ตอนที่ 124 การสังหารอย่างเหี้ยมโหด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เสียงที่เย็นยะเยือกดังก้องออกมาในทันใด

“เจ้าสัตว์ผีต่ำช้า กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายหลานสาวของมู่อวู่ซวงผู้นี้!” ดวงตาสีม่วงเงินคู่นั้นของมู่อวู่ซวง นำพามาซึ่งบรรยากาศเย็นยะเยือกราวกับว่าจะเปลี่ยนให้สถานที่แห่งนี้เป็นนรกภูมิ

“ท่านอาเล็ก!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตระหนกตกใจ

นางเป็นคนใช้ยาบังคับให้ท่านอาแกล้งตาย ทว่าท่านอากลับสามารถระงับยานั้นได้และฟื้นขึ้นมาเช่นนี้

“พลังนี้… ใช่แล้วพลังนี้… เป็นเจ้า! ฮ่า ๆ ๆ ขอเพียงแค่ข้าได้กินเจ้าเท่านั้น ข้าก็จะทรงพลังยิ่ง! พลังของข้าจะแข็งแกร่ง จะไม่มีใครเทียบข้าได้อีกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

สัตว์ประหลาดหยุดการโจมตีมู่เฉียนซีก่อนจะหันไปสนใจมู่อวู่ซวงแทน มันจ้องมู่อวู่ซวงอย่างละโมบ

จี๋ซ่านเบิกตากว้าง กล่าวว่า “อ๊า! นายท่าน พลังที่นายท่านรับรู้ได้นั้นมิใช่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยหรอกหรือ แต่เป็นมู่อวู่ซวงผู้นี้หรอกรึ ? เป็นไปได้อย่างไร ?!”

“ใช่มันผู้นี้ มันผู้นี้แหละที่ข้ารู้สึกไม่ผิดแน่!”

สัตว์ประหลาดตนนี้มองมู่อวู่ซวง น้ำลายไหลย้อยมุมปากลงมา ช่างน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง  กล่าวจบมันก็พุ่งตรงเข้าหามู่อวู่ซวงทันที

— ตูม! —

พลังที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากร่างของมู่อวู่ซวง พุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดนั่นทันที มันหลบหนีได้ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างลำพองตน

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ผนึกของเจ้าถูกแก้ได้เพียงครึ่ง พลังของเจ้ายังอ่อนแอนัก  ขาทั้งสองของเจ้ายิ่งไร้ประโยชน์ แล้วเยี่ยงนี้มันจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร ข้าว่าเจ้ายอมเป็นอาหารอันโอชะให้ข้ากินเสียดี ๆ จะดีกว่า”

ในขณะที่มือทั้งสองของมันกำลังจะจับมู่อวู่ซวง มู่อวู่ซวงกลิ้งตัวหลบไปได้ เนื่องจากขาทั้งสองข้างของเขามิสามารถขยับได้จึงทำให้เขามิอาจใช้พลังได้อย่างเต็มที่

มู่อวู่ซวงตะโกนขึ้น “ซีเอ๋อร์ รีบหนีไปเร็ว!”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็รีบลุกขึ้นทันที แต่ในขณะนี้นั้น อาถิงหลับใหลไปแล้ว พลังความแข็งแกร่งของนางเป็นเพียงจอมภูติระดับหนึ่ง ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดตนนี้ได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็จะไม่ยอมให้ท่านอาเล็กของนางต่อสู้เพียงลำพังเด็ดขาด

“โต้วอิ่ง รีบพาซีเอ๋อร์หนีไปเร็ว!”

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์ประหลาดระดับต่ำ ทว่าในแคว้นจื่อเยี่ยนี้ก็ยากที่จะมีคนมาต่อกรกับมันได้ สิ่งที่มู่อวู่ซวงทำได้คือถ่วงเวลาไว้เพื่อให้มู่เฉียนซีหนีไปก็เท่านั้น

“ความตายมาเยือนเจ้าเช่นนี้แล้ว ยังจะคิดเป็นห่วงผู้อื่นอีกเรอะ ?” สัตว์ประหลาดหน้าขนก้มลง พุ่งเข้าใช้ขาหน้าอัดมู่อวู่ซวงเข้าเต็มเปา

