ไม่คาดคิดเลยว่า มอนสเตอร์ที่อยู่ในดันเจี้ยนชั้นแรกนี่จะเกิดใหม่ได้จริง ๆ ชายหนุ่มคิดว่าหลังจากจัดการทหารโครงกระดูกกลุ่มนี้เสร็จมันจะไม่มีอะไรแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนปราบบอสชั้นนี้ไป
แต่นี่มันก็ยิ่งทำให้เซียวเฟิงตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก บางทีผู้พิทักษ์ชั้นนี้เองก็อาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วด้วยก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็น่าจะสามารถเก็บชุดมังกรปีศาจอีกชุดได้!
เซียวเฟิงรีบพาตัวซางกวน อาโอเชินเข้าไปด้านในด้วยความร้อนรนเพื่อที่จะกำจัดเหล่ามอนสเตอร์พวกนั้นให้หมดไป ถึงแม้ว่าผู้เล่นหนุ่มผู้นี้จะไม่ได้มีพลังในการทำความเสียหายต่อวินาทีเยอะมากนัก แต่เขาก็จัดว่ามีความแข็งแกร่งมากอยู่ ดังนั้นการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว
เหล่ามอนสเตอร์ที่เกิดใหม่นั้นเติมเต็มพื้นที่ว่างตรงหน้าอย่างรวดเร็ว การที่จะกำจัดมันทั้งหมดก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ เพราะแบบนี้กว่าพวกเขาจะเคลียร์มอนสเตอร์ทั้งหมดได้ ก็ล่วงเข้าสู่เวลากลางคืนไปแล้ว
หลังจากที่ฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ตายลง ก็ทิ้งไอเทมไว้มากมายเต็มพื้น ไม่ว่าจะเป็น โทเคนกิลด์ อุปกรณ์ระดับทองหลากหลายชิ้น หากแต่ของพวกนี้ใช้ได้แค่กับเหล่าผู้เล่นระดับสูงเท่านั้น เซียวเฟิงที่ระดับยังไม่ถึงจึงไม่สามารถใช้มันได้ เพราะงั้นเขาจำเป็นต้องทิ้งมันไปก่อน
ซางกวน อาโอเชินประทับใจในพลังของเซียวเฟิงมาก ๆ ที่นี่เองก็น่าเหลือเชื่อเช่นกัน สกิลตรวจสอบของเขานั้นไม่สามารถวิเคราะห์เลเวลของมอนสเตอร์เหล่านี้ได้เลย พลังที่เซียวเฟิงมีนั้นมันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ไปแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเด็กหนุ่มไม่เคยเห็นนักบวชผู้นี้ทำดาเมจได้ต่ำกว่าเลข 4 หลักเลย เห็นได้ชัดว่าการกำจัดมอนสเตอร์พวกนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับปลอกกล้วยเข้าปากเขาเสียเท่าไหร่
โชคร้ายที่ผู้พิทักษ์ในชั้นที่ 1 ของดันเจี้ยนไม่ได้ฟื้นกลับมาด้วย มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนอื่นที่ไม่ต้องเจอบอสยาก ๆ แต่สำหรับเซียวเฟิงนั้นมันน่าผิดหวังเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็เข้าใจว่านี่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่บอสจะไม่เกิดใหม่เช่นนี้ หากผู้พิทักษ์ตนนี้เกิดใหม่ได้ละก็ มีหวังทุกคนได้เป็นเจ้าของชุดมังกรปีศาจกันถ้วนหน้าแน่
ทั้งซางกวน อาโอเชินและเซียวเฟิงต่างเลเวลอัพกันทั้งคู่เพราะค่าประสบการณ์มากมายที่ได้จากกองทัพทหารโครงกระดูกเหล่านั้น ในตอนนี้ แถมค่าสถานะของเซียวเฟิงกำลังจะเต็มแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเคลื่อนไปยังชั้น 2 กันต่อในทันที
อย่างที่คาดไว้ มอนสเตอร์ที่ชั้น 2 นี้ก็เกิดใหม่ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจำนวนของมันจะไม่เยอะเท่าชั้น 1 แต่ความแข็งแกร่งของมันก็สูงกว่ามากเหมือนกัน แม้แต่มอนสเตอร์ที่ได้ชื่อว่าอ่อนแอที่สุดในชั้นนี้ยังอยู่ในระดับอิลีต
