บทที่ 219 เกือบถูกเผย

“วี๊ดดดดดดดดดดด”

หลังจากเสียงผิวปากได้ดังลั่น กองกำลังเทียนเว่ยที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลซึ่งนำโดยจางหยวนและเจิ้งยี่ได้พุ่งตรงเข้ามาประดุจเสือร้าย

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว หลู่ฟางและเว่ยฉิงเชินผู้ซึ่งเกือบฟื้นฟูร่างกายเกือบสมบูรณ์ก็ได้ช่วยกันดึงให้แต่ละคนลุกขึ้น พร้อมซัดอาวุธออกมา พวกเขาร่วมมือกับกองกำลังเทียนเว่ย ระบายความโกรธแค้นตีขนาบมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสองด้าน

เป็นตอนนี้ที่หลิวหมิงเองก็ได้รู้สึกตัว

ก่อนหน้านี้เฉินเฉียงนั้นได้ยื้อเวลาอยู่นาน และพยายามลิดรอนพลังการต่อสู้ของศัตรูสุดความสามารถ ทำแม้กระทั่งหลอกเอาสมบัติของศัตรูมาเป็นของตน และสุดท้ายคือหมายให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ร่วมมือกันขนาบจัดการมนุษย์กลายพันธุ์กองนี้จากทั้งสองด้าน

“นักล่าห่าเหวอะไรกัน ข้าว่าแกต้องเป็นพวกฮุยตู๋แน่ๆ พี่น้อง พวกเราโดนมันหลอกแล้ว ช่วยกันฆ่าไอ้นักล่านี่ให้ข้า”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินชื่อฮุยตู๋ แถมในครั้งนี้เขาได้ยินมาจากมนุษย์กลายพันธุ์เสียอีก

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้มีอารมณ์มาฟังเรื่องนี้ในตอนนี้แต่อย่างใด

ก่อนการต่อสู้ เขานั้นได้ฆ่านายพลทักษะพิเศษระดับสูงไปสี่ตน ในตอนนี้เหลืออีกสาม

ส่วนทางเผ่ามนุษย์ของเขาเองก็มีนายพลวิญญาณสามคนคือหลู่ฟาง เว่ยฉิงเชิน และเจิ้งยี่

ตราบใดที่นายพลทักษะพิเศษขั้นสูงทั้งสามถูกกำจัด มีโอกาสที่ชัยชนะจะเป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างมาก

เมื่อคิดได้ดังนี้ เป้าหมายแรกของเฉินเฉียงคือหลิวหมิง

ในทันทีที่หลิวหมิงออกคำสั่ง เขาก็ได้หายไปกลางอากาศ

กว่าหลิวหมิงจะรู้ตัว ก็ได้พบว่ามีรูขนาดใหญ่อยู่ที่หน้าอกของตน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หมูโง่ ในเมื่อเจ้านั้นไม่ยอมมอบค่าใช้จ่ายมาให้ ก็อย่าโทษข้าที่ช่วยมนุษย์ฆ่าพวกเจ้าก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ขยับตัวด้วยความไวแสง และได้ฟาดฟันไปสี่ครั้ง ทำให้นายพลทักษะพิเศษขั้นสูงอีกสองคนได้ตกตาย

เมื่อถึงจุดนี้ นายพลทักษะพิเศษขั้นสูงทั้งหมด ได้ตกตายลงไปในมือของเฉินเฉียง

เป็นตอนนี้ที่เผ่าพันธ์ุมนุษย์ได้เป็นต่อในการต่อสู้นี้

เจิ้งยี่ หลู่ฟาง เว่ยฉิงเชิน นายพลวิญญาณขั้นสูงทั้งสามคนนั้น ในตอนนี้ได้ทำตัวราวกับหมาป่าที่ออกมาจากคราบลูกแกะ ส่วนเฉินเฉียงเองนั้นก็ได้สยายปีกสีเงินของตนฟาดฟันใส่ นายพลทักษะพิเศษขั้นกลางที่เหลืออย่างตื่นเต้นยินดี

และเพื่อไม่ให้พลาดไปทำคนอื่นเจ็บตัว เฉินเฉียงได้ทิ้งระยะห่างจากเผ่าพันธุ์ของตน และด้วยปีกสีเงินนี้แล้ว ยามที่เขาใช้เคลื่อนย้ายพริบตา ทำให้เขานั้นราวกับเทพสงครามในสนามรบแห่งนี้

