บทที่ 225 โปรดมารับดาบในอีกสามวันหลังจากนี้

ไหปีศาจ

บทที่ 225
โปรดมารับดาบในอีกสามวันหลังจากนี้

“ไร้หน้า!” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความตื่นตกใจ
ร่างของไร้หน้านั้นแทบจะแตกออกกลายเป็นแอ่งของเศษเนื้อและเลือด ร่างกายของเขาค่อย ๆ แตกตัวออกมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีบางอย่างที่เหมือนกับคริสตัลแวววาวอยู่ในบาดแผลอีกด้วย

ผู้บัญชาการหลิงหลงสะบัดนิ้วของนาง ปล่อยคลื่นพลังวิญญาณสีทองจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายที่เหลืออยู่ของเขา จากนั้นร่างของไร้หน้าก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไร้หน้าดูซีดเซียว แต่ลมปราณและร่างกายของเขากลับบริสุทธิ์และสะอาดเป็นพิเศษ แบบเดียวกับทารกแรกเกิด

“นายท่าน ข้าสบายดีแล้ว” เสียงของไร้หน้าดูอ่อนแอ
จากนั้นไร้หน้าก็พยายามที่จะยืนขึ้น เท้าของเขาสั่น เหมือนกับว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับร่างกายของตัวเอง เขาจับที่ใบหน้าสองสามครั้งแล้วนอนลง

“ขอบคุณมาก สำหรับการปรับโฉมใหม่” ไร้หน้าหายใจเข้าลึก

เดิมทีแล้วไร้หน้าเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ในตอนที่เขามีอายุได้มากระดับหนึ่ง ทำให้เส้นวงจรพลังวิญญาณของเขาจึงมีรูปร่างที่ตายตัวอยู่ก่อนแล้ว การปรับร่างกายใหม่อีกครั้งนั้นช่วยให้อนาคตในการฝึกฝนของเขาสดใสขึ้นได้มาก

“แต่ข้าก็ยังไม่สามารถยอมรับคำสบประมาทของท่านได้” ไร้หน้าพูดต่อไป

จี๋กุยแทบจะเป็นบ้า
ช่วยอย่ายั่วโมโหท่านผู้บัญชาการไปมากกว่านี้เลยเถอะ
“ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้บัญชาการหลิงหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วโบกมือราวกับกำลังจะบิน “เจ้าคนไร้คุณภาพ ออกไปจากที่นี่ซะ ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาสนใจเจ้า”

พลังมหาศาลผลักร่างของไร้หน้าบินออกไปจากค่ายในทันที

“ดูถูกงั้นเหรอ? เขากล้าพูดสักคำเมื่อข้ากดเขาลงใต้ร่างข้าเพื่อขอยืมเมล็ดพันธุ์ไหมล่ะ ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงพึมพำด้วยเสียงต่ำ

ไร้หน้าไม่ได้ยินประโยคนั้น
ส่วนจี๋กุยไม่แม้แต่จะแสร้งทำเป็นหัวเราะ
มีเพียงลั่วอู๋เท่านั้นที่ยืนอยู่อย่างไร้ระเบียบ
“เอาล่ะ ได้เวลาคุยธุระกันแล้ว” ผู้บัญชาการหลิงหลงดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง

ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงสายตาของผู้บัญชาการหลิงหลงและหัวใจของเขาก็รู้สึกวูบวาบ “ข้าไม่รู้ว่าท่านผู้บัญชาการหลิงหลงกำลังพูดถึงอะไร?”

“ดาบเลือดเดือด จำนวน 10 เล่มต่อเดือนนั้นยังไม่มากพอ” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าว

ลั่วอู๋ไม่ได้คิดว่าจะหมายถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธในทันที “ข้าไม่มีมันไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

ถ้าดาบเลือดเดือดกลายเป็นของที่หน่วยสยบมังกรทุกคนมีกันอย่างเท่าเทียมแล้ว ข้าเอาอะไรไปต่อรองกับหน่วยสยบมังกรได้อีกในภายภาคหน้า

ยิ่งไปกว่านั้นหากมีดาบเลือดเดือดเป็นจำนวนมากเกินไปมันก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครเอาดาบไปไล่สังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ

อย่าประเมินธรรมชาติของมนุษย์สูงเกินไป ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นของผู้คน นั้นสามารถกระตุ้นความต้องการฆ่าสังหารได้ทุกเมื่อ ยิ่งด้วยที่ว่าทุกคนมีมันจนยากจะควบคุม

“ฮึ่ม” ผู้บัญชาการหลิงหลงดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับคำพูดของลั่วอู๋ “มีทหารในหน่วยสยบมังกรอยู่ 5,000 คน ซึ่งข้าจะได้รับดาบเลือดเดือดเพียงสิบเล่มต่อเดือน ข้าต้องรอถึง 40 ปีเพื่อให้ทุกคนในกองทัพได้รับดาบเลือดเดือด ซึ่งมันนานเกินไป”
ลั่วอู๋ตกใจมาก