ดังนั้นทั้งเซียวเฟิงและซางกวน อาโอเชินจึงต้องใช้เวลาจัดการมอนสเตอร์เหล่านี้นานพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของสองผู้พิทักษ์ประจำชั้นนี้เลย บางทีอาจจะต้องจำกัดมอนสเตอร์พวกนี้ออกไปให้หมดก่อนก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองหนุ่มจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรกันแล้วลงมือจัดการเหล่ามอนสเตอร์ในชั้นนั้นกันอย่างรวดเร็ว เซียวเฟิงนั้นไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของซางกวน อาโอเชินแต่อย่างใด นั่นเพราะผู้เล่นหนุ่มคนนี้มีอาชีพนักดาบที่ทุ่มแต้มทั้งหมดไปเสริมค่าความคล่องแคล่วหมดแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการโจมตี แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ย่างรวดเร็ว ผนวกกับสกิลที่ช่วยเสริมความเร็วของเขาอีก การที่จะหลบหนีจากมอนสเตอร์ตัวหนึ่งและปล่อยให้มันไปโจมตีเซียวเฟิงแทนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
ความพิเศษของอาชีพนักดาบนั้นคือการปัดป้อง แถมซางกวน อาโอเชินเองก็ยังชำนาญสกิลนี้เป็นพิเศษอีกด้วย สิ่งที่เขาต้องทำคือการหลบการโจมตีด้วยเวทมนตร์ของมอนสเตอร์บางตัวให้ได้ ส่วนมอนสเตอร์ทั่ว ๆ ไปนั้นโจมตีเขาไม่ได้หรอก
[ยินดีด้วย! คุณเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 19 แล้ว และได้รับแต้มฟรี 1 แต้มสำหรับเพิ่มค่าสถานะ]
กว่าจะจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดในชั้นที่ 2 ของดันเจี้ยนได้มันก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ทั้งสองได้ค่าประสบการณ์มากมายอย่างที่คาดไว้ และมันก็มากพอที่จะส่งเซียวเฟิงให้เลเวลอัพเป็นเลเวล 19 ได้อีกด้วย
ตอนนี้เขาได้แต้มพื้นฐานมากถึง 10 แต้มแล้ว อันประกอบด้วย 6 แต้มจากวัฏจักรชีวิต 2 แต้มจากกระโหลกมังกร และ 2 แต้มจากเสี่ยวเสวี่ยที่เพิ่งจะเลเวลอัพด้วยเช่นกัน เพราะงั้นแล้วมันจะต้องช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้มากเลยทีเดียว
“พี่ชาย บอสชั้นนี้เป็นยังไงเหรอ? ทำไมพวกเรายังไม่เจอมันอีกล่ะ? มันแข็งแกร่งจริง ๆ ใช่ไหม?” ซางกวน อาโอเชินเดินตามหลังเซียวเฟิงมาติด ๆ ในกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยอาวุธระดับเงินมากมายจนตอนนี้เหลือพื้นที่เพียงให้ใส่เหรียญทองลงไปได้นิดหน่อยเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง แข็งแกร่งแน่ ๆ แล้วก็ท้าทายสุด ๆ เลยด้วย”
เซียวเฟิงนำแต้มที่เพิ่งได้มาเพิ่มให้กับค่าจิตวิญญาณ จากนั้นก็พากันเดินตรงเข้าไปยังปราสาทดันเจี้ยนตามที่วางแผนไว้ ทันใดนั้น กลุ่มหมอกสีเทาสองก้อนก็เริ่มก่อตัวหนาแน่นก่อนจะกลายเป็นร่างของบอสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 ตนอีกครั้ง
“ทำไมถึงมีพวกมันตั้ง 2 ตัวเลยล่ะพี่ชาย? พวกมันเป็นบอสระดับเทพจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?”
