ฤดูหนาวแสนเย็นยะเยือกผ่านพ้นไป
ฤดูฝนสั้นๆ แจ้งให้ทราบถึงต้นฤดูใบไม้ผลิก็ผ่านพ้นไปแล้วเช่นกัน อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ดอกไม้เองก็เริ่มบานสะพรั่ง
วันเกิดของเธอเองก็เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ตอนนี้เธอจึงมีอายุครบ 12 ปีแล้ว
วันนี้เครย์ลีบันใช้ข้ออ้างเรื่องคลาสเรียนมาพบเธอที่คฤหาสน์ พวกเรากำลังประชุมกันอยู่
“คงจะต้องเพิ่มปริมาณธัญพืชสำหรับขายสักระยะหนึ่งแล้วละครับ”
“ยังไงตั้งแต่เดือนหน้าทางตะวันออกก็จะเริ่มเพาะปลูกประจำฤดูใบไม้ผลิกันแล้ว ทำตามนั้นเถอะค่ะ เครย์ลีบัน”
“ครับ ข้าจะรีบนำรายงานล่าสุดเกี่ยวกับกำไรจากการขายธัญพืชทางตะวันออกมาให้โดยเร็วที่สุดครับ”
ว่าแล้วเชียว เครย์ลีบันทำงานได้เยี่ยมมาก
เธอไม่ต้องพูดอะไร เขาก็คาดการณ์เรื่องทุกอย่างได้ ทั้งยังจัดการแก้ปัญหาได้อย่างหมดจด
บางครั้งเธอเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เพราะไม่เหลืองานอะไรให้ต้องทำเองเลย
เธอเองก็อยากมีประโยชน์บ้างเหมือนกันนะ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็พลันนึกได้ถึงบทสนทนาที่เคยคุยกับไวโอเล็ตเมื่อไม่นานนี้ จึงถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจนัก
“เห็นว่าปู่โครอิลลี่ลดปริมาณงานลง เพราะโรคปวดข้อต่อ…”
“ครับ เพราะฉะนั้นทางเขตแดนไอบันจึงเชิญลูกศิษย์ของคุณโครอิลลี่มายังเมืองหลวง และได้จัดหาห้องพักให้พวกเขาครับ เห็นว่าเป็นบ้านหรูแถวร้านขายอัญมณี…”
นั่นไง
เครย์ลีบันสืบเรื่องทุกอย่างที่จำเป็นไว้หมดแล้ว
เรื่องที่เธอพอจะทำได้ก็คงมีแค่
“’ ยาขี้ผึ้งเอสทีร่า’ ใช้ได้ผลดีกับโรคปวดข้อต่อทีเดียว เพราะฉะนั้นเอาไปให้เขาหลายกระปุกหน่อยเถอะค่ะ”
พูดเรื่องแบบนี้เท่านั้น
“ข้าไม่ทันได้นึกถึงเรื่องนั้นเลยครับ ว่าแล้วเชียว ท่านฟีเรนเทียมีจิตใจงดงามจริงๆ”
เครย์ลีบันเอ่ยชม ดูเหมือนเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจได้ง่ายๆ แล้ว
“ช่วงนี้เบ๊ตเป็นยังไงบ้างคะ”
เบ๊ตเซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเรา
พวกเราจะช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าเช่าตึกให้ ส่วนเขาจะต้องมอบข้อมูลสำคัญที่ทางคาราเมล อเวนิวรวบรวมได้ให้แก่พวกเราเป็นการแลกเปลี่ยน
“ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าก็ได้ ดังนั้นจึงค่อนข้างคล่องตัวมากทีเดียวครับ พวกพนักงานร้านขนมที่จ้างมาคราวก่อนโน้น ตอนนี้ก็เริ่มคุ้นกับงานกันแล้ว เจ้าตัวจึงสามารถโฟกัสอยู่กับเรื่องข้อมูลได้น่ะครับ”
“อา ก็ว่าทำไมจู่ๆ คุณภาพข้อมูลที่ส่งมาให้ถึงได้พัฒนาขึ้นมาก ว่าแล้วเชียว เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง”
ดีแล้วละ
นับแต่นี้ไป เบ๊ตกับคาราเมล อเวนิวก็จะพัฒนาต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
ขนาดที่เธอต้องลูบอกด้วยความโล่งใจว่า ดีแล้วที่เลือกเป็นพันธมิตรกับพวกเขาตั้งแต่เนิ่นๆ
“ยังมีอีกเรื่องที่ต้องปรึกษาอยู่ครับ”
