ตอนที่ 186 โลกของเจียงตงเย่ถล่มแล้ว

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เฉิงมู่คิดไม่ถึงว่าที่อยู่ที่ฉินหร่านให้เขาจะอยู่ในที่แบบนี้

 

 

นิ่งไปชั่วขณะแล้วดับเครื่องยนต์ ดึงกุญแจออก

 

 

ประตูคฤหาสน์เป็นประตูเหล็กสีดำ

 

 

พวกเฉิงมู่พากันลงจากรถ จอดรถไว้หน้าประตูสีดำ

 

 

“คุณหนูฉิน นี่เป็นบ้านของเพื่อนคุณเหรอ” เฉิงมู่มองประตูสีดำอย่างงุนงง ประตูไม่มีกริ่ง และไม่มีร่องรอยที่สามารถเปิดมันได้เลย

 

 

ปิดสนิทไร้ช่องโหว่ ราวกับแผ่นเหล็กสีดำบริสุทธิ์แผ่นหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าทุกคน

 

 

ฉินหร่านตามเฉิงเจวี้ยนลงจากรถอย่างไม่รีบร้อน ขานรับในลำคอ

 

 

“จะเปิดยังไงเนี่ย” เฉิงมู่หันหน้ามองฉินหร่านอีกครั้ง “คุณหนูฉิน จะโทร.หาเพื่อนของคุณไหม”

 

 

เฉิงมู่ในตอนนี้ ให้ความเคารพกับเพื่อนของฉินหร่านอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ากู้ซีฉือเป็นเพื่อนของฉินหร่าน

 

 

เขาระแวงอยู่ตลอดว่าบิ๊กบอสหลายคนที่สนิทกับกู้ซีฉือจะโผล่มากะทันหัน

 

 

“ไม่ต้อง” ฉินหร่านส่ายหน้า เดินอ้อมเฉิงเจวี้ยนไปยืนทางซ้ายของเฉิงมู่

 

 

มีหน้าจอคล้ายๆ แผ่นแก้วค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนแผ่นเหล็กสีดำบริสุทธิ์

 

 

“คุณพระ วิเศษขนาดนี้ ไฮเทคขนาดนี้เลยเหรอ” ตอนแรกลู่จ้าวอิ่งเดินวนเวียนอยู่หน้าประตู

 

 

เห็นฉินหร่านเดินไปยืนหน้าแผ่นเหล็กสีดำบริสุทธิ์ จู่ๆ แผ่นเหล็กก็เปลี่ยนสีทันที ด้านบนมีดวงตาสามมิติกะพริบอยู่

 

 

ดวงตาสามมิติหมุน

 

 

เสียงของระบบอันเย็นเยือกก็ดังมาจากประตู “ยืนยันสำเร็จ!”

 

 

ประตูเหล็กแยกออกเป็นสองทาง

 

 

เฉิงเจวี้ยนยืนมองฉินหร่านจากอีกมุม ตอนที่ระบบสแกนดวงตาสามมิติโผล่มา เขาไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วด้วยซ้ำ

 

 

กระทั่งฉินหร่านผ่านการสแกนรูม่านตา เขาถึงหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

 

สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ มีแม้แต่ประตูสแกนรูม่านตางั้นเหรอ

 

 

พอประตูเปิดออก ข้างในก็เป็นสถานที่เขียวชอุ่ม ข้างในเต็มไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด ข้างซ้ายมีทางเดินปูนทอดยาวไปที่โรงจอดรถ ตรงกลางเป็นถนนที่ปูด้วยกรวดอันคับแคบ

 

 

พวกเขาเดินเข้าไปข้างใน

 

 

เฉิงมู่กับลู่จ้าวอิ่งราวกับคนไม่เคยเห็นโลกกว้าง มองประตูอยู่หลายหน กว่าจะเริ่มเดินเข้าไปข้างใน

 

 

“คุณชายเจียง เลิกโทรศัพท์ได้แล้ว” เฉิงมู่เดินไปได้สองก้าว เมื่อเห็นว่าเจียงตงเย่ไม่ตามมา ก็อดเรียกเขาไม่ได้

 

 

