ตอนที่ 188 การ์ดเทพสามใบ! ขุดคุ้ยความจริง!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้ใช้บัญชีนี้มาสามปีแล้ว

 

 

ในกล่องข้อความเต็มไปด้วยข้อความมากมาย

 

 

ตอนแรกลู่จ้าวอิ่งคิดว่าเป็นแค่ของขวัญจากออฟฟิเชียลในช่วงนี้ เพราะปกติแล้วอีเมลในระบบจะอยู่ได้ 60 วัน

 

 

ไม่คิดเลยว่าในกล่องข้อความของเฉิงเจวี้ยนจะมีอีเมลของเมื่อสามปีก่อนด้วย

 

 

“สามปีก่อนงั้นเหรอ อีเมลในสมัยนี้จะล้างข้อมูลอัตโนมัติทุกๆ หกสิบวันไม่ใช่เหรอ” เฉิงมู่นั่งอยู่ข้างลู่จ้าวอิ่ง เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่ได้สงสัยมากมายขนาดนี้ เขายืนพิงโต๊ะเฉิงเจวี้ยน “บัญชีของบอสเป็นของโซนหนึ่ง เป็นโซนสากล โซนหนึ่งของรุ่นแรกผ่านการทดสอบภายใน ไม่เหมือนของเรา”

 

 

โซนหนึ่งเป็นโซนสากล มีคนหลากหลายประเทศผสมปนเป

 

 

ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโซนหนึ่งเป็นเสือซ่อนเล็บ มีบิ๊กบอสระดับสากล เทพรุ่นเก๋ามากมายซ่อนตัวอยู่

 

 

แต่โซนหนึ่งไม่เปิดสาธารณะแล้ว และสมัครบัญชีผู้ใช้งานไม่ได้แล้วเช่นกัน

 

 

เพราะคนไม่เยอะ จึงมีเพียงการอัปเดทข้อมูล

 

 

หากตอนนี้ใครมีบัญชีโซนหนึ่ง สามารถเอาไปโอ้อวดในแวดวงเพื่อนได้ ถึงขั้นว่าล็อกอินเข้าบัญชีโซนหนึ่งของคนอื่นเพื่อไปดูแรงค์ของบิ๊กบอสในโซนหนึ่งโดยเฉพาะ

 

 

แต่ละโซนในเกมมีแค่อารีนาที่เชื่อมต่อกัน

 

 

ทุกโซนจะมีแรงค์เป็นของตัวเอง มักจะมีคนจากโซนอื่นมาชื่นชมโซนสากลในโซนหนึ่ง

 

 

“ดูสิว่าเพื่อนนายส่งการ์ดอะไรมาให้” ลู่จ้าวอิ่งรู้สึกว่า ‘QR’ ดูคุ้นตา แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

 

จึงส่ายหน้าหวือ

 

 

แต่ก็น่าแปลกเหมือนกัน

 

 

การ์ดในบัญชีเฉิงเจวี้ยนเต็มเกือบหมดแล้ว ทางออฟฟิเชียลก็แทบจะไม่ได้ออกการ์ดมาใหม่ เพราะการ์ดทั้งหมดอยู่ในดันเจี้ยน ต้องการการ์ดระดับสูงก็ต้องใช้ไอเทมเข้าช่วย หรือไม่ก็ไปซื้อไอเทมจากระบบ

 

 

ดันเจี้ยนของเกมมีทั้งยากและง่าย ดันเจี้ยนระดับสูงไม่มีการ์ดขั้นสูงหรือเทพช่วย ผ่านได้ยากมาก

 

 

ฉะนั้นในเกมจะมีสหภาพโดยเฉพาะ จัดเตรียมให้เทพพาน้องใหม่เข้าไปเก็บการ์ดตัวละครในดันเจี้ยน

 

 

เพื่อนของท่านเจวี้ยนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการ์ดของท่านเจวี้ยนเต็ม

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองหน้าหลักของเกม ขานรับในลำคออย่างไม่ยี่หระ มือย้ายเมาส์ไปที่ปุ่มยอมรับ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งจ้องอย่างฉงนใจ “เพื่อนของนายไม่รู้เหรอว่าการ์ดของนายเต็ม…”

 

 

เพิ่งกด จู่ๆ ก็มีการ์ดตัวละครสามใบ

 