เมื่อซางกวน อาโอเชินใช้สกิลตรวจสอบของเขา สิ่งที่ได้มาก็มีเพียงข้อมูลที่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องหมายคำถามเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่สามารถตรวจสอบเลเวลของบอสได้เลย ดังนั้นความกังวลจึงเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าบอสผู้พิทักษ์ตรงหน้านั้นมีตนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนักธนู ส่วนอีกตัวหนึ่งเหมือนจะสามารถล่องหนได้
“อย่าไปกลัว สิ่งที่นายต้องทำก็คือลากบอสตัวหนึ่งให้ออกไปไกล ๆ ฉัน ส่วนฉันจะจัดการมันทีละตัว แค่ถ่วงเวลาให้ฉันจัดการบอสให้ได้ตัวหนึ่งก่อนเท่านั้น” เซียวเฟิงพูด
“เดี๋ยว ๆๆๆ บอกฉันก่อนสิว่ามอนสเตอร์ที่เรากำลังจะสู้ด้วยเป็นยังไงบ้าง พวกมันเลเวลเท่าไหร่? พี่ชายพอจะแสดงค่าสถานะของมันให้ฉันเห็นได้ไหม?” เขากระวนกระวายมากยิ่งขึ้นขณะถามเซียวเฟิงออกไปแบบนั้น
เซียวเฟิงไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรและแสดงค่าสถานะต่าง ๆ ของผู้พิทักษ์ทั้งสองตนนี้ให้เด็กหนุ่มดูอย่างตรงไปตรงมา
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ 2 ของดันเจี้ยน (ตัวซ้าย)
เลเวล : 30
ระดับ : บอสเทพ
ธาตุ : อันเดด
พลังชีวิต: 170,000 / 170,000
พลังโจมตี : 3,150-3,200
พลังเวท : 1,900-2,000
พลังป้องกัน: 2,600-2,700
พลังป้องกันเวท : 2,600-2,700
สกิล : ระเบิดพิฆาต ความตายที่แผ่ซ่าน สมาธิอันแรงกล้า สมาธิขั้นสูงสุด พายุใหญ่ ธนูคลั่ง กองทัพอันเดด ศรกระดูกถาโถม สายตาแห่งความตาย ร่างไร้วิญญาณ พลังแห่งทวยเทพ
คำอธิบาย : ‘ผู้พิทักษ์ชั้นที่สองแห่งดันเจี้ยนสุสานใต้ดิน จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีผู้บุกรุกมายังถิ่นของมันเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไป’
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ 2 ของดันเจี้ยน (ตัวขวา)
เลเวล : 30
ระดับ : บอสเทพ
ธาตุ : อันเดด
พลังชีวิต : 170,000/170,000
พลังโจมตี : 3,150-3,200
พลังเวท : 1,900-2,000
พลังป้องกัน : 2,500-2,600
พลังป้องกันเวท : 2,600-2,800
สกิล : ระเบิดพิฆาต พิษอันเดด จู่โจม ผู้สืบทอดเชื้อสายสูงสุด ภาษาแห่งความตาย คำสาปแห่งอันเดด กองทัพอันเดด สละชีพ คำสัญญาแห่งความตาย ร่างไร้วิญญาณ พลังแห่งทวยเทพ
คำอธิบาย : ‘ผู้พิทักษ์ชั้นที่ 2 แห่งดันเจี้ยนสุสานใต้ดิน จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีผู้บุกรุกเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป’
“เวรเอ้ย! พี่หลอกฉัน!!”
สีหน้าของซางกวน อาโอเชินซีดเผือดลงไปทันที เขารีบหยิบใบวาร์ปของตนเองขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เตรียมจะร้องไห้อย่างรวดเร็ว
“ก็บอกว่าอย่าไปกลัว! พวกเราสู้มันได้ เชื่อฉัน!”
เซียวเฟิงรีบหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ อันที่จริงชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะสู้มันได้หรือไม่ และใช่…เขาหลอกให้เด็กหนุ่มคนนี้มาจริง ๆ เขาจงใจจะใช้ผู้เล่นอีกคนหนึ่งดึงความสนใจเพื่อให้เขาสามารถ 1-1 กับบอสได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นเขาค่อนข้างมั่นใจเลยว่าจะสามารถโค่นบอสได้
