บทที่ 196: ฉันมาที่นี่เพื่อเรียกคุณ

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 196: ฉันมาที่นี่เพื่อเรียกคุณ

สามวันต่อมาในห้องรับรองของสวนร้อยปักษา โรเอลกำลังนั่งดื่มชายามบ่ายกับชาร์ล็อต แม้ว่ากลิ่นหอมอันเข้มข้นจะลอยขึ้นมาจากถ้วยชา จะทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย แต่ใบหน้าเหนือไอน้ำที่ระเหยออกมาจากถ้วยนั้นกลับดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

โรเอลจิบชาพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสามวันที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ในวันที่โรเอลซื้อไม้เท้าอสรพิษเก้าหัวมา โรเอลได้คุยกับเปตราอยู่พักหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ถามเด็กชาย เกี่ยวกับความก้าวหน้าระหว่างเขากับชาร์ล็อต พร้อมมอบพรอย่างหนึ่งให้

เทพธิดาแห่งผืนปฐพีนั้นมีชื่อเสียงมากที่สุดในฐานะเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยวตั้งแต่สมัยโบราณ อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการสืบพันธุ์ด้วยเช่นกัน ทำให้ในมุมมองของเปตราการให้กำเนิดบุตรมีความสำคัญอย่างยิ่ง และควรได้รับการส่งเสริม ยิ่งไปกว่านั้นหากพูดถึงโรเอลแล้วล่ะก็…

อะไรนะ? เจ้าเป็นลูกหลานเพียงคนเดียวในรุ่นปัจจุบันของตระกูลแอสคาร์ดงั้นเหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาเลย!

ขืนปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ให้กำเนิดบุตรซะ! เจ้าต้องไปทำการร่วมรัก! ไม่ใช่แค่การร่วมรักทั่ว ๆ ไปด้วย เจ้าต้องทำมันอย่างจริงจัง!

เปตรา อธิบายให้โรเอลฟังว่าพรของเธอทำงานอย่างไร ซึ่งเด็กชายก็เข้าใจได้ไม่ยากด้วยความคิดทางวิทยาศาสตร์ พรนี้จะทำหน้าที่เพิ่มอัตราการตกไข่ และเสริมสร้างสเปิร์มให้แข็งแรง ส่งผลให้ฝ่ายหญิงพร้อมที่จะยอมรับ และฝ่ายชายพร้อมที่จะก้าวร้าวเต็มที่ ไม่นานนักความรักของคู่รักก็จะตกผลึกออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้… หรือจะพูดให้ชัดก็คือเป็นรูปร่าง

ใช่ ที่ได้รับพรจากเปตราแทบจะรับประกันการให้กำเนิดบุตรมากกว่าหนึ่งคน

“พรของข้าจะแตกต่างกันออกไปตามเชื้อชาติ สายเลือด พรสวรรค์ และความแข็งแกร่งของผู้ได้รับพร”

หากพรของเปตรา มอบให้กับแม่สุกร แม่สุกรก็จะสามารถให้กำเนิดลูกสุกรสิบตัวได้อย่างง่ายดายภายในรอบการตั้งครรภ์เพียงครั้งเดียว ทำให้เธอสามารถให้กำเนิดลูกหลานจำนวนมากได้ แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ เพราะขีดจำกัดทางกายภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ทำให้พวกเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรจำนวนมากได้ในคราวเดียว นอกจากนี้ ยิ่งสายเลือดและพรสวรรค์ของตัวบุคคลแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พรก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น

“หากดูจากสายเลือดของเจ้ากับเด็กหญิงคนนั้นแล้วล่ะก็ มากสุดก็คงแค่ฝาแฝด”

ด้วยบทบาทในฐานะสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เปตราจึงวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างจริงจัง และเริ่มวางแผนการหลังคลอดให้กับพวกเขา คำพูดของเธอทำให้คิ้วของโรเอลกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

ได้โปรด ใครก็ได้หยุดเธอที!

“ตอนนี้ชาร์ล็อตยังเด็กเกินไป เธอจะไปมีลูกกับฉันได้ยังไง?”

โรเอลโต้กลับด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

คำพูดของเด็กชายทำให้เปตรา ซึ่งกำลังจะใช้คาถาเวท หลังจากที่พักผ่อนมานาน รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หืม? นี่ข้าคิดผิดไปงั้นเหรอ? ข้าได้กลิ่นการผสมพันธุ์ที่รุนแรงทุกครั้งที่พวกเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน มันน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่จะมีเพศสัมพันธ์นี่นา?