“พรวด!” มู่อวู่ซวงกระอักเลือดกบปาก

กลิ่นเลือดสดของมู่อวู่ซวงยิ่งทวีความละโมบของสัตว์ประหลาดตนนี้ มันอ้าปากกว้าง พุ่งเข้าหามู่อวู่ซวงอย่างไวว่อง “เร็วเข้าเถอะ มาเป็นอาหารอันโอชะให้แก่ข้าผู้นี้… อา…”

— ฟิ้ว! —

มู่เฉียนซีไม่นิ่งเฉย นางปล่อยเข็มพิษนับไม่ถ้วนเข้าใส่สัตว์ประหลาด

“ระเบิด!”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เข็มพิษนั้นระเบิดที่แขนของมัน พลันเกิดหมอกควันสีขาวเข้าปกคลุมร่างของมันในชั่วขณะ  หมอกสีขาวพิษร้ายแรงเช่นนี้ แน่นอนว่าหากเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ทว่านี่คือสัตว์ประหลาด มิใช่มนุษย์ตัวกระจ้อย จึงมีผลกระทบต่อมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มู่เฉียนซีรีบเข้าประชิดร่างมู่อวู่ซวง พยุงท่านอาเล็กไว้ กล่าวว่า “ท่านอา รีบไปเถอะ!”

เมื่อหมอกควันสีขาวสลายหายไป เงาร่างอันมหึมาเข้าปกคลุมทั้งสองไว้ สัตว์ประหลาดกล่าวขึ้นว่า “จะหนีรึ ?! เหอะ! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หนีข้าไม่พ้น …มนุษย์หน้าโง่ ไปตายซะ!”

พลังอันมหาศาลพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี นางกำลังตกอยู่ในอันตราย ดวงตาสีม่วงเงินของมู่อวู่ซวงในตอนนี้ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ  เขาพร้อมที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องหลานรัก

ในตอนนั้นเองเสียงอันเยือกเย็นไร้ความปรานีดังขึ้นราวกับเสียงนรกโลกันต์ “เจ้าตุ่นน้อย… คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำร้ายว่าที่พระชายาของข้า!”

บุรุษชุดดำผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ในอากาศราวกับปีศาจยามรัตติกาล ชุดคลุมสีดำนั้นพลิ้วไสวตามสายลมที่พัดโชยไป ยามดึกสงัดเช่นนี้ เขาเปรียบเสมือนราชาแห่งความมืด ไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนเขาได้

จี๋ซ่านแค่นเสียง “เยี่ยอ๋อง ในที่สุดก็มาจนได้”

มู่เฉียนซีมองบุรุษที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้ายามรัตติกาล นางผงะไปครู่หนึ่ง ในใจพลันคิด

‘เขามาแล้ว!’

“เจ้าตุ่นงั้นรึ! ต่อหน้าข้าเช่นนี้ มนุษย์เยี่ยงเจ้าต่างหากที่เป็นเจ้าตุ่น!” สัตว์ประหลากกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ สองขาหน้าของมันพุ่งตรงไปที่จิ่วเยี่ย แต่ร่างสีดำอันเยือกเย็นนั้นสามารถหลบได้เสมือนว่าง่าย ๆ  ทันใดนั้นพลังสะเทือนสวรรค์เข้าครอบคลุมร่างของสัตว์ประหลาดนี้ไว้

— ตูม! —

ภายในชั่วพริบตาเดียว ร่างของมันกระเด็นออกมานอกวิหารอย่างรุนแรง ร่างกระแทกกับยอดเขาจนเป็นรูใหญ่ หินจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากยอดเขา พลังของมันก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายระคนเย็นชา เขาขยับนิ้วเพียงเล็กน้อย ผนึกวิญญาณของสัตว์ประหลาดก็ออกมาจากร่างทันที มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่ง

“อ๊า! ไม่! ม่ายยยย! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”

แสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาซวนหยวนจิ่วเยี่ย “ไปตายซะ!”

“อ๊าก! เจ้าเป็นใครกันแน่ ? เหตุใดที่นี่ถึงได้มีพลังเช่นนี้อยู่ ?!”