“ไม่ดีแล้ว อย่าให้พวกมันหนีไปได้”

ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังฆ่าฟันอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงของเจิ้งยี่

กลายเป็นว่าเมื่อไม่หลงเหลือยอดฝีมือฝั่งตนแล้วพร้อมกับอีกฝั่งที่มียอดฝีมือถึงสามคน นี่ทำให้เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่หวังจะชนะไปได้ จึงเริ่มมีการหลบหนี

ยังดีที่จางหยวนรู้ตัวและตอบสนองได้ทัน เขาได้จัดการสับร่างของนายพลทักษะพิเศษที่หนีขาดครึ่งได้ทัน

อย่างไรก็ตาม ได้มีนายพลทักษะพิเศษสองตนได้บินหนีขึ้นฟ้าไป และพุ่งตรงออกจากสนามรบไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉียงไม่ลังเลที่จะนำธนูดำออกมา

“อยากหนีเหรอ ถามนายท่านคนนี้หรือยัง”

หลังจากพูดจบ แสงของธนูสองดอกได้พุ่งตรงไปยังนายพลทักษะพิเศษสองตนในทันที

-พี่ใหญ่เฉินเฉียง…เหรอ-

เมื่อเห็นคันธนูสีดำสนิทของเฉินเฉียงแล้ว เว่ยฉิงเชินที่กำลังสู้อยู่นั้นก็ได้เบิกตามองเฉินเฉียงในทันใด

ธนูสีดำสนิทนี้แน่นอนว่าเธอย่อมคุ้นเคยดี

แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเฉียงถึงมีปีกสีเงินได้กัน

-ไม่ใช่ว่า….-

เว่ยฉิงเชินไม่กล้าที่จะคิดอีกต่อไป

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชุลมุน นายพลทักษะพิเศษขั้นกลางตนหนึ่งเห็นโอกาสนี้ก็ได้รอบโจมตีเว่ยฉิงเชินที่ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายนี้

ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เฉินเฉียงที่พึ่งฆ่านายพลทักษะพิเศษสองคนไปนั้น แล้วก็ได้หันไปเข่นฆ่าศัตรูอยู่เพียงเท่านั้น ทำตัวราวกับไม่รับรู้ว่าธนูสีดำของตนจะถูกพบเจอโดยเว่ยฉิงเชิน

เขานั้นไม่ต้องการให้ใครรับรู้อีกแล้วว่าเขานั้นได้เข้ามาเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้

หากไม่อย่างนั้นล่ะก็ ทั้งกองกำลังของเขาและตัวเขาเองคงตกอยู่ในอันตรายที่ใหญ่หลวง

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็ได้หันไปยังเว่ยฉิงเชิน และแสยะยิ้มออกมา

“ฮี่ฮี่ฮี่ นั่นไม่ใช่ลูกสาวของผู้การแห่งกองกำลังกันหนันไม่ใช่เหรอ ยอดอัจฉริยะสาวที่ชื่อเว่ยชิงเฉินสินะ นายท่านผู้นี้ ไม่สนใจที่จะเล่นกับสาวน้อยคนละเผ่าพันธุ์หรอกนะ เอาเป็นว่าส่งเจ้าไปก่อนแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้หันธนูและขึ้นลูกธนูแสงไปที่เว่ยฉิงเชิน

“คุณหนูเว่ย ระวังตัว”

หลู่ฟางหน้าเปลี่ยนสีในทันทีเมื่อเห็น แต่เขาก็ไม่อาจพุ่งเข้าไปช่วยเว่ยฉิงเชินได้

เว่ยฉิงเชินที่ชะงักเพราะไม่คิดว่าเธอจะถูกคนที่คิดว่าเป็นพี่ใหญ่ของเธอจะคิดทำเรื่องแบบนี้ แต่ให้เห็นลูกธนูพุ่งมาที่เธอจริง เธอก็ทำได้เพียงแค่นิ่งอึ้งไปเท่านั้น

“อ๊ากกกกก”

