บทที่ 174 เคล็ดวิชาสะกดจิตของฉินเหยาเยว่

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เย่เทียนเฉินเดินมาถึงหน้าตึกภาควิชาโบราณคดีโดยไม่รู้ตัวอีกครั้งหนึ่ง กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพลังพิเศษอันแข็งแกร่งลึกๆ ในใจที่มีก่อนหน้านี้ จึงเดินมาถึงที่นี่ในสภาพที่ไม่ได้สังเกตเห็น

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะเดินเข้าไปนั้น ก็ได้ปะทะกับสาวงามสวมแว่นกันแดดสีดำและผ้าปิดปากสีขาวที่เดินออกมากระทันหัน ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าของเธอ เย่เทียนเฉินก็กล้ามั่นใจว่า ผู้หญิงที่ปิดบังใบหน้าคนนี้จะต้องสวยมากอย่างแน่นอน ในช่วงยุคสิ้นโลกเย่เทียนเฉินมีหญิงงามจำนวนมาก พูดได้โดยไม่เกินจริงเลยว่า จะเป็นสาวงามหรือไม่แค่ดมดูก็รู้แล้ว

เป็นดังที่คาดไว้ ผู้หญิงที่ใช้แว่นกันแดดสีดำและผ้าปิดปากสีขาวปิดบังใบหน้าของตนเองคนนี้ หลังจากที่ชนกับเย่เทียนเฉินแล้วก็ทำแว่นกันแดดตกพื้นโดยไม่ทันได้ระวัง เย่เทียนเฉินจึงสามารถเห็นดวงตาของเธอได้ ดวงตาอันงดงามที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร สวยจนราวกับจะพูดออกมาได้ หลังจากที่ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เย่เทียนเฉินพบว่ามีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สามารถเทียบกับเธอได้ นั่นก็คือหลิวหรูเหมย แน่นอนว่าระหว่างหลิวหรูเหมยที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงคนนี้กับเย่เทียนเฉิน มีความเกี่ยวพันกันอย่างคลุมเครือ

ผู้หญิงคนนั้นรีบเดินจากไปอย่างกระวนกระวาย กระทั่งชื่อของเธอเย่เทียนเฉินก็ไม่รู้ แน่นอนว่าไม่ใช่จะถูกใจสาวงามคนนี้ แต่เป็นเพราะชั่วขณะที่ชนกันนั้น เย่เทียนเฉินรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ตกลงเป็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง ในเวลาเพียงชั่วครู่ก็พูดไม่ได้

ในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังสงสัยอยู่นั้น เมื่อหมุนตัวมาก็พบกับฉินเหยาเยว่ที่ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขาอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงเมื่อไหร่ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันแล้ว จะต้องไม่มีใครปรากฏตัวต่อหน้าของเขาอย่างไรซุ่มไร้เสียงได้โดยเด็ดขาด แต่ฉินเหยาเยว่สามารถทำได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถแน่ใจได้ว่าฉินเหยาเยว่ไม่ใช่คนธรรมดาโดยเด็ดขาด

“งั้นให้ครูพาเธอไปดูสักหน่อยเป็นไง?” ฉินเหยาเยว่เองก็มองเย่เทียนเฉินอย่างล้ำลึก เอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

“จะกล้าลำบากอาจารย์ได้ยังไงครับ ผมเดินดูรอบๆ เองก็พอแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเกรงใจ

“พอดีว่าครูมีเวลา อีกอย่าง ความจริงแล้วอายุของพวกเราก็ใกล้เคียงกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก ทุกคนต่างก็เป็นคนรุ่นเดียวกัน!”

“งั้น งั้นก็ได้ครับ!”

