ผู้นำสกุลฮัวพบว่าหากเขาเข้าข้างหลิวหลี เขาก็จะต้องถังแตก แถมถังแตกแบบเต็มอกเต็มใจด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้ก็หลงหลิวหลีเป็นผู้นำโชคให้สกุลฮัว ยิ่งไปกว่านั้น หลงหลิวหลีเป็นคนค่อนข้างซื่อตรง ของขวัญที่ส่งกลับมามีมูลค่ามากกว่าของที่เขามอบให้ไปเสียอีก ฮัวเชียนหนิวดูของขวัญที่หลิวหลีส่งกลับมา เป็นยาศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศหลายขวด ความรู้สึกซึมเศร้าที่ตัวเองต้องเสียทรัพย์ก็หายไปทันที

หยางจิงหู่เป็นลูกหลานสกุลฮัวจริงๆ ฮัวเชียนซาเตรียมจะไปขอบคุณสองสามีภรรยาสกุลหยาง แต่เมื่อรู้ว่าพวกเขาปฎิบัติต่อลูกชายของนางอย่างไร นางก็โมโหจนอยากจะไปควักหัวใจของพวกเขาออกมา แต่ถูกฮัวจิงหู่ห้ามไว้ ใช่แล้ว หลังจากที่สองแม่ลูกได้เจอกัน ฮัวจิงหู่ก็กลับมาอยู่ในรายชื่อบ้านสกุลฮัว เปลี่ยนมาใช้แซ่ฮัว เพียงแต่ฮัวจิงหู่แค่ตกลงที่จะกลับบ้านมาดูๆเท่านั้น เขายังอยากจะฝึกฝนบำเพ็ญเพียรกับท่านพี่หลิวหลีพร้อมกันกับโม่หลี แน่นอนว่าบ้านสกุลฮัวต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก หลงหลิวหลีเป็นใคร คนทั้งโลกบำเพ็ญต่างก็รู้ดี ว่านางเป็นคนเหนือคน หากได้รับการฝึกฝนจากนางจะต้องแข็งแกร่งกว่าคนอื่นหลายเท่า ฮัวเชียนซาก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องที่ลูกของตัวเองจะบำเพ็ญกับหลิวหลี เพียงแต่หวังว่าเขาจะกลับบ้านบ้าง ฮัวจิงหู่ตอบตกลง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าแม่ของตัวเองไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งตัวเองให้คนอื่นเลี้ยง ก็ยิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้นกว่าเดิม

“นึกไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวหู่ เจ้าจะเป็นคนบ้านสกุลฮัว” โม่หลีมองฮัวจิงหู่ที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนแล้วพูดขึ้น

“โม่เอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น” ฮัวจิงหู่หน้าแดงน้อยๆ ท่านแม่บังคับให้เขาแต่งตัวแบบนี้ เขาเองก็รู้สึกไม่ชินเช่นกัน

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆด้วย พี่สาวของข้าเป็นคนง่ายๆ บางคราวก็มากเกินไปโชคดีที่ข้ามีพี่เขยแล้ว ไม่เช่นนั้นใครจะกล้ามาสู่ขอนางกัน ได้ยินมาว่าร้อยปีที่ผ่านมา นางเกล้าผมสองข้างเพียงแค่ครั้งเดียวตอนอายุ 6 ขวบ หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยเห็นพี่สาวของข้าใส่ชุดผู้หญิงอีกเลย พี่เขยของข้าเป็นผู้ที่กอบกู้โลกบำเพ็ญเพียรไว้จริงๆ” โม่หลีพูดเหน็บแนมพี่สาวตัวเองอย่างร่าเริง ช่วงเวลาที่เสี่ยวหู่ไม่อยู่ นางดุมาก ต้องเป็นเพราะว่ายังไม่พ้นช่วงวัยทองแน่ๆ นางจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นท่าทางประหลาดพูดไม่ออกของเสี่ยวหู่

“อย่างนั้นหรือ จ้านโม่หลี ข้าก็ไม่รังเกียจหากเจ้าจะเรียกข้าว่าพี่ชาย” หลิวหลียิ้มเย็น มองโม่หลีที่หน้าเปลี่ยนสี

ในใจของจ้านโม่หลีร้องตะโกนว่าจบเห่กัน ทำไมท่านพี่ถึงมาอยู่ข้างหลังนางได้ และคงได้ยินสิ่งที่นางพูดหมดแล้ว มีแต่ตอนโมโหเท่านั้นที่พี่สาวของนางจะเรียกชื่อนางเต็มยศแบบนี้