เปตราขดตัวอยู่บนพื้น สับสนกับสถานการณ์อันไร้เหตุผล อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเธอก็ตระหนักได้ พร้อมมองไปที่โรเอลอย่างอ่อนโยน

“เจ้าหนู ไม่ต้องกังวลไป ข้ามีพรสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกประหม่า เกี่ยวกับความบกพร่องของเจ้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะทำมันออกมาได้ดี…”

“หา? เดี๋ยวสิ นี่เธอกำลังจะสื่อว่ายังไง? ใครบอกว่าฉันทำไม่ได้ ฉันทำได้! ฉันทำได้อยู่แล้ว!”

โรเอลถูกเปตราพาออกนอกเรื่องไปในที่สุด เด็กชายปฏิเสธคำพูดของเธอด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ ภายใต้การจ้องมองที่ปลอบโยนของเทพีแห่งผืนปฐพี เขาคิดที่จะดึงกางเกงของตัวเองลงเพื่อพิสูจน์ว่าร่างกายของเขาแข็งแรงอยู่ด้วยซ้ำ

เปตราตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า เธอเข้าใจผิดไป เทพีแห่งปฐพีจึงกลับมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้กำเนิดบุตรแก่โรเอล ราวกับมารดาที่กำลังกระตุ้นให้ลูกชายของตนเร่งรีบมีบุตร เพื่อที่จะได้เจอหลานเร็ว ๆ เพียงแค่ว่าคำแนะนำของเธอนั้นตรงไปตรงมาเกินไป…

“พวกเจ้าสองคนนอนด้วยกันตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ? เจ้าก็ขอเธอซะสิ ข้าไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธเจ้าหรอกนะ”

“นั่นเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากอาการป่วยของฉันเท่านั้น!”

“เชื่อข้าเถอะ การขยายพื้นที่เมื่อมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องดี ยิ่งเจ้าเข้าไปลึกเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น”

“…”

ว้าว ที่เธอพูดมันมีเหตุผลมากจริง ๆ มากจนฉันพูดไม่ออกเลย!!!

เทพีโรคจิตได้ถ่ายทอดทฤษฎีพื้นฐานให้แก่โรเอล ทำให้เด็กชายรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ชาร์ล็อตส่งข่าวมาให้เขาในจังหวะนั้นพอดี โรเอลจึงสามารถจบบทสนทนากับเปตราได้อย่างรวดเร็ว ด้วยข้ออ้างว่าเขาต้องกลับไปที่คฤหาสน์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรักษา

น่าเสียดายที่ผลการรักษาไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก

สามวันหลังจากนั้น ชาร์ล็อตได้พาโรเอลไปพบกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง และจอมเวทผู้มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือผู้ที่ทรงความรู้มากที่สุดอย่าง แอนดรูว์ มาร่า นักวิชาการพเนจร

แอนดรูว์ มาร่าเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 ผู้มีอายุมานานกว่าร้อยปี เขาเกิดในครอบครัวธรรมดา ๆ ในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล แอนดรูว์เป็นเด็กหนุ่มธรรมดา ๆ ที่มีผลการเรียนค่อนข้างดี ทำให้คนที่รู้จักคิดว่าเขาน่าจะกลายเป็นข้าราชการพลเรือนทั่ว ๆ ไป​ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโบรเนล อย่างไรก็ตามแอนดรูว์นั้นมีความสนใจที่แตกต่างไปจากเพื่อน ๆ ในรุ่น นั่นก็คือเขารักการผจญภัย

หลังจากจบการศึกษา ต่างจากนักวิชาการคนอื่น ๆ ที่มักจะกักขังตัวเองอยู่บ้าน แอนดรูว์เริ่มออกเดินทางไปยังอาณาจักรต่าง ๆ เพื่อขวนขวายหาความรู้ ร้อยปีที่แล้ว แอนดรูว์ในวัยหนุ่มได้เริ่มออกสำรวจซากปรักหักพังต่าง ๆ นอกขอบเขตของดินแดนมนุษย์ เขาเข้าร่วมกลุ่มนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงหลายกลุ่ม ได้รับความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ เริ่มสร้างชื่อให้ตัวเองทีละน้อย

