บทที่ 222 ข้อตกลงเพื่อความเป็นอิสระ

ไหปีศาจ

บทที่ 222
ข้อตกลงเพื่อความเป็นอิสระ

“หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด!”
ลั่วอู๋กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหยุดพวกมันทั้งสองฝ่าย

นกโง่นั้นโกรธมาก เพราะพี่น้องของมันได้ตายไปกว่าหลายร้อยตัว

เส้นขนหลากสีด้านหลังคอของมันกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดง และพลังวิญญาณทั่วร่างกายของมันก็ร้อนระอุพร้อมที่จะเผาผลาญทุกสิ่ง แม้แต่ลวดลายสีฟ้าบนตัวของมันก็กลายเป็นสีแดง

เขาไม่คิดว่าเจ้านกโง่จะมีความสามารถมากขนาดนี้
ในทางกลับกัน ไป่ฉีกลับไม่ได้สนใจเลย เมื่อถูกนกหน้าโง่คุกคาม
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเจ้าถึงต้องสู้กันด้วย?” ลั่วอู๋กำลังโมโหและพูดถามออกมาว่า “ว่าไงล่ะ เจ้านกโง่ ?”

ไม่ว่าจะเป็นแร้งทราย ฝูงเหยี่ยวหยกขาว หรือว่ากองทัพของเหล่าผีทหาร พวกมันล้วนเป็นสมบัติของลั่วอู๋ ถ้าเกิดความขัดแย้งภายในจนทำให้เกิดความสูญเสีย นั่นเป็นสิ่งที่ลั่วอู๋ไม่สามารถยอมรับได้

เจ้านกโง่กระพือปีกสีขาวของมัน มันส่งเสียงร้องอันแหลมสูงออกมา ในเวลาเดียวกัน เหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านหลังของมันก็ส่งเสียงร้องตอบรับ ราวกับว่าเป็นการสรรเสริญราชาของพวกมัน

แต่ก็น่าเสียดาย เพราะว่ามันกำลังโมโหอยู่ การเคลื่อนไหวของร่างกายของมันจึงสับสนไปหมด ทำให้ลั่วอู๋รู้สึกสับสนไปหมด

“พอได้แล้ว ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย เจ้าหยุดอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ลั่วอู๋หันไปถามไป่ฉีผีทหารระดับนายพลแทน “เจ้าเล่ามาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เจ้านกโง่ต้องการจะทำร้ายลั่วอู๋
อย่างไรก็ตาม มันคิดว่าหากจู่โจมลั่วอู๋ในตอนนี้ละก็ ลั่วอู๋คงจะต้องร่วมมือกับผีทหารระดับนายพลเพื่อล้มมันอย่างแน่นอน มันทำได้เพียงระงับความโกรธ และแสดงความไม่พอใจเป็นครั้งคราว

ไป่ฉีผีทหารระดับนายพลมีนั้นมีจิตสำนึก ว่าตัวเองเป็นเพียงผู้อยู่อาศัย แม้ว่ามันจะไม่ได้ยอมจำนนต่อลั่วอู๋ว่าเขาเป็นเจ้าของพื้นที่และแทบจะไม่มีความสุภาพเอาเสียเลยก็ตาม

“ข้ากำลังฝึกฝนลูกน้องของข้าอยู่ ทันใดนั้น ก็มีนกตัวใหญ่บินเข้ามาพร้อมกับฝูงนกของมัน แล้วอ้างว่ามันคือราชาของโลกใบนี้… ” ไป่ฉีพูด

ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ! เจ้าเข้าใจมันงั้นหรือ?”
“ในฐานะที่ร่างนี้เป็นวิญญาณ ข้าสามารถสื่อสารกับสัตว์วิญญาณด้วยพลังวิญญาณได้ เจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ ไม่มีปัญหาอะไร” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ เขาเองก็ต้องการสื่อสารกับสัตว์วิญญาณด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่มีวิธีการเช่นนั้นเลย

ทักษะสื่อสารวิญญาณนั้นเป็นทักษะระดับ A แต่ทักษะประเภทนี้หาได้ยากมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะมีทักษะสื่อสารวิญญาณ แต่เขาก็จำเป็นต้องพัฒนาไปถึงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง และฝึกฝนการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ ลั่วอู๋ถึงจะสามารถใช้งานทักษะนี้ได้

ไป่ฉีพูดต่อว่า “มันได้อ้างว่ามันคือราชาของโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องยอมจำนนต่อมัน ดังนั้น มันจึงต้องการให้ข้าภักดีต่อมัน”

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไป่ฉีนั้นก็เหมือนกับสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่ง
จากนั้นลั่วอู๋ก็มองไปที่เจ้านกหน้าโง่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี “เจ้าเรียกตัวเองว่าเป็นราชาของโลกนี้อย่างงั้นหรือ? แล้วเจ้าเอาข้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ? เจ้าสมควรที่จะต้องถูกบดขยี้เสียแล้ว”

เจ้านกหน้าโง่โกรธมาก มันจึงกระพือปีกของมัน ส่งเสียงร้องอันแหลมสูง ส่งสัญญาณให้กับเหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านหลังของมัน

มันดูเหมือนว่าต้องการแสดงออกบางอย่าง เหล่าพี่น้องของมันได้ล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของทหารที่น่าเกลียดน่าชังตนนั้น

ฝูงแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวส่งเสียงร้องอันคร่ำครวญออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนรอบข้างอย่างมาก

ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับมันดี “หยุดสร้างความเดือดร้อนได้แล้ว ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายเริ่มยั่วยุคนอื่นก่อน”
เจ้านกโง่กลอกตาของมันราวกับว่ามันเป็นมนุษย์
ตอนนั้นเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้ามีปัญหาอะไรกับฐานะราชาข้ากัน? เจ้าทำให้ข้าเสียหน้ามากเกินไปแล้วเจ้าจะเอาแบบนี้ใช่ไหม?

มนุษย์ที่น่ารังเกียจนั้นชื่นชอบแต่ของสิ่งใหม่และไม่สนใจไยดีกับของเก่า

เจ้าช่วยสัตว์วิญญาณต่างเผ่านั่นมาข่มเหงข้า!
ในอนาคต ข้าจะไม่ช่วยอะไรเจ้าอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าเป็นนกที่น่าสนใจมาก เจ้านั้นมีสติปัญญาสูง แม้จะอยู่เพียงแค่ในระดับเงินเท่านั้น ร่างกายเจ้านั้นดูสูงส่งและบริสุทธิ์ เจ้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นลูกหลานของนกศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งหรอกหรือ?” ไป่ฉีถาม

ลั่วอู๋มองไปที่เจ้านกโง่ “มันก็เป็นแค่เจ้านกโง่ มันเป็นลูกหลานของแร้งทรายโง่ ๆ”

ทั่วร่างของเจ้านกโง่ส่องแสงสีแดง มันแสดงถึงความอาฆาตผ่านทางสายตา ราวกับว่าความโกรธของมันใกล้จะปะทุแล้ว
ลั่วอู๋ไม่รีบร้อนที่จะพูดออกมา “ข้าจะจับแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวมาเพิ่มให้ภายหลัง และเจ้าสามารถสอนพวกมันได้ด้วยตัวของเจ้าเอง”

ทันใดนั้น เจ้านกโง่ก็โกรธอย่างสุดขีดและกระพือปีกของมัน

“เจ้ายังไม่พอใจอีกรึยังไงกัน?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการอะไร? ข้าจะให้เจ้าได้อีกอย่างเดียวเท่านั้น”

เจ้านกโง่ยังคงกระพือปีกของมันต่อไป
แต่ลั่วอู๋นั้นไม่สามารถเข้าใจมันได้
ไป่ฉีผีทหารระดับนายพลกล่าว “มันบอกว่ามันต้องการน้องชายที่ทรงพลังมากกว่านี้ อย่างน้อยต้องอยู่ในมิติวิญญาณระดับเงิน”

“นี่มันค่อนข้างเป็นข้อเรียกร้องที่ยากเลยนะเนี่ย” ลั่วอู๋จ้องมองไปที่เจ้านกโง่ “รอตรงนี้ ข้าจะไปนำสัตว์วิญญาณระดับเงินมาให้เจ้า”

จากนั้น เจ้านกโง่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ไป่ฉีผีทหารระดับนายพลกล่าวว่า “ข้าเองก็ต้องการเช่นกัน คนของข้าเองก็บาดเจ็บล้มตายไปมาก ดังนั้น ข้าจำเป็นต้องเสริมกองทัพอย่างเร่งด่วน”

“เอาล่ะๆ เอาล่ะๆ” ลั่วอู๋มองเจ้านกโง่และผีนายพลที่อยู่ตรงหน้า

พวกเขาไม่ได้อยากต่อสู้ พวกเขาแค่ต้องการบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น

หลังจากนั้นเจ้านกโง่นั้นก็ได้รับในสิ่งที่มันต้องการ มันต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้น

ส่วนไป่ฉีนั้น ต้องการเพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาในอนาคต เพื่อเอาชนะเจ้านกโง่ หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากลั่วอู๋
เจ้านกโง่จ้องไปที่ไป่ฉี เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างโมโหกับพฤติกรรมของไป่ฉี แต่ไป่ฉีนั้นไม่เกรงกลัว และควักหอกปราบมังกรออกมา
ไป่ฉีคือผีทหารระดับนายพล อยู่ในระดับทอง มิติที่ 9
เจ้านกโง่อยู่เพียงระดับเงิน มิติที่ 7 เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันกล้าดียังไงเข้าไปท้าทายอีกฝ่าย

“หยุดการต่อสู้ซะ! ถ้าใครกล้าทำอีกจะไม่มีสิทธิ์ได้สมาชิกเพิ่มอีกแน่” ลั่วอู๋ตะโกน

ผีนายพลและเจ้านกโง่หยุดลงในทันที
จากนั้นเจ้านกโง่ได้กระพือปีกและบินจากไป
ไป่ฉีพูดอย่างสบายใจว่า “เจ้านกประหลาดตัวนั้นน่าสนใจมาก ทำไมเจ้าไม่จับมันเอาไว้ล่ะ? มันคงไม่ดีแน่ หากเจ้ายังปล่อยให้มันยังบินอยู่อย่างอิสระเช่นนี้”

“เจ้านกโง่ตัวนี้ช่วยข้าไว้หลายเรื่อง ข้าเลยปล่อยให้มันเป็นอิสระ โดยถือซะว่าเป็นรางวัล” ลั่วอู๋กล่าว

แน่นอนว่า จริง ๆ เขานั้นไม่สามารถทำพันธสัญญากับเจ้านกโง่ตัวนี้ได้เลย แม้ว่าเขาจะใช้กระบวนการทำงานของไหปีศาจก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี

ไป่ฉีแสดงความประหลาดใจผ่านดวงตาอันเยือกเย็นของเขา
“ข้าสามารถทำได้เช่นเดียวกันใช่ไหม?” ไป่ฉีพูดอย่างกะทันหัน

เห็นได้ชัดว่า นิสัยอันแสนเย่อหยิ่งของเขานั้นจะไม่ยอมจำนนต่อสิ่งใด น่าเสียดายที่เขารู้สถานการณ์ของตัวเองดี ต่อให้เขาแข็งแกร่งพอที่จะสามารถทำลายโลกนี้ได้ เขาก็จะต้องถูกปราบลงอย่างแน่นอน

ลั่วอู๋ยินดีอย่างยิ่ง “แน่นอน ตราบใดที่เจ้าเต็มใจที่จะช่วยข้าบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าก็สามารถเป็นอิสระได้เช่นกัน”

“ข้าตกลง” ไป่ฉีพูดออกมา พร้อมกับแสดงความขอบคุณผ่านทางสายตาของเขา และในไม่ช้าเข้าก็ฟื้นฟูสภาพร่างกายดังเดิม

“แล้วตอนนี้ เจ้ายินดีที่จะทำงานให้ข้าไหม?” ลั่วอู๋ถาม
“ไม่” ไป่ฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่ายหัว “เจ้ายังอ่อนแอเกินไป”
ลั่วอู๋รู้สึกผิดหวัง
ไป่ฉีนั้นเป็นผีทหารระดับนายพลที่โหดเหี้ยมและหยิ่งยโส ถ้าเขายังไม่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของผู้อื่น เขาก็ไม่เต็มใจที่ทำงานให้กับใคร

“แต่ถ้าเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าสามารถช่วยเจ้าได้” ไป่ฉีกล่าว

“ไม่มีปัญหา” ลั่วอู๋พูดด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีลั่วอู๋ไม่สามารถปล่อยให้เขาปรากฏตัวเพื่อไปต่อสู้ตามปกติได้ ไป่ฉีและผีทหารของเขานั้น แข็งแกร่งเกินไป

ที่สำคัญที่สุดนั้น ไป่ฉีนั้นยังไม่ถือเป็นสัตว์วิญญาณของลั่วอู๋
การกระทำทั้งหมดของเขานั้นแทบจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณของลั่วอู๋เลยแม้แต่น้อย