หากมีดาบเลือดเดือดอยู่ในมือของทหารหน่วยสยบมังกรทั้ง 5,000 คน มันจะเป็นขุมพลังที่น่ากลัวขนาดไหน หากมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริงๆในอนาคต

“ข้าคงช่วยท่านไม่ได้จริงๆ” ลั่วอู๋กล่าวพร้อมกับก้มศีรษะของเขา

ผู้บัญชาการหลิงหลงจ้องมองไปที่ตาของลั่วอู๋ ดวงตาของนางเหมือนกับแสงแดดแผดจ้าที่ต้องการที่จะละลายลั่วอู๋ไปทั้งตัว ลั่วอู๋เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ดูเหมือนผู้บัญชาการหลิงหลงจะกดดันเขามากเกินไปแล้ว

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลเรื่องอะไร” ผู้บัญชาการหลิงหลงค่อย ๆ เปิดปากของนาง “ภายในหนึ่งปีหากเจ้าสามารถนำดาบเลือดเดือด 5,000 เล่มมาให้หน่วยสยบมังกรของข้าได้ ข้าจะถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าสามอย่าง”

หัวใจของลั่วอู๋แทบกระโจนออกจากร่าง
ผู้บัญชาการหลิงหลงจะยอมติดหนี้บุญคุณเขา?
“ยิ่งไปกว่านั้นข้าให้สัญญาว่าดาบเลือดเดือดจะไม่มีวันถูกแพร่กระจายไปยังโลกภายนอก เมื่อข้าพบว่าดาบเลือดเดือดเล่มไหนออกไปสู่โลกภายนอก ผ่านหน่วยสยบมังกรของข้า ข้าจะเป็นคนไปเอามันคืนด้วยตัวเอง” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าวต่อไป

ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ถึงความเร่งด่วนของผู้บัญชาการหลิงหลง

ทำไมนางถึงต้องเร่งรีบขนาดนี้กัน
“ตอนนี้เจ้าพอมีทางทำมันได้รึเปล่า ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงถาม

ลั่วอู๋ยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้าเคยบอกว่าทำไม่ได้ด้วยเหรอ ?”

ผู้บัญชาการหลิงหลงพยักหน้าอย่างพอใจ “คำนวณต้นทุนและวัตถุดิบเท่าที่เจ้าต้องการมา ข้าสามารถจัดหามันให้กับเจ้าจนพอใจได้”

“ไม่ ไม่ มันไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่มีค่าอะไรเลย” ลั่วอู๋โบกมือและตอบว่า “ท่านโปรดมาที่สำนักโล่พิทักษ์เพื่อรับดาบทั้งหมดในสามวันด้วยก็แล้วกัน”

“สาม..สามวัน?” ใบหน้าของผู้บัญชาการหลิงหลงแข็งทื่อไปในทันที จากนั้นน้ำเสียงของนางก็น่ากลัวอย่างยิ่ง “ดาบเลือดเดือดจำนวน 5 พันเล่ม เจ้าจะบอกว่าตัวเองสามารถสร้างพวกมันได้ในสามวันงั้นเหรอ ? มันเหมือนกับเจ้าบอกข้าว่าจะไปฆ่ามังกร 10 ตัวให้พวกข้าในหนึ่งเดือนเลยนะ?”

ลั่วอู๋เกาหัวอย่างเชื่องช้า “ก็นะ … ”
“ถ้าข้าไม่ได้ติดหนี้เจ้าสามครั้งด้วยสัญญาละก็ ข้าอยากจะตบเจ้าให้ตายไปเลย” ผู้บัญชาการหลิงหลงจ้องมองไปที่ลั่วอู๋

จี๋กุยมองไปที่เขาด้วยความขมขื่น
เขาคิดว่ามันคงจะยากมากในการสร้างดาบเลือดเดือด
ลั่วอู๋ยืนนิ่งอย่างไร้เดียงสา

“ท่านผู้บัญชาการ” จี๋กุยหยิบโคมไฟนำทางวิญญาณออกมาและกระซิบว่า “วันนี้ข้าได้สิ่งนี้มาด้วยขอรับ”

ผู้บัญชาการหลิงหลงประหลาดใจ “เจ้าเอาโคมไฟนำทางวิญญาณมาจากที่ไหนกัน”

“ข้าพบมันวางขายอยู่ในร้านของลั่วอู๋ขอรับ” จี๋กุยตอบ
ผู้บัญชาการหลิงหลงเหลือบมองไปที่ลั่วอู๋ “เจ้าตัวน้อย เจ้าสามารถสร้างของแบบนี้ได้อีกรึเปล่า ถ้าเจ้าไม่พูดมาก ข้าก็พร้อมที่จะซื้อมัน”