“ดูท่าแล้วโม่หลีน่าจะมีพลังเหลืออยู่ไม่น้อย วิ่งรอบหอปรุงยา 10 รอบคงจะน้อยเกินไป เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปวิ่งอีกสัก 100 รอบ เสี่ยวหู่ เจ้าคงจะทนเห็นโม่หลีวิ่งคนเดียวไม่ได้ใช่หรือไม่ เจ้าก็ไปวิ่งด้วยเลยแล้วกัน” หลิวหลีพูดพลางส่งยิ้มให้คนทั้งสอง ถึงขนาดกล้าพูดเรื่องตนขนาดนี้ นางคงจะเมตตาพวกเขามากเกินไป ไม่ได้แล้ว นางคงต้องรีบแล้ว ออกไปท่องโลกน่าจะดีกว่า เสี่ยวเทียนเข้าฌานจนตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา หงหลินกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนเอ๋าเลี่ยยังคงเข้าฌานอยู่ จื่อฉีกลับเผ่ากิเลนไปทำหน้าที่ลูกกตัญญู นางอยู่กับเด็กสองคนนี้ก็เหนื่อยหน่ายไม่น้อย ตอนแรกคงจะนึกไม่ถึงว่าการเลี้ยงเด็กสองคนจะน่าเบื่อขนาดนี้ ถึงได้รีบร้อนตัดสินใจเช่นนั้นออกมา

“เสี่ยวหู่ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าว่าท่านพี่อยู่ข้างหลัง ทำให้ข้าต้องถูกทำโทษเลย” โม่หลีโทษฮัวจิงหู่

“ข้าส่งสายตาบอกเจ้าแล้ว เจ้าไม่มองเอง อีกอย่าง ถึงจะพูดเสียงเบา พี่สาวเจ้าก็ได้ยินอยู่ดี แล้วข้าก็โดนทำโทษเป็นเพื่อนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ” ฮัวจิงหู่ตอบเสียงอ่อน

60 ปีผ่านไป จ้านโม่หลีกลายเป็นผู้บำเพ็ญช่วงอมตะ หลังจากนั้นฮัวจิงหู่ก็ได้บรรลุช่วงอมตะตามโม่หลี หลังจากที่ฮัวจิงหู่กลับมาที่บ้านสกุลฮัวได้หนึ่งปี ทั้งสองก็ได้ไปที่เผ่าอสูรเทพเพื่อเลือกคู่พันธสัญญา จ้านโม่หลีเลือกไข่กิเลนที่ผ่านไป 100 ปีแล้วก็ยังไม่ฟักตัว ฮัวจิงเฟยเลือกเสือตัวลาย ที่มีท่าทีเจ็บออดแอดมาเป็นคู่พันธสัญญา ทั้งสองนำคู่พันธสัญญาที่เลือกมาให้คนรอบข้างดู มีแค่หลิวหลีเท่านั้นที่ชมว่าเลือกได้ดีทีเดียว คนอื่นไม่แม้แต่จะแลอสูรเทพที่อ่อนแอทั้งสองตัวนั้นด้วยซ้ำ จ้านโม่หลีทำพันธสัญญากับกิเลนเกราะ เพราะเปลือกไข่มีพลังป้องกันค่อนข้างสูง จึงฟักตัวออกมาค่อนข้างช้า แต่ว่าหลิวหลีได้บำรุงด้วยเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ ยาอาบ พลังเซียน ทำให้กิเลนตัวนี้ถือกำเนิดขึ้นมา โม่หลีชอบมาก ตั้งชื่อให้ว่า หงอวี้ เพราะจ้านโม่หลีเป็นแกนวิญญาณวายุพฤกษา มีความเร็วแล้ว ส่วนคู่พันธสัญญาที่เลือกจึงมาช่วยเสริมพลังป้องกันที่ขาดไป เสือน้อยที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆที่ฮัวจิงหู่เลือกก็ไม่ใช่เสือธรรมดา แต่ว่าเป็นราชาเสือขาวที่หาได้ยากนักในเผ่าเสือขาว ตอนถือกำเนิดออกมาจะอ่อนแอมาก ทั่วตัวมีหลากหลายสี คนที่ไม่เข้าใจมองก็จะคิดว่าเป็นเสือขาวที่ไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์ ตอนนี้หลิวหลีใช้ยาอาบมาดูแล ก็ทำให้ดูมีความเป็นราชามากยิ่งขึ้น ช่วยมาเสริมบารมีของฮัวจิงหู่ที่ขาดไปได้ หลิวหลีตั้งชื่อให้ว่า เสี่ยวฮัว สุดท้ายถูกเสือน้อยตัวนั้นอดอาหารประท้วง จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น ไป๋เสี่ยวหู่