เจียงตงเย่ยืนพิงประตูรถ ถือมือถือกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ปากคาบบุหรี่ ใบหน้าที่เฉื่อยชายามปกติเผยความดุดันที่เกิดจากการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้เห็น “อยู่ในเซี่ยงไฮ้นี่แหละ อยู่ไหนไม่รู้ หาให้ทั่ว”

 

 

เขายกมือขึ้นลูบลำคอที่ถูกเข็มปักเมื่อคืน

 

 

“มาแล้ว” เขากดตัดสาย ยืนตรงแล้วเดินเข้าไปข้างใน

 

 

เขาตามฉินหร่านมาเซี่ยงไฮ้ เพื่ออยากขอให้เธอช่วยพูดกับผู้บัญชาการเฉียนให้หน่อย

 

 

แม้คฤหาสน์จะกว้างใหญ่ ประตูเหล็กจะวิเศษ แต่เจียงตงเย่คิดแต่เรื่องกู้ซีฉือ ไม่มีแก่ใจสนใจเรื่องอื่นแล้ว

 

 

ตั้งใจว่าเข้าไปข้างในไม่กี่นาทีแล้วจะกลับ

 

 

 

 

ข้างในมีคฤหาสน์สามชั้นอยู่หลังหนึ่ง เป็นสไตล์แบบกอทิก

 

 

ฉินหร่านสแกนนิ้วหน้าประตูนิ่งๆ แล้วเข้าไปทันที

 

 

ชั้นหนึ่งเป็นห้องรับแขกทั้งชั้น นอกจากของตกแต่งไม่กี่ชิ้นแล้ว แทบจะไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย

 

 

“ยินดีต้อนรับ” เสียงระบบดังขึ้น

 

 

หุ่นยนต์สูงราวๆ ร้อยยี่สิบเซนติเมตรเดินออกมาจากมุมห้อง ถอดในมือมีน้ำวางอยู่หลายขวด “เจ้านายกำลังลงมาแล้ว”

 

 

เฉิงมู่ไม่เคยเห็นหุ่นยนต์แบบนี้ แต่เมื่อเห็นแววตาที่ค่อนข้างนิ่งเฉยของเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่าน เขาสะกดกลั้นความสงสัยของตัวเองไว้

 

 

ไม่อยากให้ตัวเองดูอ่อนต่อโลกขนาดนั้น!

 

 

เพื่อนคนนี้ของคุณหนูฉินเป็นใครกันแน่!

 

 

หุ่นยนต์ตัวนี้มาจากไหน!

 

 

แถมยังฉลาดขนาดนี้

 

 

เจียงตงเย่ไม่มีความอดทน เมื่อถึงห้องโถง ก็ดับบุหรี่ภายใต้สายตาของเฉิงเจวี้ยน “คุณหนูฉิน เพื่อนเธอล่ะ”

 

 

เขาตั้งใจว่าเจอเพื่อนของฉินหร่านแล้วก็จะกลับทันที

 

 

สั่งให้คนขับรถมารับเขาแล้ว

 

 

“น่าจะอยู่บนชั้นสาม” ฉินหร่านหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วตอบ คนคลั่งศาสตร์แพทย์อย่างกู้ซีฉือ เวลาวิจัยอะไรจะกินนอนอยู่ในห้องทดลอง

 

 

เจียงตงเย่มองหาถังขยะแล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้ง จากนั้นก็มองเฉิงเจวี้ยน “ท่านเจวี้ยน ฉันก็มาแล้ว ตอนนี้กลับได้หรือยัง”

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่พูดอะไร

 

 

ฉินหร่านก็ไม่สนว่าเจียงตงเย่จะกลับหรือไม่

 

 

เจียงตงเย่เห็นพวกเขาไม่สนใจเขา ก็อดลูบจมูกป้อยๆ ไม่ได้ จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางประตู

 

 

“มันคือเสี่ยวเอ้อร์” ฉินหร่านหยิบน้ำแก้วหนึ่งจากถาดของเสี่ยวเอ้อร์ น้ำเสียงราบเรียบ “หุ่นยนต์พ่อบ้านรุ่นหนึ่ง”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งพยักหน้า มองเสี่ยวเอ้อร์อย่างฉงนใจ แต่ไม่นานก็ถูกของอย่างอื่นในห้องโถงดึงดูดความสนใจแทน

