บทที่ 196 ตัวปลอม

คู่ชะตาบันดาลรัก

ขอทานชรามองหัวขโมยบนพื้นแล้วพูดว่า “ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ทำตัวซื่อสัตย์หน่อยทำตัวให้ฉลาด มองให้ชัดเจน ข้าบอกอะไรเจ้าไปเจ้าทำเป็นหูทวนลมหมดเลยหรือ”

พูดจบเขาก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าพร้อมกับประสานมือคารวะ “คุณชายโปรดอย่าถือสาเอาความเลยข้ารู้จักกับผู้อาวุโสของเด็กคนนี้ ข้าจะชดใช้ให้คุณชายเองท่านช่วยปล่อยเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ขอรับ”

คุณชายน้อยมองเขาจากนั้นก็หันไปมองตัวฝู เมื่อเห็นนางพยักหน้าเขาก็ยิ้มเยาะออกมา “ข้านับถือท่านเป็นยอดฝีมือปกติหากไว้หน้าแก่กันข้าไม่ว่าอะไร แต่เขากล้าเข้ามายุ่งกับข้าจะให้ปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้แล้วต่อไปข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ขอทานชรายิ้ม “ที่คุณชายกล่าวมาก็ถูกขอรับถ้าอย่างนั้นให้ขอทานอย่างข้าชดใช้ให้คุณชายดีหรือไม่” ไม่รอให้คุณชายน้อยตอบกลับเขาพูดต่ออีกว่า “คุณชายน้อยกัว กลุ่มยาจกในใต้หล้าถือเป็นครอบครัวเดียวกันให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นก็เหมือนให้ความสะดวกแก่ตนเอง”

คุณชายน้อยตกใจเขาโพล่งออกไปว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่กัว”

ขอทานชรายิ้มกว้าง “ไม่ใช่ว่ามือคว้าจับของคุณชายเมื่อครู่เป็นการแสดงที่คนตระกูลกัวแห่งลั่วเฉิงถนัดหรอกหรือ”

พูดจบเขาก็ต่อว่าหัวขโมยคนนั้น “เจ้าโง่! มีตาหามีแววไม่ยังไม่รีบขอโทษคุณชายกัวอีก”

หัวขโมยรีบพูดออกไป “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ คุณชายโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยขอรับ!”

ขอทานชราก้าวไปข้างหน้าและลดเสียงลง “คุณชายน้อยกัวพวกเราสองฝั่งต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งต่อกัน ที่นี่คือเมืองหลวงคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน หากกลายเป็นเรื่องใหญ่เข้าจนเรื่องถึงหูจอมยุทธ์กัว อาจทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราทลายลงได้”

“ท่าน…” คุณชายน้อยเลิกคิ้วในที่สุดก็พูดออกไปว่า “ตัวฝู ปล่อยเขา!”

“เจ้าค่ะ” ตัวฝูหน้าตาบึ้งตึง แต่ก็ปล่อยอีกฝ่ายตามคำสั่งของคุณชาย

หัวขโมยคนนั้นรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปอยู่ด้านหลังของขอทานชราซึ่งอยู่ห่างจากสาวใช้ค่อนข้างไกล สาวใช้คนนี้มีฝ่ามือที่ทรงพลังไม่ต่างจากยอดฝีมืออันดับหนึ่งเท่าไรนัก

ขอทานชรามองสาวใช้อย่างระมัดระวังแล้วคารวะให้คุณชายน้อยอีกครั้ง “คุณชายน้อยใจกว้างยิ่งนักข้าน้อยซาบซึ้งเป็นอย่างมากโปรดคุณชายรับคำชื่นชมของข้าน้อยด้วย”

คุณชายน้อยแค่นหัวเราะ “ช่างเถอะ! เห็นพวกท่านแล้วข้าก็ทานข้าวต่อไม่ลง” เขาตะโกนขึ้น “ตัวฝู โต๊ะที่ได้รับความเสียหายพวกเราจะชดใช้ให้!”