เครย์ลีบันส่งเอกสารปึกหนาให้เธอ พลางพูดขึ้น
“ในบรรดาทรัพย์สินของร้านค้าเพลเลส มีเงินจำนวนมากที่นอนนิ่งอยู่เฉยๆ ครับ ข้าคิดว่านำไปลงทุนในร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันต่อก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรมากนัก”
มีเงินจำนวนมากนอนนิ่งอยู่เฉยๆ อย่างนั้นเหรอ
นี่เธอรวยขนาดนั้นเชียว
อันที่จริงที่ผ่านมาก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเปิดกิจการใหม่ๆ เธอเลยไม่เคยได้ตรวจเช็กเลยว่าหาเงินได้มากขนาดไหนแล้ว
“ข้ารวยมากขนาดที่เครย์ลีบันพูดเลยเหรอคะ”
เครย์ลีบันพยักหน้าให้กับคำถามของเธอ ในขณะที่ตอบอย่างหนักแน่น
“ถ้ารวมกำไรการค้าตะวันออกครั้งนี้เข้าไปด้วย ร้านค้าเพลเลสก็กลายเป็นกลุ่มการค้าติด 1 ใน 5 อันดับของอาณาจักรแล้วครับ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…”
“ทั้งเหมืองเพชร ทั้งเรื่องทางตะวันออกคราวนี้ก็ด้วย มันเป็นกิจการที่ได้สัดส่วนกำไรสูงนี่ครับ ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีที่พวกเราลงทุนในกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียกับร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน ไหนจะพวกอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนตามที่ท่านฟีเรนเทียช่วยชี้แนะให้เป็นระยะพวกนั้นอีก ราคามันเพิ่มสูงขึ้นมากเลยละครับ”
“ว้าว”
ไม่นึกเลยว่าจะขนาดนั้น
พอเห็นเธอชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจ เครย์ลีบันก็เอียงคอด้วยความงุนงงในขณะที่พูดขึ้น
“ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ท่านฟีเรนเทียลงมือทำทั้งนั้นนะครับ”
“มันก็จริงค่ะ…แต่ก็นะ ฮ่าฮ่า”
“น่าทึ่งมากจริงๆ ครับ”
คำพูดนั้นเปี่ยมไปด้วยความนับถือและความปลาบปลื้มจากใจจริง
“ได้รับใช้ข้างกายท่านฟีเรนเทียคนนี้ รู้สึกเป็นเกียรติของข้ามากเลยครับ”
เครย์ลีบันโค้งศีรษะลงเล็กน้อยพลางพูด
ได้รับคำชมต่อหน้าแบบนี้ รู้สึกเขินนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่กลับรู้สึกภูมิใจมากกว่า
รู้สึกเหมือนกับประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งละมั้ง
วางใจได้บ้างแล้วแบบนี้ คงต้องเริ่มลงมือจัดการเรื่องต่างๆ ที่ตั้งใจว่าจะทำได้แล้วสินะ
“งั้นตอนนี้ก็ต้องเตรียมเปิดตัวแล้วสินะคะเนี่ย”
แต่ปฏิกิริยาของเครย์ลีบันที่กำลังดื่มน้ำดับกระหายกลับผิดไปจากที่คาดไว้
เพล้ง!
แก้วหลุดจากมือ มันร่วงหล่นลงพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
แต่ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาเบิกกว้างของเครย์ลีบันก็ยังคงมองค้างอยู่ที่เธอ ไม่ยอมขยับไปไหน
“…ปะ เปิดตัวอย่างนั้นหรือ งานเปิดตัวที่ข้ารู้จัก…”
“ค่ะ เปิดตัวแบบนั้นแหละค่ะ”
ไม่งั้นยังจะมีแบบอื่นอีกหรือไง
เครย์ลีบันได้แต่นั่งเหม่อเหมือนคนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอะไรนักหนา ก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
* * *