 

โผล่ขึ้นบนหน้าหลักของเกม

 

 

เรียงจากซ้ายไปขวา

 

 

แต่ละใบต่างก็มีแสงสีทองจางๆ รายล้อม

 

 

ใบแรก หนี่วา ใบที่สอง ฝูซี ใบที่สาม เหยา

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยังพูดไม่จบประโยค มันจุกอยู่ในลำคอ

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่ขยับมือ จ้องการ์ดเทพสามใบอยู่อย่างนั้น

 

 

มีชั่วขณะหนึ่งที่ลู่จ้าวอิ่งคิดว่า ตาของตัวเองจะบอดแล้ว เขาพึมพำ จากนั้นหลับตาลง ตัดสินใจว่าจะลองมองใหม่อีกครั้ง

 

 

หน้าหลักของเกมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การ์ดเทพสามใบยังคงเรียงอยู่ตรงหน้าอินเตอร์เฟสอย่างผ่าเผย

 

 

“คุณพระ! ท่านเจวี้ยน เพื่อนนายเป็นบิ๊กบอสระดับไหนเนี่ย!” ลู่จ้าวอิ่งชี้การ์ดเทพสามใบด้วยนิ้วที่สั่นระริก

 

 

การ์ดเทพ มีแค่ผู้บุกเบิกเท่านั้นที่ทำได้

 

 

เพราะความสำคัญของการ์ดเทพ OST จึงควบคุมการ์ดเทพอย่างเข้มงวด แม้จะเป็นเทรนนี่ก็อาจจะไม่มีการ์ดเทพ ทีมของประเทศอื่นก็จำต้องหารือกับ OST

 

 

ทุกคนรวมถึงแฟนคลับของหยางเฟย ต่างก็คิดว่าการ์ดเทพสามใบถูกสร้างขึ้นด้วยทีมของอวิ๋นกวงกรุ๊ป

 

 

อวิ๋นกวงกรุ๊ปควบคุมอย่างเข้มงวด

 

 

แต่ทว่าเพื่อนของเฉิงเจวี้ยนคนนี้ถึงขั้นส่งการ์ดเทพสามใบให้เขาได้ด้วยซ้ำ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งมองเวลาอีกครั้ง วันที่ 7 กันยายน มันก่อนหยางเฟยจะเอาออกมาสร้างชื่อในการแข่งขันครั้งนั้นด้วยซ้ำ!

 

 

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาบอกว่าเพื่อนคนนี้ของเฉิงเจวี้ยนเป็นบิ๊กบอสระดับไหน

 

 

เฉิงเจวี้ยนหรี่ตามองครู่หนึ่ง นิ้ววางพาดอยู่บนเมาส์เบาๆ กดรับการ์ดเทพสามใบนี้ จากนั้นก็กดเข้าไปที่แรงค์ของโซนหนึ่ง

 

 

อันดับหนึ่งคือ

 

 

QR ระดับจักรพรรดิ 20 ดาว คะแนนสะสม…

 

 

11636

 

 

สถิติชนะ 100%

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเงียบไปอีกครั้ง

 

 

มีข้อความเพิ่มเพื่อนโผล่ออกมาจากมุมขวาด้านบน เฉิงเจวี้ยนมองข้ามไป เขาไม่ได้ปิดหน้าจอ แต่แค่ล้วงบุหรี่ออกมา เอนตัวพิงพนักเล็กน้อย

 

 

นิ่งไม่ไหวติงอยู่นาน

 

 

 

 

ชั้นบน ฉินหร่านยังอยู่ในห้องของกู้ซีฉือ เธอดึงเก้าอี้ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ของกู้ซีฉือออกมานั่ง นิ้ววางอยู่บนที่วางแขน

 

 

ฉินหร่านหยิบใบรายงานผลที่กู้ซีฉือให้เธอขึ้นมาดู คิดๆ แล้วก็โยนรายงานลงบนโต๊ะ “เฉิงเจวี้ยนเป็นรุ่นพี่ของนายเหรอ”

 

 

กู้ซีฉือเคยพูดเรื่องสมาคมการแพทย์นานาชาติกับเธอ

 

 