เว่ยฉิงเชินได้หันหลังกลับไปดูเมื่อได้ยินเสียงนี้ มันเป็นเสียงของนายพลทักษะพิเศษที่ถูกยิงที่หัว โดยดาบของมันนั้นเกือบที่จะฟาดฟันบนหลังของเธอ

“ว้า….พลาดเป้าไปซะได้”

เฉินเฉียงได้ส่ายหัวไปมาพลางถอดถอนลมหายใจ ก่อนที่จะเก็บธนูเข้าไป

เมื่อเห็นว่าคนที่ลอบโจมตีเธอต้องตกตาย เว่ยฉิงเชินยิ่งมั่นใจ

ชายที่เรียกตนเองว่านักล่านั้นคือเฉินเฉียงอย่างแน่นอน

-พี่ใหญ่เฉินเฉียง ทำไมต้องโกหกข้าด้วย ข้าจดจำธนูสีดำในมือท่านได้นะ-

-แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ แล้วไหนจะเรื่องปีกที่อยู่ข้างหลังนั่นอีก-

-ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่เฉียวกังส่งข้อความมาว่าท่านเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ข้าคิดว่าเขาต้องการสร้างข่าวลือเพื่อทำลายท่าน แต่เมื่อเห็นท่านในตอนนี้แล้ว….-

เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของเว่ยฉิงเชินแล้ว เฉินเฉียงเองก็แทบจะใจสลายเหมือนกัน

เฉินเฉียงเองก็อายุสิบเก้าเข้าไปแล้ว ด้วยอายุขนาดนี้ การได้พบเจอสาวงามย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องหลงใหล

ตั้งแต่ที่เขาได้พบเจอเธอครั้งแรก เขาเองก็ลอบคิดลึกและรู้สึกดีๆให้กับอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนี้

และเขาก็รับรู้ได้ดีว่าเธอเองก็มีความรู้สึกดีๆให้กับเขา

ถึงแม้ทั้งสองจะไม่แสดงออกมาเรื่องความรักใคร่ แต่ความรู้สึกระหว่างชายหญิงทั้งคู่นั้นเรียกได้ว่าต้องกันอย่างสมบูรณ์

หลายครั้งหลายหนที่ทั้งสองนั้นได้แสดงความรักต่อกัน แม้จะไม่มากมาย แม้จะไม่พูดออกมา แม้ไม่ได้บอกกล่าวกันตรงๆ แต่ใจของทั้งคู่ต่างก็รู้สึกอย่างเดียวกัน

โดยเฉพาะความรู้สึกเวลาตอนที่เขาช่วยเธอไว้ในช่วงเวลาอันตรายแบบนี้

ด้วยความคุ้นเคยนี้ เธอรับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงไม่ได้คิดร้ายต่อเธอ ราวกับเธอเชื่อมั่นด้วยหัวใจว่าเฉินเฉียงไม่มีทางทำร้ายเธอ

และความเชื่อของเธอก็ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

ไม่เพียงเท่านั้น เขาไม่ได้แค่ช่วยชีวิตเธอ แต่เป็นการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ

อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เฉินเฉียงของเธอนั้นรู้สักเกลียดตัวเองขนาดไหนในตอนนี้

ไหนจะเรื่องปีกคู่นั้นอีก

หรือว่าที่เฉียวกังพูดเป็นความจริง

ฉิงเชินไม่กล้าจะคิดต่อไปอีกแล้วจริงๆ

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงเองรู้สึกป่วยไข้ขึ้นมาจับใจ

ไม่ใช่ว่าเขานั้นไม่อยากจะเปิดเผยตัวเองในการต่อสู้กับศัตรูร่วมกับเว่ยฉิงเชินในเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้

แต่เขาไม่รู้ว่าจะไปสู้หน้ากับฉิงเชินด้วยสถานะอะไร

แล้วเขาจะอธิบายเรื่องของเขายังไงดี

หากว่าเขานั้นยอมรับว่าตัวเองเป็นเฉินเฉียง นี่จะไม่เพียงเขาต้องเจอกับศึกสามฝ่ายในเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้เท่านั้น เขาจะต้องออกไปเผชิญหน้ากลับผู้อาวุโสฮั่นจุยที่อาฆาตมาดร้ายเขาราวกับเสือที่จ้องกินเนื้ออีก