าใจ ต่อให้ตายในค่ายทหารของศัตรู ท่านแม่ทัพเฒ่า รวมถึงคนของแคว้นหลิวอวิ๋นอื่นๆ ต้องแก้แค้นให้เขาแน่

ตายแล้วจะทำไม

เขาซื่อสัตย์ภักดีมาตลอดชีวิต ลูกชายที่ให้กำเนิดออกมา…ยอมทรยศเพื่อชีวิตรอด ทำให้คนด่าทอเขาผู้เป็นพ่อ!

คนเช่นนี้ไม่คู่ควรเป็นลูกหลานตระกูลเว่ย!

“เว่ยฝ่าง” ฉินเฟยหยางขมวดคิ้วไม่พอใจ “เจ้าว่า ตอนนั้นเจ้ารับอนุไปทำไม พวกเราอยู่แนวหน้าบุกตะลุย สตรีเหล่านั้นอยู่ด้านหลังคอยก่อเรื่อง ไม่สู้มีภรรยาเดียว ชีวิตเรียบๆ ง่ายๆ”

เว่ยฝ่างก้มหน้าด้วยความละอาย

“เรื่องนี้ เป็นความผิดของข้า…ข้าไม่ควรเชื่อท่านแม่ให้ข้ารับอนุ”

ฉินเฟยหยางเห็นสหาย ก็หักใจเอ่ยต่อไม่ลงอีก ตบบ่าเขา “ไม่ใช่ว่าต้องเชื่อฟังทุกคำพูดของผู้ใหญ่ แม่เฒ่าบ้านเจ้าอายุแปดสิบกว่าแล้ว ไม่เสพสุขให้ดี วันๆ เอาแต่ก่อเรื่อง ตอนนี้ก็ถือเป็นบทเรียน จัดการเรือนหลังของเจ้าให้ดีเถอะ”

เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยต่อ

“พวกเราสามสกุลใหญ่ ติดตามแม่ทัพเฒ่า หากศักดิ์ศรีของพวกเราแปดเปื้อนมลทินแล้ว ท่านแม่ทัพเฒ่าก็พลอยเสียหน้าไปด้วย”

เรื่องอื่นๆ เว่ยฝ่างไม่สนใจได้ แต่สิ่งที่เขาใส่ใจที่สุดก็คือท่านแม่ทัพเฒ่า

ความเชิดชูในวัยเยาว์มากพอกระทบชีวิตคนไปทั้งชีวิต ทำให้เขาติดตามอีกฝ่ายไปชั่วชีวิตโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

“ท่านแม่ทัพเฒ่า ท่านวางใจเถอะ หลังจากข้ากลับไป จะขับไล่พวกเขาออกจากตระกูลซะ!” เว่ยฝ่างตัดสนใจเด็ดขาด

“ต่อไป ตระกูลเว่ยจะไม่มีเว่ยเสียงและเว่ยเมิ่งเจี๋ยอีก! หากแม่เฒ่ายอมใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ ข้าก็จะเลี้ยงดูนาง หากไม่ยินยอม ข้าจะส่งนางไปที่คฤหาสน์ชิงซาน ชั่วชีวิตนี้อย่าได้กลับเมืองหลวงอีก!”

ฉินเฟยหยางหัวเราะ “อย่าเลย แม่เฒ่าบ้านเจ้าไม่มีวันทำตัวสงบได้แน่ เจ้าส่งนางไปเลยเถอะ กันไม่ให้นางหาเรื่องให้เจ้าอีก”

เว่ยฝ่างถอนใจหนักๆ เขารู้ดีว่า คำพูดของฉินเฟยหยางคือความจริง

“เป็นเช่นนี้ ข้าคงได้แต่ส่งนางไป ไม่ว่าจะที่ชิวซานสภาพแวดล้อมย่ำแย่ไปบ้าง แต่หาได้ผิดต่อนาง กันไม่ให้นางก่อเรื่องในเมืองหลวงอีก”

หลายปีมาแล้ว นางควรมีข้อสรุปผิ่นเหยาบ้าง!

“เว่ยฝ่าง ปีนั้น…ตอนเจ้ารับอนุ ข้าเคยห้ามเจ้าแล้ว จนใจที่แม่เจ้าร้องไห้อาละวาดเอาความตายมาขู่ เจ้าเป็นลูกกตัญญู ข้าจึงไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้า”

น่าหลานหูเอ่ยปากบ้าง น้ำเสียงเขาเข้มงวดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“แต่เคราะห์กรรมที่เจ้าประสบทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง!” เจ้าว่าอยู่ดีๆ เขาก็รับอนุผู้หนึ่ง มีลูกชายก็แล้ว แต่ศักดิ์ศรีไม่เหลือแล้ว ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวแล้วยังเป็นอะไรได้อีก

ตระกูลน่าหลานกำหนดให้มีภรรยาเดียว ฉินเฟยหยางก็รับอิทธิพลจากเขา ไม่รับอนุ จะมีก็แต่เว่ยฝ่าง…ที่กตัญญูเกินไป

กตัญญูเกินเหตุก็คือความโง่เขลา!

“ดังนั้นเจ้าอย่าปล่อยคนตระกูลเว่ยเหล่านั้น ทำให้ตระกูลต้องแปดเปื้อน !” น่าหลานหูหน้าตาเย็นชา “อิ่นเอ๋อร์เป็นแม่นางสกุลฉิน ผิ่นเหยาก็เป็นน้องสะใภ้นาง ดังนั้นเรื่องนี้ ข้าน่าหลานหูไม่มีทางชมดูโดยไม่สนใจ เจ้าต้องมีข้อสรุปให้พวกเรา!”

ฉินเฟยหยางยิ้มเย็นชา “เว่ยเมิ่งเจี๋ยก่อเรื่องในตระกูลเว่ยอย่างไรข้าไม่สน ผิ่นเหยาเป็นลูกสะใภ้ข้า ข้าไม่ยอมให้นางให้นางถูกรังแก พรุ่งนี้ข้าจะไปตระกูลเว่ยของเจ้า ข้าจะดูเจ้าขับไล่พวกมันออกจากบ้าน!”

เว่ยฝ่างหัวใจเกร็งกระตุก อย่างไรก็เป็นสหายร่วมศึกกันหลายปี คนเหล่านี้เชื่อใจเขาเท่าไรกันแน่นะ