“อืม เคยอยู่สมาคมการแพทย์เมื่อหลายปีก่อน” เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร เรื่องภายในสมาคมการแพทย์เปิดเผยและโปร่งใส กู้ซีฉือกดสวิตช์ของอุปกรณ์ ตรวจสอบสภาวะภายในแก้วครอบ “ตอนนั้นเขาเงียบขรึม ทำเรื่องใหญ่สะเทือนวงการไม่น้อยเลย สุดท้ายด็อกเตอร์หลายคนในสมาคมทนไม่ไหว แค่ครึ่งปีก็ให้ใบปริญญากับเขา เขาถึงกลับเมืองหลวงอย่างอาลัยอาวรณ์”

 

 

มีไอน้ำผุดขึ้นในแก้วครอบช้าๆ

 

 

กู้ซีฉือละสายตา พิงโต๊ะลวกๆ แล้วมองฉินหร่าน ดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์คู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย “ฉันกับเขาได้ด็อกเตอร์ในประเทศคอยดูแลทั้งคู่ เอ้อ เขาก็สอนอะไรให้รุ่นเราไม่น้อยเลยจริงๆ”

 

 

กู้ซีฉือคนนี้อวดดีมาตลอด คนที่ทำให้เขายอมจำนนและยอมเรียกว่ารุ่นพี่นั้นมีไม่เยอะ

 

 

ฉินหร่านหรี่ตา พอจะจินตนาการออก

 

 

“ผลการตรวจน่าจะต้องรออีกสองวัน” กู้ซีฉือพูด “รอให้อาจารย์ที่สมาคมการแพทย์ของฉันดู ก็ไปเยี่ยมยายเธอที่อวิ๋นเฉิงได้แล้ว”

 

 

กู้ซีฉือกับเฉิงเจวี้ยนร่วมมือกันถึงได้เจอไวรัสชนิดใหม่ หากวิจัยเรื่องนี้เผยแพร่ เกรงว่าจะเกิดข่าวไม่น้อยเลย

 

 

แต่กู้ซีฉือกับพวกฉินหร่านเป็นพวกไร้ความรู้สึก ไม่สนใจมากนัก

 

 

เมื่อได้ยินกู้ซีฉือบอกว่าการทดลองอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว ใกล้จะรู้ผลแล้ว ฉินหร่านถึงได้โล่งอก

 

 

มีคนเคาะประตูด้านนอก

 

 

ก๊อกๆ

 

 

ฟังดูเป็นเสียงที่ร้อนรนมาก

 

 

ฉินหร่านเลิกคิ้วยิ้มๆ จากนั้นลุกขึ้น “มีคนมาหานายแล้ว ฉันลงไปข้างล่างก่อน”

 

 

“อืม” กู้ซีฉือหันไปดูการทดลองเซลล์ของเขาอีกครั้ง ขานรับเสียงอู้อี้

 

 

ไม่นาน

 

 

เจียงตงเย่ก็ทำหน้าบึ้งเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนยามปกติมีรังสีอำมหิตฉาบทับ “กู้ซีฉือ!”

 

 

“อะไร” กู้ซีฉือหันมา ละสายตาจากอุปกรณ์ เชยตาขึ้นมองอย่างเกียจคร้าน “คุณห้ามบุ่มบ่ามเด็ดขาด เสี่ยวหร่านเอ๋อร์พูดแล้วนะว่า รุ่นพี่ยืนข้างผม”

 

 

เขาถือเข็มเล่มหนึ่งไว้ ท่าทางอวดดีอย่างมาก

 

 

เจียงตงเย่มองเขา ทั้งโมโหและรู้สึกขำ เขาลูบลำคอที่วูบวาบอย่างอดไม่ได้ ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาแล้วนั่งลง “อย่าทำเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ คุณหนูฉินกับท่านเจวี้ยนอยู่กันครบ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณได้”

 

 

“อ้อ” กู้ซีฉือลูบเข็มในมือ พลางมองเจียงตงเย่ คิดว่าเขาไม่มีท่าทีอยากจับตัวเอง ถึงได้เก็บเข็มอย่างเสียดาย

 

 

ตอนเดือนกันยายน ฉินหร่านเคยให้ข้อมูลละเอียดของเจียงตงเย่กับกู้ซีฉือ

 

 

บางคนมองภายนอกเรียนคณะแพทย์ แต่ลับหลังกลับเข้าร่วมการฝึกของกองรบพิเศษ

 