ด้วยบอสระดับนี้ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่มันจะฆ่าผู้เล่นได้ง่าย ๆ เพราะงั้นที่เซียวเฟิงตัดสินใจยอมหลอกเด็กคนนี้มาก็เพราะเขามั่นใจว่ามีเพียงซางกวน อาโอเชินเท่านั้นที่จะสามารถซื้อเวลาให้เขาได้
“แย่ที่สุด! นี่มันบอสระดับเทพเลเวล 30 เลยนะ! ดูพลังโจมตีมันสิพี่! มากกว่า 3,000 อีก! มากกว่าพลังชีวิตของฉันอีกหลายเท่าตัวเลยนะโว้ย!!” ซางกวน อาโอเชินยังไม่เชื่อใจ เขามั่นใจว่าเซียวเฟิงหลอกเขามาตายแน่ ๆ
“นายต้องเชื่อในความแข็งแกร่งของฉัน! ฉันน่ะเป็นอันดับ 1 ในตารางอันดับเขตฮัวเซียเลยนะ! ทั้งเลเวล อุปกรณ์รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงด้วย การจัดการกับบอสที่เลเวลระดับนี้น่ะมันง่ายจะตายไป!” เซียวเฟิงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมผู้เล่นคนนี้ด้วยจุดเด่นอันเป็นชื่อเสียงของเขาทั้งหมด
มันก็จริงตามที่เขาว่า เพราะตอนนี้ไม่มีใครเก่งกว่าเขาอีกแล้วไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม
“พี่เป็นนักบวชเทพ โอเค๊? เพราะงั้นพี่สามารถจัดการกับบอสเทพนี่ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะงั้นได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่อยากตาย! กว่าจะเลเวลอัพมาได้ฉันก็แทบตายแล้ว!” เจ้าเด็กคนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าเขานั้นยังไม่อยากตาย แถมเขายังรู้ด้วยว่าเซียวเฟิงหมายจะเอาเขามาเป็นเหยื่อล่อ รู้ได้ตั้งแต่เห็นบอสผู้พิทักษ์พร้อมกัน 2 ตัวนั่นแหละ
ขนาดเซียวเฟิงยังโค่นมันได้แค่ตัวเดียว แล้วเขาจะเอาอะไรไปโค่นอีกตัวหนึ่ง? หากเซียวเฟิงยืนยันจะให้เขาเป็นคนล่อบอสอีกตนหนึ่งออกไป โชคชะตาของเขาก็จะไม่พ้นการตายแล้วกลับเมืองในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ แต่ถ้าหากเขาอยากจะช่วยไม่ให้เซียวเฟิงต้องรับมือกับบอสพร้อมกัน 2 ตัว นี่ก็เป็นทางเดียวที่เขาจะช่วยได้
“ฉันได้อาร์ติแฟคท์มาจากการต่อสู้แบบนี้แหละ อย่าลืมเรื่องนี้สิ!” เซียวเฟิงตัดสินใจใช้คำลวงที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและเอาอาร์ติแฟคท์มาเป็นตัวล่อ
“จริงเหรอ?” คราวนี้ดูเหมือนจะได้ผล ซางกวน อาโอเชินเริ่มสนใจขึ้นมา การโกหกที่มีเค้ามูลมาจากความจริงนั้นย่อมได้ผลเสมอ เพราะมันมีความเป็นไปได้สูงที่บอสระดับเทพนี้จะดร็อปอาร์ติแฟคท์หลังจากที่พวกมันถูกกำจัดลง หรือถ้ามันจะไม่ดร็อปอาร์ติแฟคท์ อย่างน้อยมันก็น่าจะดร็อปอุปกรณ์ระดับเทพลงมาซักชิ้นแน่ ๆ
“งั้นก็ได้! ฉันเอาด้วย! แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะแบ่งของทุกอย่างที่ผู้พิทักษ์พวกนี้ดร็อปกับฉันนะ! โดยเฉพาะอุปกรณ์ระดับเทพต้องเป็นของฉันเท่านั้น!” เด็กหนุ่มกัดฟันพูดแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของเขา ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์ระดับเทพเท่านั้น
เขามั่นใจมาก ๆ ว่าหากมีอาร์ติแฟคท์ดร็อปลงมาล่ะก็ เซียวเฟิงคงจะต้องเก็บมันไปแน่ ๆ เพราะงั้นอย่างน้อย ๆ เขาขออุปกรณ์ระดับเทพก็พอแล้ว ถึงแม้จะต้องเสียอาร์ติแฟคท์แต่ได้ของระดับเทพมาก็ถือว่าโอเค!