“ท่านพี่ นางไปแล้วจริงๆ นางจะปล่อยให้พวกเรากลับโลกอสูรเทพเอง” หลังจากที่ฮัวจิงหู่รับวิบากอัสนีบาตจากการบรรลุช่วงอมตะแล้ว โม่หลี่ก็ตัดสินใจว่าจะไปหาพี่สาว เพื่อจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ด้วยกัน ผลปรากฏว่า พี่สาวของนางไปแล้ว บอกว่านางกับเสี่ยวหู่เป็นผู้บำเพ็ญช่วงอมตะแล้ว ภารกิจของนางสำเร็จ ก็สามารถออกไปแสวงหาโอกาสข้างนอกได้แล้ว โดยยังไม่กำหนดวันกลับ

“ทำเกินไปแล้ว ท่านพี่บอกว่าพวกเราคือภาระ” โม่หลีที่อายุเป็นยายของคนทั่วไปได้อยู่แล้ว แต่ยังคงมีอารมณ์แบบเด็กๆอยู่ เพียงแต่จะทำต่อหน้าคนสนิทเท่านั้น ต่อหน้าคนอื่นโม่หลีเป็นคนเก่งกาจ จะทำอย่างไรได้ พี่สาวนางก็สอนในสิ่งที่ตัวเองจะนึกออก เพียงแต่นางตักตวงได้มาก เมื่อท่านพี่จากไปกระทันหันเช่นนี้ โม่หลีก็รู้สึกทำใจไม่ได้น้อย ๆ

“ท่านพี่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยเพื่อพวกเราแล้ว  นางเองก็ต้องไปแสวงหาโอกาสของตัวเองเช่นกัน” ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ในที่สุดฮัวจิงหู่ก็เปลี่ยนจากเรียกท่านพี่หลิวหลี มาเป็นเรียกท่านพี่ เรื่องนี้ยังทำให้หลิวหลีโดนพ่อแม่ของนางรุมโจมตี เหตุผลก็คือ ตอนที่น้องสาวยังเด็ก ก็หาเพื่อนให้น้องเป็นเด็กผู้ชาย ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านางเป็นระดับปรมาจารย์แล้ว หลิวหลีจะตอบโต้กลับก็ไม่ได้ อีกทั้งยังพัฒนาไปเป็นน้องเขยในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้ หลิวหลีค่อนข้างจะเข้มงวดกับฮัวจิงหู่ ฮัวจิงหู่ทำได้ทุกอย่าง หลิวหลีถึงได้ฝืนพยักหน้าให้

เมื่อผู้นำสกุลฮัวรู้เรื่องนี้เข้า ก็หัวเราะไปสามวันสามคืน ทำให้ผู้อาวุโสที่จะมาพบผู้นำสกุลและบรรดาศิษย์ต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเดินผ่านตำหนักของเขา ถึงขนาดพิจารณากันว่าควรจะหาคนมาดูเขาสักหน่อยจะดีไหม

ฮัวเชียนหนิวจะต้องรู้สึกดีใจอยู่แล้ว ชายหนุ่มจากสกุลฮัวของเขาทำได้ดี ได้น้องสาวของหลงหลิวหลีมาครอบครอง เห็นหลิวหลีกัดฟันกรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฮัวเชียนหนิวก็ไม่กล้าที่จะหัวเราะ กลัวว่าปรมาจารย์ที่เจ้าคิดเจ้าแค้นท่านนี้จะเกิดแค้นเขา แล้วจะไม่ให้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์แก่บ้านสกุลฮัวอีกต่อไป ฮัวจิงเฟยก็เกิดเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าที่ตัวเองไร้สาระขนาดนี้ เป็นเพราะเหมือนกับลุงตัวเอง เมื่อฮัวเชียนหนิวรู้เรื่องนี้เข้าก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างไร

“ข้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง 60 ปีมานี้ข้าชินกับการที่มีท่านพี่คอยให้คำแนะนำ เป็นอย่างนี้แล้วรู้สึกไม่ชินเลย” โม่หลีกล่าว ในใจโหวงเหวงบอกไม่ถูก