 

กู้ซีฉือรู้ว่าหากตัวเองไม่มีเล่ห์กล จะไม่มีทางสู้เขาได้เลย

 

 

แน่นอนว่า หากเจียงตงเย่เตรียมพร้อม เข็มของเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ลงมือด้วยซ้ำ

 

 

“ทำไมคุณไม่ไปเมืองหลวง” เจียงตงเย่มาห้องทดลองของกู้ซีฉือครั้งแรก เขากวาดสายตามองข้างในแวบหนึ่ง

 

 

กู้ซีฉือมีของราคาแพงเต็มไปหมด

 

 

“งั้นทำไมคุณต้องตามล่าผมมาตลอดด้วยล่ะ” กู้ซีฉือยื่นมือออกไปดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ไม่ตอบแต่ย้อนถาม

 

 

เจียงตงเย่ไม่สบอารมณ์ “ผู้เฒ่าเฉิงเชิญคุณมาเมืองหลวงคุณไม่มา เขาเลยสั่งให้ผมจับตัว ถ้าคุณตกลงจะมีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ไหม”

 

 

ตลอดหลายวันมานี้เขาไม่รู้เลยว่าหัวใจจะวายกี่ครั้งแล้ว

 

 

 

 

ชั้นล่าง

 

 

ตอนที่ฉินหร่านลงมา ลู่จ้าวอิ่งกำลังขอร้องอ้อนวอนเฉิงเจวี้ยนให้เขาเล่นบัญชีของเฉิงเจวี้ยนสักครั้ง

 

 

เธอนั่งลงบนโซฟา หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้หยางเฟย พูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “มีอะไรกัน”

 

 

เหมือนลู่จ้าวอิ่งจะเพิ่งรู้ตัว

 

 

“ฉินเสี่ยวหร่าน เธอรู้หรือเปล่า เพื่อนคนนั้นของท่านเจวี้ยนส่งการ์ดเทพสามใบให้เขา การ์ด! เทพ! สาม! ใบ!” ลู่จ้าวอิ่งขอร้องตั้งนานแล้ว แต่เฉิงเจวี้ยนไม่แม้แต่จะปริปากเลยด้วยซ้ำ

 

 

เขาเดินมาข้างโซฟา หยิบน้ำเย็นบนถาดของเสี่ยวเอ้อร์ กรอกใส่ปากตัวเอง

 

 

“เพื่อนของเขาคนนั้นต้องเป็นเทพสักคนใน OST แน่” ลู่จ้าวอิ่งนั่งลงข้างฉินหร่าน จากนั้นกดเสียงเบาลงแล้วอธิบายว่า “เมื่อก่อนเพื่อนคนนั้นเล่นเกมกับท่านเจวี้ยน เล่นดูโอ ทั้งสองคนสนิทกันมาก แต่ดูเหมือนจะหายตัวไปแล้ว จู่ๆ วันนี้ก็โผล่มา”

 

 

คู่หูดาวร้ายแห่งโซนหนึ่ง

 

 

“อ่อ” มือที่กำมือถือของฉินหร่านชะงัก แต่เสียงยังคงราบเรียบ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งมองฉินหร่าน เธอไม่สงสัยในตัวเพื่อนเฉิงเจวี้ยนยังพอว่า แต่ทำไมได้ยินการ์ดเทพสามใบแล้วยังนิ่งได้ขนาดนี้

 

 

กลางคืน

 

 

กู้ซีฉือลงมากินข้าว

 

 

เพราะถูกเจียงตงเย่ตอแย

 

 

เจียงตงเย่รู้ว่าจะจับตัวกู้ซีฉือไปโดยที่ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนยังอยู่ตรงนี้นั้นเป็นไปไม่ได้ จึงใช้พรสวรรค์ขี้ประจบของเขา

 

 

“พี่กู้ อย่าขยับ!” เมื่อเห็นกู้ซีฉือจะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้แล้ว เขาก็ใช้กระดาษเช็ดก่อนแล้วผายมือ “เชิญนั่ง นั่งได้เลย”

 

 

กู้ซีฉือ “…” ระยำจริงๆ!