 

 

สิ่งของในห้องโถงมีแต่ของประหลาด วางอยู่บนโต๊ะตรงกลางห้อง เป็นเพชรก้อนใหญ่มหึมา รูปร่างคล้ายดอกไม้

 

 

สะท้อนแสงระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์

 

 

“ก้อนใหญ่ขนาดนี้ วางอยู่แบบนี้ตลอดเลยเหรอ ไม่กลัวขโมยหรือไง” แม้แต่ลู่จ้าวอิ่ง ก็อดเดาะลิ้นไม่ได้ เดินวนรอบเพชรก้อนนี้อยู่นานสองนาน

 

 

ครั้งก่อนที่ฉินหร่านมา ยังไม่เห็นเพชรก้อนนี้

 

 

เธอก็สงสารมากเช่นกัน “ไม่รู้ว่าเอามาวางตั้งแต่เมื่อไร”

 

 

น้อยครั้งที่ฉินหร่านจะถามเรื่องส่วนตัวกับกู้ซีฉือ ทั้งคู่เป็นเพื่อนตาย แต่ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากนัก

 

 

“เมื่อครึ่งปีก่อน” เฉิงเจวี้ยนไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ จึงนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่ง กำลังอธิบายกับฉินหร่านอย่างไม่รีบร้อน

 

 

ฉินหร่านยังไม่ทันได้พูดอะไร

 

 

ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากชั้นบน เจือความเย็นชาดุจเสียงของหินหยก เสียงใสกังวาน “ใช่แล้ว คุณรู้ได้ยังไง”

 

 

น้ำเสียงฟังดูฉงนใจมากทีเดียว

 

 

อุณหภูมิในบ้านของกู้ซีฉืออยู่ที่ 24 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี เขาไม่สวมเสื้อโค้ต ช่วงบนยังคงเป็นเชิ้ตขาวเช่นเดิม

 

 

เขาเดินลงมา มองเฉิงเจวี้ยนอย่างคลางแคลงใจ เพชรก้อนนี้มีความเป็นมาไม่ธรรมดา มีแค่พ่อค้าเพชรที่พอรู้อยู่บ้าง แม้แต่ผู้การแมทธิวยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เฉิงเจวี้ยนรู้ได้อย่างไร

 

 

เฉิงมู่กับลู่จ้าวอิ่งพากันมองชั้นบนอย่างไม่รู้ตัว ด้วยอยากดูว่าทำไมฉินหร่านถึงพาพวกเขามาหาเพื่อนคนนี้

 

 

ขณะที่เฉิงมู่มอง ก็อดยื่นมือไปลูบเพชรไม่ได้

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าใบนั้น เขาก็ตกใจจนมือสั่นระริก ใบหน้าเรียบเฉยมีอารมณ์อื่นปรากฏให้เห็นอย่างเกิดขึ้นได้ยาก

 

 

กู้ กู้ซีฉือ?

 

 

เขาคือเพื่อนที่ให้ฉินหร่านผ่านทุกการสแกนภายในบ้านคนนั้นน่ะเหรอ!

 

 

เฉิงมู่รู้ว่าฉินหร่านรู้จักกู้ซีฉือ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสนิทกันขนาดนี้ แถมยังพาพวกเขามาถึงรังของกู้ซีฉืออีกด้วย!

 

 

สมองนึกถึงบิ๊กบอสแมทธิวที่อยู่เบื้องหลังกู้ซีฉือขึ้นมาในพริบตา

 

 

สีหน้าของเฉิงมู่เปลี่ยนไป รีบหดมือที่สัมผัสเพชรก้อนนั้นกลับมาเป็นพัลวัน

 

 

ส่วนหน้าประตู เจียงตงเย่เปิดประตูเตรียมตัวจะกลับแล้ว

 

 

เมื่อได้ยินเสียง เขาก็รู้แล้วว่าเพื่อนของฉินหร่านมาแล้ว เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ก็ตัดสินใจทักทายเพื่อนคนนั้นของฉินหร่านก่อนค่อยกลับ

 

 

เมื่อหันกลับมา ก็เห็นกู้ซีฉือยืนพิงโต๊ะที่วางเพชรก้อนนั้นเข้าพอดี

 

 

เห็นแค่ใบหน้าด้านข้าง

 

 

แต่เจียงตงเย่ยังคงจำได้

 

 

มือที่วางอยู่บนด้ามจับประตูชาไปแล้ว คิดอยู่เนิ่นนาน กว่าจะเอ่ยปากเรียกอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “กู้ซีฉือ?”