เจ้าของร้านเห็นว่าอีกฝ่ายรู้จักกลุ่มยาจกเป็นอย่างดีจึงหยุดความคิดที่จะเก็บเงินไปนานแล้วไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงแม้จะหยิ่งยโส แต่เขาก็เป็นคนดีจึงเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า “คุณชายมีความเมตตายิ่งนักขอบคุณมากขอรับ ขอบคุณ” หลังจากจ่ายเงินแล้วเด็กหนุ่มก็พาสาวใช้ออกจากร้านอาหาร

ขอทานชรากลอกตา และเดินตามออกไป “คุณชายน้อยกัว…”

…………

ที่โรงน้ำชาฝั่งตรงข้ามมีใครบางคนยกม่านไม้ไผ่ขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “ทำให้เขาได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มยาจกจริงๆ สินะ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าคนของกลุ่มยาจกจะรู้ตัวตนของเขา” แล้วยังเป็นตัวปลอมอีก

หมิงเวยที่กำลังจิบชาวางถ้วยลงแล้วพูดว่า “ชาวยุทธภพที่มีสายตาที่ดีคงเดาตัวตนของเขาได้ไม่ยาก พวกเขาเข้าใจวรยุทธ์และความลับของแต่ละตระกูล แต่ก่อนที่จะพบกันต้องเผยให้อีกฝ่ายรู้ตัวตนเข้าเสียก่อน

แสดงอำนาจของตนเองออกมาเพราะฉะนั้นปิดบังเพียงครึ่งเดียวให้อีกฝ่ายดูพวกเราออกเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว พวกเขาเชื่อในสายตาของตนเองไม่มีทางสงสัยตัวตนปลอมๆ นั่นแน่”

“แต่แค่วิชามือคว้าจับนั้นสามารถบ่งบอกได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลกัวเลยหรือ” และนั่นก็เป็นสิ่งที่สอนให้ชั่วคราวเท่านั้น

หมิงเวยยิ้ม “ตระกูลกัวแห่งลั่วเฉิงมีบุตรชายสามคน คนโตและคนรองมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาได้ออกมาทำงานเป็นเวลานานแล้วมีเพียงบุตรคนที่สามที่เกิดมาร่างกายอ่อนแอ ฮูหยินกัวรักเขามากเท่าชีวิตและไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นนัก พี่ห้าเดิมทีเป็นนักเรียนคนหนึ่ง และเขาเติบโตมาในครอบครัวที่ดูประคบประหงมด้วยความรักจึงมีลักษณะนิสัยเหมือนคุณชาย หากไล่ดูประวัติบุตรหลานตระกูลกัวคนที่พอจะมีบุคลิกตรงกับเขามากที่สุดคงจะเป็นคุณชายเล็กคนเดียวเท่านั้น”

หยางชูพยักหน้า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ท่านตั้งใจให้เป็นเขาใช่หรือไม่”

สีหน้าของหมิงเวยไม่เปลี่ยน “หนึ่ง คนของท่านล้วนเป็นคนที่มีความชำนาญสูงซึ่งไม่ได้เกิดมามีบุคลิกที่อ่อนโยน และในจุดนี้พี่ห้าไม่จำเป็นต้องแสร้งทำขอเพียงเป็นคนอ่อนโยนก็จะทำให้คนพวกนั้นปล่อยวางความระมัดระวังลงได้ สอง พี่ห้ามักจะโหยหาสิ่งที่ไม่เป็นจริง ขอให้เรียกสติเขาพวกท่านลุงก็รู้สึกคลายความกังวลใจได้ สาม…”

“ยังมีข้อสามด้วยหรือ”

หมิงเวยตอบ “ในแง่ของทักษะตัวฝูก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วเพียงแค่นางไม่มีประสบการณ์และขาดความมั่นใจ ครั้งนี้ข้าจะให้นางได้สัมผัสประสบการณ์ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต”

หยางชูมองนาง “ท่านใช้คนได้คุ้มค่าจริงๆ”

หมิงเวยไม่ใส่ใจ “ขอบคุณที่ชมเจ้าค่ะ”