 

 

“ท่านเจวี้ยน คุณยายของฉินเสี่ยวหร่านโดนรังสีอะไรกันแน่” ทุกคนที่นั่งอยู่ นอกจากฉินหร่านแล้ว ต่างก็เคยเรียนด้านการแพทย์มาก่อน วันนี้ลู่จ้าวอิ่งก็พอจะเข้าใจเรื่องราวบ้างเหมือนกัน

 

 

เฉิงเจวี้ยนพูดนิ่งๆ ว่า ‘ยูเรเนียม’

 

 

ลู่จ้าวอิ่งพยักหน้า

 

 

เจียงตงเย่ใช้ตะเกียบคีบผัก มองฉินหร่านอย่างตกใจ “รังสียูเรเนียม?”

 

 

เขาไม่เคยเจอยายของฉินหร่าน และไม่รู้เรื่องอาการป่วยของเฉินซูหลาน ตอนนี้เพิ่งรู้เรื่องรังสียูเรเนียม ยูเรเนียมมันมีแค่ในปฏิกิริยานิวเคลียร์

 

 

คนที่สามารถวิจัยนิวเคลียร์ได้ หรือจะเป็นนักฟิสิกส์หรือนักวิทยาศาสตร์

 

 

“ไม่แน่ใจ” เรื่องนี้ลู่จ้าวอิ่ง เฉิงมู่และกู้ซีฉือไม่มีใครรู้

 

 

เจียงตงเย่มองฉินหร่านแวบหนึ่ง แต่เขาได้ยินจากปากเฉิงมู่กับลู่จ้าวอิ่งว่าเฉินซูหลานเป็นแค่คนธรรมดาในเขตหนิงไห่…

 

 

เขตหนิงไห่…

 

 

ไม่รู้ว่าเจียงตงเย่นึกถึงอะไร สีหน้าเปลี่ยนไป

 

 

จู่ๆ ก็กลืนคำพูดที่จะเอื้อนเอ่ยลงไป

 

 

ไม่พูดอะไรอีกเลย

 

 

คนอื่นไม่สังเกต แต่เฉิงเจวี้ยนที่นั่งอยู่อีกทางเห็น เขาหรี่ตามองเจียงตงเย่

 

 

“ท่านเจวี้ยน คืนนี้เพื่อนคนนั้นจะออนไลน์ไหม ถ้าออนก็ชวนเขามาเล่นเกมด้วยกัน” ในใจลู่จ้าวอิ่งคิดแต่เรื่องการ์ดเทพสามใบ

 

 

เฉิงเจวี้ยนคีบซี่โครงให้ฉินหร่าน พูดอย่างไม่ยี่หระว่า “ไม่เล่น คืนนี้ฉันจะไปห้องทดลอง”

 

 

แต่พอพูดถึง QR มือของเฉิงเจวี้ยนก็ชะงักไปเหมือนกัน

 

 

เขากับอีกฝ่ายไม่เคยเจอกัน เล่นเกมก็ไม่เคยเปิดโหมดคุยด้วยเสียง

 

 

ทั้งคู่แค่เคยแมทช์กันครั้งหนึ่งในอารีนาโดยบังเอิญเท่านั้น เฉิงเจวี้ยนเล่นเกมตามอารมณ์มาตลอด ครั้งแรกพวกเขาอยู่คนละทีมกัน เพื่อนร่วมทีมของเขาไม่เอาไหน ตัวเขาเองก็แค่เล่นด้วยการเลือกการ์ดระดับต่ำส่งๆ ไปเท่านั้น เพื่อนในทีมตามเขาไม่ทัน สุดท้ายก็แพ้ให้ QR โดยเหลือเลือดเพียงน้อยนิด

 

 

 

 

มันเป็นการแพ้ครั้งแรกของเขา คนทะนงตนอย่างเขาไม่พอใจ จึงลาก QR ไป PK กันที่อารีน่าตัวต่อตัว

 

 

ทั้งคู่ได้เปอร์เซ็นต์ในการชนะไปคนละครึ่ง

 

 

เล่นด้วยกันคืนหนึ่งก็เพิ่มเพื่อน

 

 

มักจะเล่นดูโอด้วยกัน ไม่เคยเปิดไมค์คุยกันเลย แต่เข้ากันได้ดีมาก

 

 