ตอนแรกเย่เทียนเฉินและฉินเหยาเยว่ต่างก็เดินเข้าไปในตึกภาควิชาโบราณคดีด้วยกัน ยิ่งนานเข้าเย่เทียนเฉินก็ยิ่งมีความสนใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาสาวสวยอย่างฉินเหยาเยว่คนนี้มากยิ่งขึ้น เธออายุเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น แถมยังหน้าตาสละสลวย ถึงกับสามารถกลายเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของภาควิชาโบราณคดีได้ และยังมีบรรยากาศลึกล้ำปรากฏออกมาทุกที่ ฉินเหยาเยว่คนนี้สร้างความประทับใจให้กับเย่เทียนเฉินอยู่สามคำนั่นก็คือ ไม่ธรรมดา

นี่ทำให้เย่เทียนเฉินยิ่งรู้สึกสนใจ ดูท่าแล้วในมหาวิทยาลัยหลงเถิงแห่งนี้ จะมีเรื่องน่าสนุกอยู่มากจริงๆ เริ่มด้วยเรื่องที่หยางอี้ไหว้วันตนเอง ตงฟางเมิ่งเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ ต่อมาเย่เทียนเฉินจึงได้รู้ว่า ตงฟางเมิ่งไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกคนก็รู้ นั่นคือเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้รับโหวตให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยหลงเถิงในอันดับแรกติดต่อกัน อีกทั้งเมื่อคิดดูแล้วกระทั่งเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอัศจรรย์ใจ อยากจะเห็นตงฟางเมิ่งสักหน่อยว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาอย่างไรกันแน่

เพียงแต่ในตอนนี้ ความคิดของเย่เทียนเฉินล้วนอยู่ที่อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยา ดังนั้นการตามหาจอมแพทย์เทวะจึงเป็นเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน ตนเองได้นำข้อมูลในเรื่องนี้บอกกับเสี้ยวหยาไปแล้ว จึงไม่อยากจะทำให้เธอผิดหวัง หากเป็นเช่นนี้จะมีเป็นการทำร้ายเสี้ยวหยามากเกินไปจริงๆ

เย่เทียนเฉินเดินตามหลังฉินเหยาเยว่ ไม่ได้กางพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกมา และได้เก็บซ่อนพลังพิเศษทั้งหมดของตนเอาไว้ เขารู้ว่าในตึกภาควิชาโบราณคดีแห่งนี้ เป็นไปได้มากว่าจะมียอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ หากว่าเขากลางพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปตามใจ ไม่เพียงแต่จะหาอีกฝ่ายไม่เจอ และยังเป็นไปได้มากกว่าจะถูกอีกฝ่ายตามรอยตนเองได้

“ไม่รู้ว่าอาจารย์เป็นคนที่ไหน?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามเพื่อทำลายบรรยากาศอันกระอักกระอ่วน

“อ๋อ มณฑลชวน เธอล่ะ?” ฉินเหยาเยว่ที่เดินอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนว่าจะเดินไปพลางคิดอะไรบางอย่างไปพลาง หลังจากที่ได้สติกลับมาก็เอ่ยถามกลับด้วยรอยยิ้ม

“คนเมืองหลวงครับ!” เย่เทียนเฉินเองก็พูดยิ้มๆ

แม้จะพูดว่าฉินเหยาเยว่พาเย่เทียนเฉินเดินชมเพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของตึกภาควิชาโบราณคดี แต่ความจริงทั้งสองต่างก็มีความคิดเป็นของตนเอง เย่เทียนเฉินกำลังคิดจะดูสักหน่อยว่าฉินเหยาเยว่เป็นใครกันแน่? จะเป็นเหมือนกับที่ตนเองคาดเดาหรือไม่ ส่วนฉินเหยาเยว่กับคิดจะดูว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ จะเหมือนกับที่ข้อมูลแสดงเอาไว้จริงๆ หรือไม่ แข็งแกร่งจนถึงขั้นคาดเดาไม่ได้ ควรค่าที่จะให้กลุ่มอำนาจในแต่ละด้านแอบตรวจสอบอย่างลับๆ

“ใช่แล้วครับอาจารย์ คุณสอนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงนานแค่ไหนแล้วครับ?” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินก็คิดถึงคำถามหนึ่งขึ้นมา

“สองปีแล้ว ตอนที่ไม่มีคนอื่นก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก เรียกฉันว่าเหยาเยว่ก็พอแล้ว!” ฉินเหยาเยว่หันมามองเย่เทียนเฉิน พูดพลางยิ้มหวานให้

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เมื่อเห็นฉินเหยาเยว่มองตนเองด้วยท่าทางหยอกล้อแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดหยอกล้อขึ้นมา

“เรียกคุณอย่างสนิทสนมแบบนี้ จะทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นคนโปรดจนลำบากใจนะครับ…”

“งั้นเหรอ? แต่ว่าฉันมีความสุขมาก!”