เห็นอีกฝ่ายหน้าด้านเช่นนี้หยางชูก็จนปัญญา “มือใหม่สองคน ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเขาสามารถเข้าใกล้จุดสูงสุดของกลุ่มยาจกได้”

หมิงเวยเหลือบมองเขา “ดูเหมือนท่านจะดูถูกพวกเขาเล็กน้อย”

หยางชูคลี่พัดแล้วพูด “ไม่ใช่ดูถูก แม้แต่คนของข้าก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถบุกเข้าไปในกลุ่มยาจกได้ในเวลาอันสั้น”

สำหรับองค์กรเช่นนี้หากต้องการเข้าไปอยู่ในจุดสูงสุดสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความไว้วางใจซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน

หมิงเวยยิ้ม “ท่านอย่าดูถูกพี่ห้าของข้าสิถึงเขาจะอ่อนแต่ก็เป็นคนหัวไว ข้ากำลังทำให้เขาได้แสดงศักยภาพของตนเองไม่เช่นนั้นวันๆ ปีนกำแพงโดดเรียน มันเสียเวลาเกินไป”

ได้ยินนางกล่าวชมจี้เสียวอู่หยางชูก็พูดด้วยความปวดใจ “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามารอดูกัน!”

………..

จี้เสียวอู่ในตอนนี้ได้ตามขอทานชราเข้าไปโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่อาหารของที่นี่อร่อยมากโดยเฉพาะไก่ย่าง เพียงยกขึ้นมาก็ส่งกลิ่นหอมลอยเข้าจมูก

ขอทานชราหัวเราะจากนั้นก็รินสุราให้อีกฝ่าย “คุณชายน้อยกัวที่ข้าพูดมาถูกใช่หรือไม่ อาหารและสุราของที่นี่รสเลิศมาก!”

จี้เสียวอู่จิบสุราและพยักหน้าด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ไม่เลวจริงๆ”

เขาคุยกับขอทานชราไปสมองพลางประมวลผลอย่างรวดเร็ว น้องหญิงพูดกับเขาว่า โจรและขอทานบนถนนส่วนใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มยาจกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

ขอทานชราผู้นี้ตัวฝูบอกว่าความสามารถของเขาไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนระดับสูงในกลุ่มยาจก แต่ไม่ใช่ผู้นำ แต่น่าจะเป็นผู้อาวุโส ถึงแม้เขาจะดูตัวตน ‘คุณชายน้อยตระกูลกัว’ ออก แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้…

จี้เสียวอู่ไม่พูดอะไรมากเขากินไปสักพักก็วางตะเกียบลงและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับข้าพูดแล้วรักษาคำพูด ความคับแค้นใจก่อนหน้านี้ข้าจะละทิ้งมันไปข้ามีธุระต่อคงต้องขอตัว” พูดจบเขาก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้ตัวฝู และเตรียมจากไป

“เดี๋ยวก่อน!” ขอทานชรารีบห้าม “คุณชายกัวมีเรื่องอะไรหรือถึงได้รีบร้อนเช่นนี้ กลุ่มยาจกในใต้หล้าล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันท่านเดินทางไกลมาที่หยุนจิง พวกเราต้องต้อนรับท่านเป็นอย่างดี”

จี้เสียวอู่ปฏิเสธ “ก็ต้อนรับไปแล้วไม่ใช่หรือ ในเมืองหลวงยังมีคนที่รอข้าอยู่”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบเดินออกไปขอทานชราก็หัวเราะ “คุณชายน้อยกัว คำพูดนี้ดูไม่ซื่อสัตย์เลยนะ ท่านมาที่หยุนจิงคนในครอบครัวท่านไม่รู้ไม่ใช่หรือคงไม่ดีแน่หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้พวกเราได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่ดีเถอะ!”

สีหน้าของจี้เสียวอู่เปลี่ยนไปเขาพูดด้วยความระแวดระวัง “ท่านคงไม่เอาเบาะแสของข้าไปบอกคนของท่านพ่อหรอกนะ”

…………