ภายหลังอีกฝ่ายถามเขาว่าจะเข้าร่วมทีม OST ไหม เฉิงเจวี้ยนคิดๆ ดูแล้ว ก็ตกปากรับคำ เขาให้ QQ กับ QR

 

 

แต่วันต่อมาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายเพิ่มเขาเป็นเพื่อน แถมยังไม่ออนไลน์ในเกมอีกด้วย

 

 

ตอนหลังเฉิงเจวี้ยนก็รู้สึกเบื่อ จึงไม่ได้ล็อกอินอีกเลย

 

 

หากว่าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน เขารู้ว่า QR กลับมาแล้ว เขาต้องสืบสาวให้ถึงที่สุดแน่ แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้ว

 

 

 

 

หลังกินข้าวเสร็จ กู้ซีฉือก็ขึ้นไปข้างบน

 

 

เจียงตงเย่รีบตามหลังเขาไปทันที

 

 

กู้ซีฉือบดกราม “ฉันจะไปอาบน้ำจะไปด้วยกันเหรอ!”

 

 

ตอนแรกเจียงตงเย่อยากพูดว่าจะช่วยเติมน้ำให้ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นเข็มแวววับในมืออีกฝ่าย เขาก็ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างสุภาพ

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังเดินผ่านชั้นสามขึ้นไปที่ห้องทดลองชั้นสาม เมื่อเห็นเจียงตงเย่ ฝีเท้าก็หยุดชะงัก

 

 

มองเจียงตงเย่แวบหนึ่ง เจียงตงเย่เข้าใจในเสี้ยววินาที

 

 

สุดทางเดินชั้นสาม

 

 

ในมือเฉิงเจวี้ยนมีบุหรี่มวนหนึ่ง ทอดมองนอกหน้าต่างนิ่งๆ “เกี่ยวกับเรื่องของยายเธอ นายรู้อะไรบ้าง”

 

 

“รู้นิดหน่อย” เจียงตงเย่พิงข้างหน้าต่าง เขาล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋า “เคยมีคดีโด่งดังที่เขตหนิงไห่เมื่อสามปีก่อนนายรู้ใช่ไหม”

 

 

“ฐานทัพของหมาป่าเหี้ยมคนนั้น?” เหตุผลส่วนใหญ่ที่เฉิงเจวี้ยนไปอวิ๋นเฉิงก็เพื่อสืบเรื่องนี้

 

 

“ไม่ใช่” เจียงตงเย่หยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่ ควันเบาบางลอยขึ้น “ฉันเองก็เผลอไปเห็นรายงานฉบับหนึ่งในศูนย์วิจัยโดยบังเอิญ ในเขตหนิงไห่มีฐานของสถาบันวิทยาศาสตร์อยู่แห่งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว”

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย เขาเสเพลในเมืองหลวงจนชินแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีศูนย์วิจัยมาหาเขา แต่เขามักจะทำแค่ในนามเท่านั้น

 

 

“เมื่อสามปีก่อน มีการทดลองหนึ่งในสถาบันวิทยาศาสตร์เกิดปัญหา ระเบิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ” เจียงตงเย่พูดถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้า “ท่านเจวี้ยน ครั้งก่อนที่นายไปเขตหนิงไห่ ก็สืบเจอบ้างเหมือนกันใช่ไหม คนไม่น้อยประสบเคราะห์ พวกนี้เป็นข้อมูลลับของศูนย์วิจัย นักวิจัยกลุ่มนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ยายของฉินเสี่ยวหร่านอาจได้รับลูกหลงจากวัตถุตั้งต้นจากการระเบิด”

 

 

ชั้นล่าง

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกินข้าวเสร็จแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า QR คุ้นตามาก โอวหยางเวยส่งวีแชทมาชวนเขาเล่นเกม เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ

 

 

คิดไปคิดมา เขาก็เปิดเวยป๋อของหยางเฟย

 

 

ในเวยป๋อของหยางเฟยนอกจากจะแชร์ข่าวสารของเว็บไซต์ออฟฟิเชียลแล้ว แทบจะไม่มีโพสต์อย่างอื่นเลย

 

 

ไม่นานเขาก็หาโพสต์นั้นของหยางเฟยเจอ

 

 

‘OST หยางเฟย: เก่งกว่าผม หวังว่าจะได้แข่งด้วยกันสักครั้ง รอนะ @qr’