“พวกเราจะพึ่งพาท่านพี่ไปตลอดไม่ได้ จะต้องรู้จักเติบโตด้วยตัวเอง” ฮัวจิงหู่กล่าว ตอนอายุ 20 ปี ซุนหลิงกับหยางชุ่ยถูกปล่อยตัวจากผาสำรวจตน ในตอนนั้นฮัวจิงหู่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรช่วงพื้นฐานแล้ว ส่วนหยางชุ่ยเพิ่งจะอยู่ในช่วงฝึกฝนลมปราณระดับ 4 ร่างกายโตขึ้น เพียงแต่ดูอ่อนแรงไม่เหมือนคนอายุ 20 โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าฮัวจิงหู่หาครอบครัวของตัวเองเจอแล้ว อีกทั้งยังเป็นบ้านสกุลฮัว หนึ่งในบ้านสกุลใหญ่ทั้งห้าของโลกอสูรเทพ หยางชุ่ยก็แบกหน้าไปขอเข้าพบฮัวจิงหู่ ปากบอกบุญคุณพ่อแม่จะไม่ตอบแทนไม่ได้ จนกระทั่งฮัวจิงหู่บอกว่าในตอนนั้นแม่ของเขาได้ทิ้งเงินไว้จำนวนมาก มากพอที่จะสามารถเลี้ยงตัวเองจนแก่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าตนเองเกือบจะหิวตาย จากนั้นหยางชุ่ยก็ไม่มาหาฮัวจิงหู่อีกเลย ตอนนี้ฮัวจิงหู่เป็นผู้บำเพ็ญช่วงอมตะ หยางชุ่ยอยู่ในช่วงฝึกฝนลมปราณขั้น 8 เท่านั้น ใกล้จะถึงอายุขัยแล้ว โม่หลีก็รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน นางนึกถึงคำพูดของพี่สาวที่บอกกับนางว่า ตอนที่นางยืนอยู่บนจุดที่ทำให้คนอื่นต้องเงยหน้ามอง ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้ในสายตาของนาง ซุนหลิงกับหยางชุ่ยเป็นเพียงแค่มดตัวน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความน่ากลัวใด ในทางกลับกัน  เวลาเจอพวกเขาพวกนางต้องเป็นฝ่ายหวาดกลัวด้วยซ้ำ

“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น แต่พวกเราต้องทำตัวให้ชิน” เพราะมีหลิวหลีเป็นพี่สาวที่ดีทำให้พวกเขาเดินนำหน้าคนพวกนั้นไปหลายก้าว นางนำทางพวกเขาแล้ว หลังจากนี้ก็อยู่ที่ตัวพวกเขาเอง

“ก็ได้ ข้าจะพยายามทำตัวให้ชิน” ทำไมโม่หลีจะไม่เข้าใจ

ในอีกด้านหลิวหลียังไม่ได้ไปไหน เพียงแต่แอบซ่อนตัวฟังเด็กทั้งสองคนคุยกัน และภาคภูมิใจที่ 60 ปีนี้ไม่เสียเปล่า คนทั้งสองเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะมอบให้เป็นอย่างดี ฮัวจิงหู่ก็ผ่านบททดสอบของนาง หลิวหลีมอบน้องสาวให้เขาดูแลได้อย่างวางใจ ถึงแม้จะรู้สึกแปลกอยู่น้อย ๆ ก็ตาม

เฮ้อ เสี่ยวเทียนก็ยังไม่ออกจากฌาน ตนเองก็ควรจะออกไปเดินเล่น 60 ปีที่ผ่านมานี้ โลกบำเพ็ญน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ก่อนอื่นเลยคือ เผ่ามารมีข่าวแพร่สะพัดว่า พญามารเรียกองค์ชายสองคนเข้าพบ ผลปรากฏว่าเขายกตำแหน่งพญามารให้องค์ชายรองก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในโลกมาร องค์ชายใหญ่ก็ไม่คัดค้านอะไร เรื่องนี้มีกลิ่นไม่ชอบมาพากลลอยออกมา นักบวชหยวนเจินเชิญหลิวหลีไปที่โลกพุทธะ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้แก่กัน หลิวหลีบอกปัดอีกฝ่าย อีกหนึ่งเรื่องคือ เจ้าสำนักเมฆาคล้อยกลายเป็นจื่อซู ในที่สุดอาจารย์อาเสวียนอวี่ก็เข้าสู่ช่วงรวมกายาและลงจากตำแหน่งได้

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าควรจะไปโลกพุทธะเสียหน่อย จากนั้นค่อยไปเที่ยวเล่นที่โลกอสูร” หลิวหลีพึมพำกับตัวเอง พูดถึงโลกอสูร นางช่างเป็นเจ้าบ้านที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเลยจริงๆ ให้แขกอยู่อาศัยไปตั้ง 60 ปี ถ้าเช่นนั้นเรียกชิงหลวนให้ออกไปด้วยกันจะดีกว่า หลิวหลีรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวนางจึงรีบออกเดินทางไป

 …………………………..