ทันใดนั้นนิสัยของฉินเหยาเยว่ก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นมีเสน่ห์อย่างมาก เธอโถมกายเข้าหาเย่เทียนเฉิน หน้าอกอันตั้งตระหง่านคู่นั้นแกว่งไกวอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ใกล้เพียงเอื้อมมือ โดยเฉพาะกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างของผู้หญิง ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา สิ่งที่เป็นที่สุดก็คือ ฉินเหยาเยว่ไม่เพียงแต่โถมร่างมาใส่เย่เทียนเฉิน แต่ริมฝีปากแดงชุ่มฉ่ำอันเซ็กซี่นั้นก็ราวกับจะประทับเข้ามา

“ฉันอยากจะรู้มากเลยว่า นายแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่…” ฉินเหยาเยว่กระซิบข้างหูเย่เทียนเฉินด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ราวกับมีเวทย์มนต์ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

“หวา ใหญ่มาก จับเต็มมือ…”

ชั่วพริบตานั้น เย่เทียนเฉินตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองจับไปยังหน้าอกของฉินเหยาเยว่โดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองไปก็พบว่าอีกไม่ถึงครึ่งเซนติเมตรก็จะจับโดนแล้ว พริบตานั้นฉินเหยาเยว่ได้สติกลับมาจึงรีบถอยไปสองก้าว  ดวงหน้างดงามแดงระเรื่อ ใช้ดวงตาคู่งามจ้องเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อครู่นี้ตนเองเกือบจะทำสำเร็จแล้ว ทำให้เย่เทียนเฉินถูกตนเองควบคุม ขอเพียงเธอถามอะไร เย่เทียนเฉินก็จะตอบออกมาอย่างซื่อสัตย์ แต่ว่า  ถึงกับถูกเย่เทียนเฉินทำลาย นี่ทำให้ฉินเหยาเยว่คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครที่สามารถหนีจากการสะกดจิตของตนเองได้

“นาย…นายคิดจะทำอะไร?” ฉินเหยาเยว่มองเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยถามอย่างตึงเครียด

“เอ๋? ไม่มีอะไรครับ คุณเข้ามาใกล้แบบนี้ แล้วยังมีของทรงพลังขนาดนี้อีก ผมย่อมต้องช่วยนวดให้มันสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางอันธพาล

ฉินเหยาเยว่มองเย่เทียนเฉินครั้งหนึ่ง พยายามสงบจิตใจแล้วพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ เธอก็คงจะคุ้นเคยกับตึกนี้พอประมาณแล้ว วันหน้ามาเข้าเรียนก็อย่ามาสายล่ะ!”

“เอ๋ ความจริงแล้วผมไม่ชอบเข้าเรียนเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ มีอาจารย์สาวสวยแบบคุณอยู่ ผมจะไม่มาเข้าเรียนทุกวันได้ยังไงล่ะครับ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยใบหน้าทะเล้น

“นี่เธอพูดแล้วนะ หากว่ามีคาบไหนที่ครูเห็นว่าเธอไม่มา จะไม่ปล่อยเธอไปแน่!” ฉินเหยาเยว่เองก็พูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม

“งั้นพวกเราก็พูดคำไหนคำนั้น!”

เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากตึกภาควิชาโบราณคดี เขาเดินตรงไปข้างหน้า ไปยังทิศทางของหอนักศึกษาหญิง ตลอดทางก็ไม่ได้หันกลับไป เพราะเขารู้ว่าฉินเหยาเยว่กำลังยืนมองเขาอยู่บนตึกภาควิชาโบราณคดี ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ รวมกับใบหน้างดงามไร้ที่ติ เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายคนใดก็ตามหลงใหล เมื่อครู่นี้เขาก็เกือบจะตกหลุมของฉินเหยาเยว่แล้ว

ถึงแม้ก่อและหลังช่วงเวลาที่ปะทะกันนั้น ทั้งสองจะมีท่าทางธรรมชาติอย่างมาก เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าต่างก็ถูกทำให้ตกตะลึงไปแล้ว ฉินเหยาเยว่ไม่ต้องพูดถึง เคล็ดวิชาสะกดจิตของเธอ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน ครั้งนี้ถึงกับถูกเย่เทียนเฉินทำลาย ประหลาดใจจนทนไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว คิดว่าไม่ผิดไปจากข่าวลือ เย่เทียนเฉินลึกล้ำเกินคาดเดา ไม่ใช่เย่เทียนเฉินที่เป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวงแล้ว คนคนนี้กลายเป็นจุดรวมสายตาของกลุ่มอำนาจอิทธิพลลับๆ ทั้งหลาย

ส่วนเย่เทียนเฉินเองก็ประหลาดใจมาก เมื่อคู่นี้เขาเกือบจะทนไม่ไหวจนต้องลงมือกับฉินเหยาเยว่ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าจะกะทันหันและคาดเดาไม่ได้แบบนี้ ในชั่วพริบตาที่ตนเองสบตากับฉินเหยาเยว่นั้น เธอก็ได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดจิต ค่อยๆควบคุมเย่เทียนเฉิน เป็นเหตุให้ฉินเหยาเยว่เข้าไปใกล้ขนาดนั้น คิดจะใช้โอกาสนี้ถามความสามารถของเย่เทียนเฉิน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว หากไม่ใช่ว่าในช่วงเวลาสำคัญ แก่นพลังในสมองของเย่เทียนเฉินเกิดการสั่นไหว ทำให้พลังพิเศษในร่างกายของเขาสับสนจนได้สติขึ้นมา เกรงว่าเย่เทียนเฉินจะต้องถูกครอบงำโดยฉินเหยาเยว่ไปแล้ว

“ดูท่าฉินเหยาเยว่จะไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาภาควิชาโบราณคดีง่ายๆ แบบนั้นอย่างแน่นอน เธอมาที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงเพราะมีเป้าหมาย ถึงกับมีเคล็ดวิชาสะกดจิตที่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าเธอมีฐานะอะไรกันแน่…” ในใจของเย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างประหลาดใจ

เมื่อครู่นี้ที่เย่เทียนเฉินไม่ได้ลงมือแต่อดกลั้นเอาไว้ ก็เพราะเขาไม่อยากจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาต้องการรู้ว่าฉินเหยาเยว่เป็นใครกันแน่ ทำไมจึงต้องมาที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง? อีกทั้งดูท่าทางแล้วฉินเหยาเยว่จะสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับตนเอง ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงอดกลั้นเอาไว้ มิเช่นนั้นคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องต่อสู้กับฉินเหยาเยว่

ฉินเหยาเยว่ ผู้หญิงที่ลึกลับคนนี้ ตกลงแล้วมีฐานะอะไรกันแน่ มาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาภาควิชาโบราณคดีในมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีเป้าหมายอะไรกันแน่?

เย่เทียนเฉินนำพาคำถามอันน่าสงสัยเช่นนี้เดินไปถึงใต้หอพักนักศึกษาหญิงแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง หยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมา กำลังจะโทรไปหาเสี้ยวหยา ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างร่างหนึ่ง ทำให้เย่เทียนเฉินหยุดการกระทำลง เพราะเหงาร่างที่เดินไปยังหอพักนักศึกษาหญิงนั้น เป็นผู้หญิงปิดบังใบหน้าที่เดินชนกับเย่เทียนเฉินที่หน้าประตูตึกภาควิชาโบราณคดี

ผู้หญิงคนนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะตอนที่ชนกันนั้น เขารู้สึกเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ในใจรู้สึกสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่สามารถคิดออกได้ในเวลาเพียงชั่วครู่ ดูท่าแล้วในมหาวิทยาลัยหลงเถิงแห่งนี้จะมีเรื่องลึกลับไม่น้อยเลยทีเดียว!

……………………..