ไม่นานนักผนึกวิญญาณของสัตว์ประหลาดก็ถูกทำลายไปในทันที เสียงกรีดร้องคำรามดังสนั่นไปทั่วทั้งสำนักจี๋หั่ว

หัวหน้าสำนักจี๋หั่วอย่างจี๋ซ่าน เห็นเช่นนี้แล้วหวาดกลัวร่างสั่นเทิ้ม เดิมทีคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเซี่ยโจวมีเพียงจักรพรรดิแห่งภูติระดับเก้าเท่านั้น ต่อให้ซวนหยวนจิ่วเยี่ยแกร่งกล้าเพียงใด เขาก็เป็นได้เพียงจักรพรรดิแห่งภูต

นายท่านของเขามีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับคนอย่างซวนหยวนจิ่วเยี่ยได้สบาย ๆ  เป็นไปได้อย่างไรว่าผู้ที่เขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดนั้นจะพ่ายแพ้ให้แก่ซวนหยวนจิ่วเยี่ย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ

ไม่นานนักเขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่ปกคลุมตัวเขาอยู่ จี๋ซ่านเป็นคนกลัวความตาย  เขารีบสั่งให้ลูกน้องขัดขวางจิ่วเยี่ยไว้

“ขวางมันเอาไว้ ขวางมันไว้!” เขาต้องการให้ลูกน้องขวางจิ่วเยี่ยเอาไว้เพื่อที่เขาจะยื้อเวลาหนีเอาตัวรอด

ศิษย์ของสำนักจี๋หั่วหวาดกลัวจิ่วเยี่ยจนตัวสั่น แต่ด้วยคำสั่งเจ้าสำนัก พวกเขาจำต้องเข้าไปขวางอย่างระมัดระวังที่สุด แต่ในตอนนี้นั้น ดวงตาที่เย็นยะเยือกเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีเลือดแดงก่ำ เขาโบกมือเล็กน้อยเท่านั้น ทว่า…

— ตูม! —

เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุดลง ร่างของศิษย์สำนักจี๋หั่วกลายเป็นโครงกระดูกขาวภายในชั่วพริบตาเดียว

“ปีศาจ! ปีศาจชัด ๆ!” จี๋ซ่านเบิกตากว้างจนดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า เขามองจ้องบุรุษผู้ที่อยู่ตรงหน้า จู่ ๆ หน้ากากบนใบหน้าลดต่ำลงมา อา… น่ากลัว น่ากลัวจริง ๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าใบหน้าใต้หน้ากากนั้นจะมีลวดลายดั่งเถาวัลย์เช่นนี้ น่ากลัวยิ่งนัก!

ดุร้าย เหี้ยมโหด กระหายเลือดดั่งภูตผีปีศาจ ชวนให้ผู้คนตระหนกตกตื่น

มู่เฉียนซีเองก็ผงะไปครู่หนึ่ง “จิ่วเยี่ย!”

‘เหตุใดใบหน้าเขาถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ?’

นางเคยเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นของเขาแล้ว ใบหน้าของเขางดงามยิ่งนัก ไม่มีความน่าหวาดกลัวเช่นนี้

— ตูม! —

จิ่วเยี่ยดุจดั่งภูตผีปีศาจ สำนักจี๋หั่วทั้งสำนักพังทลายลง สำนักนิกายที่สง่างาม พระราชวัง ตำหนัก และหอคอยทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ภายในชั่วพริบตาเดียว ศิษย์ทั้งหมดของสำนักก็ได้กลายเป็นโครงกระดูก ตอนนี้คงจะไปรายงานตัวกับยมทูตแล้ว

นี่เป็นการฆ่าทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก แม้แต่มู่อีและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงตาค้างกันไปหมด  พวกเขารีบรวมตัวกันไปปกป้องมู่เฉียนซีทันที

ความรู้สึกของพวกเขา เยี่ยอ๋องเปลี่ยนไปราวกับเป็นภูตผีปีศาจจากนรกภูมิ

เมื่อเขาจัดการกับคนพวกนั้นหมด เกรงว่าจะมาทำร้ายท่านผู้นำตระกูลมู่เฉียนซี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปกป้องท่านผู้นำตระกูลให้ดีไว้ก่อน

.