เมื่อแอนดรูว์กลับมาที่โบรเนล เขาก็ได้รับคำเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาของภาคีแห่งภูมิปัญญาหลากหลายที่ แต่ท้ายที่สุด เขาก็เลือกที่จะติดตามหัวหน้ากลุ่มนักผจญภัยที่ตัวเองเข้าร่วม ซึ่งก็คือ บรูซ โซโรฟยา ไปที่เมืองโรซ่า

แอนดรูว์เริ่มมีชื่อเสียงในช่วงหลังของชีวิต ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่สำหรับโรเอล ดังที่ปราชญ์ผู้รอบรู้ในอดีตเคยกล่าวไว้ว่า ‘อ่านหนังสือพันเล่ม เดินหนึ่งล้านก้าว ขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของคุณ’ นักวิชาการที่ซุกตัวอยู่ในห้องเพื่อการวิจัยอาจประสบความสำเร็จได้ไม่ยากตามสูตรสำเร็จ แต่ถ้าหากไม่เคยได้ใช้ความรู้ทางวิชาการเหล่านั้นไปปฏิบัติจริง และเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ความพยายามส่วนใหญ่ของพวกเขาก็สูญเปล่า

ในฐานะที่เคยต้องแข่งขันกับโชคชะตาเพื่อเพิ่มความสามารถและปลุกพลังสายเลือด เรียกได้ว่าโรเอล กำลังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันกับแอนดรูว์ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกใกล้ชิดกับชายชราคนนี้เป็นพิเศษ

กลับกันแล้ว แอนดรูว์ที่เป็นถึงคนสนิทของบรูซ เขาก็ได้เฝ้าดูชาร์ล็อตเติบโตขึ้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงสนิทสนมกันราวกับปู่และหลานสาว เมื่อชาร์ล็อตหลงรักโรเอล​ ทำให้ความประทับใจของแอนดรูว์ที่มีต่อเด็กชายเองก็ค่อนข้างดีเช่นกัน

เป็นเรื่องที่ดีสำหรับแพทย์และผู้ป่วยที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ทว่าน่าเสียดายที่ความได้เปรียบเพียงเล็กน้อยนี้ ไม่เพียงพอที่จะทำให้โรเอลฟื้นตัวได้

“เจ้าหนู มีบางอย่างผิดปกติอย่างมากเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเจ้า”

แอนดรูว์ใช้เวลาสามวันในการตรวจสภาพร่างกายของโรเอล ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งภายในและภายนอก ก่อนจะตัดสินโดยนัยว่า ‘ไม่มีความหวังสำหรับเธอ’ ทำให้โรเอลและชาร์ล็อตตกตะลึงถึงขีดสุดจนพูดอะไรไม่ออก​ แต่ก่อนที่พวกเขาจะหมดความอดทน ชายชราก็ได้อธิบายต่อ

คำอธิบายอันยืดยาวโดยสรุปของแอนดรูว์ก็คือ สภาพอาการบาดเจ็บของโรเอลนั้นเป็นผลมาจากโรคในสมัยโบราณ และสิ่งที่เขาทำในตอนนั้น ก็คือการแลกเปลี่ยนพลังชีวิตเป็นพลังเวท ซึ่งเป็นคาถาเวทโบราณที่เลิกใช้ไปนานแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไป โรคส่วนใหญ่ที่คิดว่ารักษาไม่ได้ในอดีต มักจะได้รับการวิจัยและรักษาอย่างละเอียด ทำให้แพทย์สามารถคิดค้นวิธีการรักษาและยาใหม่ ๆ เพื่อจัดการกับโรคเหล่านั้นได้ น่าเสียดายที่เพียงเพราะวิธีการรักษาบางอย่างที่ใช้ได้ผลในอดีต​ ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเลียนแบบได้ในปัจจุบัน

มีวิชาแพทย์โบราณมากมายที่บอกรายละเอียดวิธีการรักษาพลังชีวิต โดยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การกินน้ำค้างของต้นไม้แห่งชีวิต ปัญหาก็คือ…

ตอนนี้ ต้นไม้แห่งชีวิต อยู่ที่ไหน?

ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ยาแผนโบราณและวิธีการรักษาส่วนใหญ่จึงไม่สามารถเลียนแบบขึ้นมาได้ แม้ว่าวิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถบรรเทาอาการของโรเอลได้ แต่มันก็ยังไม่สามารถรักษาเขาได้

“คาถาเวทที่แลกเปลี่ยนพลังชีวิตเป็นพลังเวท นั้น​ มีรากฐานมาจากพิธีกรรมอันน่าสยดสยองในการถวายเครื่องบรรณาการ ที่ซึ่งเทพเจ้าชั่วร้ายจะดูดซับพลังชีวิตของเครื่องสังเวยเพื่อสำแดงพลัง หากย้อนกลับไปในยุคที่ต้นไม้แห่งชีวิตยังคงมีอยู่ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะใช้คาถานี้เมื่อพลังเวทของพวกเขาหมดลง เพื่อเป็นหนทางสุดท้ายในการเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้นไม้แห่งชีวิตได้หายไปในช่วงยุคที่สอง คาถานี้จึงค่อย ๆ สูญเสียความนิยมไป เพราะผลข้างเคียงที่เทียบได้กับความตายของมัน ส่งผลให้เลิกใช้ไปในท้ายที่สุด”

แอนดรูว์พลิกดูบันทึกประวัติศาสตร์ พร้อมอธิบายการวิเคราะห์ของเขาให้โรเอลฟัง แม้ว่าชายชราจะเป็นคนที่คอยอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่นี่ แต่ดวงตาของเขาก็ยังแสดงให้เห็นถึงความขุ่นมัว เต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัย แม้ว่าตระกูลแอสคาร์ดจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่รากฐานของพวกเขาก็ไม่น่าจะย้อนกลับไปถึงช่วงก่อนยุคที่สอง แล้วโรเอลรู้วิธีร่ายคาถาเวทแลกเปลี่ยนพลังชีวิตของคนคนหนึ่งให้เป็นพลังเวทได้อย่างไร?

ขณะเดียวกัน โรเอลเองก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก ๆ เช่นกัน

เทพธิดาแห่งปฐพีได้หายตัวไปจากประวัติศาสตร์โลกเมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้เธอถูกแยกตัวออกจากยุคปัจจุบัน เปตราคงคิดว่าอาการบาดเจ็บจากพลังชีวิตของโรเอลเป็นอะไรที่สามารถรักษาได้ไม่ยาก แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าโรคนี้จะเป็นโรคที่รักษาไม่หายในยุคปัจจุบัน?

“ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้เลยเหรอครับ? ท่านยังไม่ได้พูดถึงวิธีการรักษาอื่น ๆ นอกเหนือจากน้ำค้างของต้นไม้แห่งชีวิตเลยไม่ใช่เหรอ?”

“ข้าลองคิดแล้ว แต่พวกมันไม่น่าจะได้ผล”

เมื่อเผชิญหน้ากับโรเอลที่ไม่ยอมอ่อนข้อ แอนดรูว์ก็ถอนหายใจแล้วอธิบายต่อ

“ไม่ได้มีแค่พืชกลายพันธุ์ในสมัยโบราณเท่านั้น ที่จะมีพลังชีวิตมหาศาล มนุษย์บางคนก็มีพลังชีวิตมหาศาลเช่นกัน บางทีอาจจะมากกว่าต้นไม้แห่งชีวิตด้วยซ้ำ มีพลังสายเลือดโบราณที่หายากบางรูปแบบที่สามารถผลิตพลังชีวิตได้เกือบไม่จำกัด ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง หากเจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเหล่านั้นได้ อาการของเจ้าก็ถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะได้เจอคนแบบนั้นมันน้อยมาก…”

แอนดรูว์พูดอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่ต้องการทำให้เด็กชายจมลึกลงไปในความสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม มันทำให้โรเอลนึกถึงอะไรบางอย่าง

หืม? บางสถานการณ์? พลังชีวิตไม่จำกัด?

ทำไมมันถึงฟังดูคุ้น ๆ แปลก ๆ

ทันใดนั้นภาพของเด็กสาวผมสีเงินที่ยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของโรเอล

ระหว่างนั้นเองโดยที่โรเอลไม่รู้ตัว ที่ทางเข้าเมืองโรซ่า รถม้าที่ได้รับการคุ้มครองโดยกองทัพทหารที่แข็งแกร่งสองกองพลก็ได้เดินทางมาถึงที่หมาย

“พี่ใหญ่ หนูมารับตัวพี่กลับไปแล้วค่ะ”

ภายในรถม้า อลิเซีย แอสคาร์ดมองดูกำแพงเมืองอันสูงตระหง่าน พร้อมพึมพำคำมั่นสัญญานี้ในใจ