“นั่นคงเป็นปัญหา” “ มันยากที่จะหาวัตถุดิบสำหรับสิ่งนี้” ลั่วอู๋พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่สามารถทำให้ท่านได้ หาจำนวนมันมากเกินไป”

“เจ้าต้องการวัตถุดิบอะไร” ผู้บัญชาการหลิงหลงถาม
ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบไปว่า “ข้าต้องการผี ผีทหาร และผีทหารระดับนายพล”

“อะไรนะ! เจ้าใช้ชีวิตและสัตว์วิญญาณเพื่อปรับแต่งสิ่งของอย่างนั้นเหรอ ?” ของผู้บัญชาการหลิงหลงมองเขาด้วยสายตาอันเย็นชา

ลั่วอู๋รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “มันไม่ใช่ผีทั่วไป มันไม่ได้เกิดจากคนที่มีชีวิตอยู่ทั่วไป ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือผีที่อยู่มานาน เกินกว่าที่จะสลายไป จนสูญเสียความรู้สึกนึกคิด”

ผู้บัญชาการหลิงหลงสงบลงเล็กน้อยจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ผีทหารและผีนายพล น่าจะสามารถหาได้ตามสถานที่เช่นสนามรบบางแห่ง ข้าจะหาคนมาช่วยจับมันเก็บไว้ให้เจ้า ถ้าเจ้าสนใจ”

ลั่วอู๋พยักหน้า
ลั่วอู๋ไม่ได้พูดถึงภูเขากุยโต เขายังคงต้องรักษาข้อมูลสำคัญเหล่านี้เอาไว้บ้าง

หลังจากการพูดคุยเสร็จ ผู้บัญชาการหลินหลงก็ได้ออกไปส่งพวกเขาที่หน้าค่ายอย่างเป็นทางการ

ลั่วอู๋ไม่ต้องการที่จะอยู่ต่อและรีบเดินออกจากค่ายอย่างรวดเร็ว ผู้บัญชาการหลิงหลงทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนโดนกดขี่อยู่ตลอดเวลา นางนั้นแข็งแกร่งเกินไป

“จี๋กุยผู้บัญชาการของเจ้าไม่เห็นจะเข้าถึงง่ายอย่างที่เจ้าพูดเลย” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความกลัว

สีหน้าของจี๋กุยดูไม่ดีเท่าไหร่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้ามีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้บัญชาการคนเก่าอารมณ์ของผู้บัญชาการจะเริ่มควบคุมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าได้จงใจปกปิดเกี่ยวกับดาบเลือดเดือด คราวหน้าอย่าเอ่ยถึงผู้บัญชาการคนเก่าอีก ข้าเองก็อยากจะซัดหน้าเจ้าสักรอบเหมือนกัน”

ลั่วอู๋หัวเราะอย่างเชื่องช้า เขาขอโทษขอโพยและสัญญาว่าจะให้โคมไฟนำทางวิญญาณอีกหลายดวง เพื่อลดความโกรธของจี๋กุยให้หายไป
ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย “ความสัมพันธ์ระหว่างหลงเซี่ยกับผู้บัญชาการหลิงหลง เป็นยังไงกันแน่ ? มันฟังดูผิดปกติไปสักหน่อย”

“จุ๊ ๆ อย่าถามมากน่า มันเป็นหัวข้อที่อันตราย” จี๋กุยมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครฟังอยู่ก่อน จากนั้นเขาก็กระซิบ “ผู้บัญชาการคนเก่ากับท่านผู้บัญชาการเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน”

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็เข้าใจ
มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย
“อย่าไปเล่าให้ใครฟังเชียว ไม่งั้นมีหวังได้ตาย ข้าไม่รู้ด้วยล่ะ” จี๋กุยเตือน

ลั่วอู๋พยักหน้าซ้ำ ๆ
……
……
เกิดความเงียบขึ้นในค่าย
ผู้บัญชาการหลิงหลงดูเหนื่อย นางถอดชุดเกราะสีแดงออกวางลงบนธง หนังสือโบราณเกี่ยวกับศิลปะการสงครามของหลงเซี่ยถูกโยนกระจัดกระจายออกไป นางอ่านพวกมันไม่ออกสักคำ

“เจ้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่คิดจะมาหาข้าบ้างเลยเหรอ ? เจ้ายังคงเกลียดข้าอยู่หรือเปล่า ? ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าเลยสักนิด ทำไมเจ้าไม่กล้ากลับมาหาข้าซะที”

ผู้บัญชาการหลิงหลงบ่นด้วยเสียงต่ำ
ร่องรอยของความวิตกกังวลก็ปรากฏขึ้นในตาของนาง ดวงตาที่ลึกของนางดูเหมือนจะมองออกทะลุม่านไปยังทะเลทรายอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป

“ข้าหวังว่าข้าจะได้เจอเจ้าอีก”