 

 

เขาตัวแข็งอยู่กับที่ทันที ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กู้ซีฉือที่ตัวเองพลิกแผ่นดินตามหาทั่วโลกยังไม่เจอแม้แต่เงา จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาเป็นครั้งที่สอง

 

 

กู้ซีฉือหันหน้ามา ยกแอปเปิลจากถาดในมือของเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมากัด พูดเสียงอู้อี้ว่า “ผมขอเตือนว่าอย่าทำอะไรตามอำเภอใจ บ้านของผมเต็มไปด้วย…อะแฮ่ม กับดักไฮเทคที่คนอื่นวางไว้ ในบ้านผม ผมเป็นที่หนึ่ง”

 

 

ขณะที่พูด กู้ซีฉือยังดีดนิ้วด้วย มีเซนเซอร์สีแดงหลายเส้นปรากฏขึ้นรอบตัวเจียงตงเย่ทันที

 

 

ฉินหร่านขี้เกียจจะสนใจเจ้างั่งกู้ซีฉือ

 

 

เจียงตงเย่ที่ยังตะลึงพรึงเพริด “…”

 

 

“พวกคุณเดินเล่นในชั้นหนึ่งต่อได้เลย ทางนั้นมีโต๊ะคอมพิวเตอร์เพียบ มีอะไรให้บอกเสี่ยวเอ้อร์” กู้ซีฉือกลืนแอปเปิล พูดกับเฉิงมู่และลู่จ้าวอิ่ง จากนั้นมองเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านแล้วพูดว่า “เสี่ยวหร่านเอ๋อร์ เอ่อ…รุ่นพี่ ทั้งสองคนตามผมขึ้นมาหน่อย”

 

 

เฉิงเจวี้ยนขานรับในลำคอนิ่งๆ หันหลังเดินออกไปสองก้าว “ขึ้นไปเถอะ ขอดูงานวิจัยของนายหน่อย”

 

 

“ยังขาดอีกหลายขั้นตอน คุณมาได้เหมาะเจาะพอดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เสี่ยวหร่านเอ๋อร์ไปหาคุณ” กู้ซีฉือแทะแอปเปิลต่อ

 

 

เมื่อได้ยินกู้ซีฉือเรียกเฉิงเจวี้ยนว่าศิษย์พี่ ฉินหร่านก็เลิกคิ้ว

 

 

แม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อคืนกู้ซีฉือฟังเฉิงเจวี้ยนจนยอมจำนนในท้ายที่สุด

 

 

ทั้งสามคนเดินขึ้นชั้นบนพร้อมกัน

 

 

แต่ทว่าสามคนข้างล่างต่างก็นิ่งอยู่กับที่

 

 

โดยเฉพาะเจียงตงเย่ หัวสมองดังวิ้ง

 

 

เพื่อนของฉินหร่านคือกู้ซีฉือ ถึงขั้นที่กู้ซีฉือให้รหัสในบ้านกับเธอ

 

 

กู้ซีฉือเรียกเฉิงเจวี้ยนว่า…รุ่นพี่

 

 

เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบพิลึกพิลั่น

 

 

นี่มันโลกแฟนตาซีอะไรกัน

 

 

มือถือในกระเป๋าแผดเสียง

 

 

เจียงตงเย่กดปิดรับสายอย่างแข็งทื่อ

 

 

ปลายสายเป็นเสียงฟังสบายของสมุนเขา “คุณชายเจียง เมื่อกี้คุณเร่งพวกผมไม่ใช่เหรอ ทำไมพอพวกผมมาถึงแล้วคุณยังไม่ออกมาอีกล่ะ พวกเราอยู่หน้าประตูเหล็ก คุณรีบออกมาเถอะ!”

 

 

เจียงตงเย่ “…”

 

 

จะออกไปอีกทำไม! ตอนนี้เขางงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว!