ตอนที่ 131: โอบล้อมฆ่า (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 131: โอบล้อมฆ่า (1)

เมื่อได้ยินคำพูดที่หยิ่งผยองของเจี้ยนเฉิน นายน้อยของตระกูลเทียนซ่งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินเหมือนเป็นคนโง่ก่อนที่จะเหยียดหยามออกมา “เจ้ามาคนเดียวเองงั้นหรือ ? อืม ดีถ้างั้น ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนีจากกับดักนี้ไปได้หรือไม่ แสดงให้ข้าเห็นซิว่าเจ้าจะทำให้ทหารรับจ้างของตระกูลเทียนซ่งบาดเจ็บล้มตายไปได้มากน้อยเพียงใดด้วยความสามารถของเจ้า”

นายน้อยไม่เสียเวลาพล่ามกับเจี้ยนเฉินอีก เขาโบกมือแล้วสั่ง “บุกเข้าไป ! ข้าต้องการให้ไอ้หนูหยิ่งยโสคนนี้ได้รับบทเรียน”

ทหารรับจ้างบางคนที่อยู่ข้าง ๆ นายน้อยมองหน้ากันและกัน คนหนึ่งเหยียดออกมา “มันเป็นแค่เจ้าหนูธรรมดา พวกเราไม่จำเป็นต้องบุกเข้าไปทุกคนหรอก” เขาหันไปหาหนึ่งในตัวแทนของกลุ่มทหารรับจ้างเทียนซ่ง แล้วสั่ง “พวกเจ้าไปเอาตัวเจ้าหนูนั้นมา”

“ขอรับ ! “

กลุ่มทำตามคำสั่งของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเลแล้วกลุ่มนี้ก็เดินไป 10 เมตรข้างหน้าเจี้ยนเฉินทันที หนึ่งในทหารรับจ้างจ้องอย่างเย็นชาแล้วคำรามออกมา “เจ้าหนู แบบนี้เจ้าจะเจ็บตัวน้อยกว่านะ ไม่อย่างนั้น ข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องเจอหนักกว่านี้แน่”

เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นสูงและยืนอยู่ตำแหน่งเดิมอย่าท้าทาย นี่เป็นเวลาที่เขาจะสามารถแสดงความสามารถของเขาออกมาได้ และกระบี่วายุโปรยสีเงินก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายรอบ ๆ ตัวเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิง

ทุกคนในตระกูลเทียนซ่งสามารถบอกได้เลยว่าเจี้ยนเฉินกำลังจะทำอะไรจากท่าทางแบบนั้น

“โจมตี ! “

ชายคนที่พูดก่อนหน้านี้ตะโกนออกมา ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างเรียกอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาในขณะที่พวกเขาพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินทำหน้าหยาม สำหรับเจี้ยนเฉินคนที่สามารถฆ่าได้แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญ แค่เซียนธรรมดาสามัญก็ไม่มีค่าพอให้สนใจ

ในตอนที่หลายคนเข้ามาใกล้เจี้ยนเฉิน กระบี่วายุโปรยก็เปลี่ยนเป็นภาพลวงตาจาง ๆ และแทงออกไปเหมือนกระบี่เงาหลายกระบี่

ในเวลาเดียวกัน คนที่เข้ามาโจมตีก็หยุดชะงักทันที ในขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากคอของพวกเขา จากนั้น รอยเลือดจาง ๆ ก็ค่อย ๆ หายไป และในที่สุด มันก็ย้อมเสื้อของพวกเขาจนเป็นสีแดง แล้วทันใดนั้นเองเลือดก็พุ่งออกมาจากคอของพวกเขา คนที่โจมตีทุกคนล้มลงไปพร้อม ๆ กัน

ท่าทางของทหารรับจ้างที่ยืนอยู่ข้างข้างนายน้อยก็เปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพรียง และพวกเขาก็สบตากัน สายตาของพวกเขาเคร่งเครียดมาก ชายที่ตายไปที่อยู่ในระดับเซียนนั้นถูกใช้เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ไม่มีใครสนใจการตายนี้

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นทักษะที่เจี้ยนเฉินใช้ฆ่าคนเหล่านั้น หัวใจของพวกเขาก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม ในตอนนั้น พวกเขาสามารถเห็นได้เพียงภาพราง ๆ ของกระบี่เท่านั้น กระบี่ของเจี้ยนเฉินเร็วมากคนพวกเขาเกือบจะมองไม่ทัน

ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็ฆ่าทหารรับจ้างของตระกูลเทียนซ่งไปกลุ่มหนึ่ง ทำให้เขามีอำนาจเหนือทุกคนในตอนนี้ทันที แม้ว่าโรงเตี๊ยมจะเต็มไปด้วยผู้คน แต่มันก็เงียบสนิท กลุ่มทหารรับจ้างของตระกูลเทียนซ่งทั้งหมดมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสับสน พวกเขาไม่คิดว่าคนที่หนุ่มเหมือนเจี้ยนเฉินจะสามารถสู้กับคนหลายคนจากตระกูลของพวกเขาได้อย่างสบาย ๆ เขายังกล้าที่จะฆ่าทหารรับจ้างที่ตระกูลเทียนซ่งจ้างมาต่อหน้าต่อตา นี่มันน่าประหลาดใจและคาดไม่ถึงมาก

ตระกูลเทียนซ่งมีอำนาจในเมืองเวคมามากกว่าสิบปี แม้ว่าพวกเขาจะเคยปะทะกับทหารรับจ้างต่าง ๆ มามากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยสู้กับใครที่มีอายุเท่าเจี้ยนเฉินคนที่กล้าแม้แต่สู้คนเดียว นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองเวค

หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย ชายในชุดขาวที่อยู่ถัดจากนายน้อยก็พูดออกมาด้วยเสียงต่ำ “สหาย ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน หรืออาจารย์ท่านใดที่สอนเจ้ามา แต่ทำไมเจ้าต้องล่วงเกินตระกูลเทียนซ่งด้วย?”

ความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินแสดงออกมาด้วยอายุที่น้อยเพียงนี้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นจอมยุทธในระดับสูง และจอมยุทธของตระกูลเทียนซ่งก็ไม่สามารถเดาได้ว่าใครหนุนหลังเขาอยู่ พวกเขาทั้งหมดกลัวว่า เจี้ยนเฉินจะมีคนหนุนหลังที่พวกเขาไม่สามารถไปยั่วยุได้ ถ้าพวกเขาทำ บางทีมันอาจจะนำปัญหาใหญ่มาให้กับตระกูลเทียนซ่ง มันเป็นไปได้ที่ตระกูลเทียนซ่งที่มีอำนาจเหนือเมืองเวคมานานอาจจะถูกกำจัดไป นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเขาปรารถนาที่จะเห็น

แม้ว่าทหารรับจ้างที่ถูกตระกูลเทียนซ่งจ้างมาจะไม่ได้เป็นคนของตระกูล แต่พวกเขาก็ถูกปฏิบัติด้วยอย่างดี หลังจากที่ถูกตระกูลจ้างมานาน ทหารรับจ้างก็มีความผูกพันกับตระกูล และไม่มีใครต้องการที่จะเห็นพวกเขาต้องตายไปหมด

เจี้ยนเฉินยิ้มเหยียดออกมา ต้องขอบคุณประสบการณ์ในฐานะคนเดินทางจากโลกภพที่แล้วของเขา เขาจึงเดาได้ทันทีว่าชายคนนั้นพยายามจะทำอะไร

“ข้าเป็นนักเดินทางตัวคนเดียว ข้ามาจากไหนไม่สำคัญกับพวกเจ้าทั้งหมด แล้วใครที่เป็นอาจารย์ของข้าน่ะหรือ ขอโทษจริงจริง จนมาถึงวันนี้ ข้ายังไม่เคยมีอาจารย์เลย ท้ายสุดนี้ ตระกูลเทียนซ่งของพวกเจ้ามาหาเรื่องข้าก่อน ตั้งแต่ตอนไหนที่มันเปลี่ยนเป็นข้าที่กลายเป็นคนหาเรื่อง ? ” เจี้ยนเฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนหลายคนก็โล่งอกทันที กลังจากนั้น ชายที่พูดก่อนหน้านี้ก็พูดต่อ “ถ้างั้นมันจะดีที่สุดถ้าเจ้าจะกลับไปที่ตระกูลเทียนซ่งกับพวกเรา ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่ปราณีเจ้าแม้แต่นิดเดียว ถ้าเจ้าออกไปจากที่นี่โดยเสียแขนเสียขามันคงแย่แน่”

หลังจากที่ได้เห็นเจี้ยนเฉินฆ่ากลุ่มทหารรับจ้างไปโดยไม่ได้พยายามอะไรมาก ชายเหล่านี้ก็ไม่มีความต้องการที่จะสู้กับเขา แม้ว่าพวกเขามั่นใจว่าพวกเขาสามารถจับเจี้ยนเฉินได้ แต่กระบี่ของเขาที่มีความเร็วดุจสายฟ้าก็เป็นอะไรที่พวกเขากลัว ถ้าพวกเขาบาดเจ็บ มันคงได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าพวกเขาสามารถคุมตัวเจี้ยนเฉินไปได้โดยไม่ต้องพยายามมาก พวกเขาก็คงจะยินดีมาก

“ฝันไปเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินเหยียดออกมา มือขวาของเขากระตุกออกไปในขณะที่กระบี่วายุโปรยก็ระบำอย่างรวดเร็วในอากาศ ปลายกระบี่ของมันลอยไปทางกลุ่มคน ปราณกระบี่จำนวนมากกลับมาห้อมล้อมกระบี่อีกครั้งในขณะที่เจี้ยนเฉินพูดออกมา “พูดให้น้อยลง ถ้าเจ้าต้องการจะทำอะไรก็รีบ ๆ ซะ”

การยั่วยุของเจี้ยนเฉินทำให้ตระกูลเทียนซ่งโกรธ นายน้อยก็หมดความอดทน เขาโบกมือแล้วคำรามออกมาทันที “พวกเจ้ายืนอยู่ทำไม ? ไปจับมันมาเร็วเข้า!”

แม้ว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ถัดจากนายน้อยจะไม่ได้มีตำแหน่งหรือสถานะที่ต่ำ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าแกนหลักของพวกเขายังคือนายน้อยของตระกูลเทียนซ่ง ในตอนที่เขาสั่งออกมา กลุ่มนี้จึงเริ่มพุ่งออกไป