“ตามนั้น! ฉันสัญญา” เซียวเฟิงให้คำสัญญา ทว่าเขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายหรอกว่าผู้พิทักษ์พวกนี้ไม่ดร็อปของอย่างอื่นนอกจากอาร์ติแฟคท์หรอก
“โอเค! แล้วฉันต้องสู้กับมันยังไง?” ซางกวน อาโอเชินเอ่ยถามขณะที่มือของเขากำดาบในมือไว้แน่น สายตาเองก็คอยจับจ้องไปยังบอสนักธนูผู้พิทักษ์ที่อยู่ในโถงนั้นอย่างระมัดระวังด้วย อนึ่งเพราะเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าบอสผู้พิทักษ์อีกตนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
“ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องกังวล พวกเราแค่ต้องทำไปทีละขั้น ระยะการตรวจจับของพวกมันน่าจะเท่ากัน ในเมื่อพวกมันสองตัวไม่ยืนซ้อนกัน ระยะมันก็น่าจะแยกไปอยู่ของใครของมันด้วย สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คือ เข้าไปอยู่ขอบ ๆ ระยะการตรวจจับเอาไว้เพื่อให้มันหันไปสนใจนายซักตัว ในขณะที่นายก็จะสามารถเปิดจังหวะให้ตัวเองถอยออกไปได้เรื่อย ๆ ด้วย เมื่อไหร่ที่บอสตัวนึงตามนายไปแล้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” เซียวเฟิงพูด เขาน่ะคิดวิธีนี้เอาไว้ได้หลังจากมาเผชิญหน้ากับพวกมันสองตัวเมื่อครั้งก่อนแล้ว
“เข้าใจแล้ว!”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วกัดฟันอีกครั้ง ที่หน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเรื่อย ๆ ขณะที่กำลังทำใจย่องเข้าไปในโถงขนาดใหญ่นั้นช้า ๆ
ทางด้านเซียวเฟิงเองก็กังวลไม่แพ้กัน เขาคอยดูการกระทำของอีกฝ่ายอยู่เรื่อย ๆ พร้อมทั้งคอยสังเกตการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ภายในโถงไปด้วย
มันใช้เวลากว่า 10 นาทีกว่าซางกวน อาโอเชินจะเข้าไปถึงขอบของห้องโถงนั้นได้ และในตอนนั้นเอง เซียวเฟิงก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เขารีบตะโกนขึ้นทันที
“หยุด!”
ร่างของหนุ่มน้อยหยุดลงทันทีพร้อมกับหันหลังกลับด้วยดาบที่ยังกำแน่นในมือ
ตรงทิศที่เขาหันกลับไปนั้น แสงสีเงินกำลังเปล่งประกายอยู่ต่อหน้าเขา มันมีสภาพเหมือนคมดาบที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!
ดาบเล่มโปรดในมือของซางกวน อาโอเชินถูกยกขึ้นมารับมันไว้ได้อย่างทันท่วงทีจนเกิดเสียงดัง เจ้าของดาบคือผู้พิทักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ร่างของมันจางหายจนไม่สามารถมองเห็นได้ ทว่าดาบของมันนั้นไม่ได้ซ่อนไปด้วย ดังนั้นภาพตรงหน้าจึงเป็นภาพของดาบที่กำลังฟาดฟันลงมาจากพื้นที่ว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง
เคร้ง!
ป้องกันไว้ได้!
ด้วยสัญชาติญาณของตัวเขาเอง มันทำให้การโจมตีต่อเนื่องนั้นอยู่ในสถานะป้องกันไว้ได้ทั้งหมดและทำให้เขาไม่เสียพลังชีวิตแต่อย่างใด
เซียวเฟิงโล่งอก เขาประเมินเด็กคนนี้ไว้ถูกจริง ๆ เพราะตัวเขานั้นอยู่ไกลจากจุดที่อีกฝ่ายอยู่ มันเลยทำให้ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่เห็นเหมือนกันว่าบอสที่กำลังโจมตีนั้นรูปร่างเป็นอย่างไร จะมีก็แต่มวลความกดอากาศแปลก ๆ ที่กำลังขยับไปมาอยู่ แต่ก็ยากที่จะระบุตำแหน่งเช่นกัน โชคดีจริง ๆ ที่ตัวซางกวน อาโอเชินเองก็พอจะมีเซนส์ในการระวังตัวอยู่บ้าง
การโจมตีที่พลาดพลั้งของผู้พิทักษ์หลบซ่อนนั้นทำให้ตัวมันเองดุร้ายขึ้น และนั่นมีผลทำให้มันโจมตีเด็กหนุ่มถี่ขึ้นไปด้วย คมดาบที่ล่องลอยง้างขึ้นและฟันลงมาจากหลายทิศทาง
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
…
ซางกวน อาโอเชินพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะป้องกันตนเองจากการโจมตีเหล่านั้น ร่างของเขาตอนนี้มีแต่เหงื่อไหลชุ่มโชกไปทั่ว นี่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริง ๆ ที่ต้องมาเจอกับผู้พิทักษ์เช่นนี้ นอกจากนี้เขายังเป็นฝ่ายถูกต้อนถอยหลังฝ่ายเดียวเลยด้วย ส่วนเซียวเฟิงก็เริ่มร้อนใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทางฝั่งนั้นดูจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
“ฉันไม่ยอมแพ้หรอกน่า! เพื่ออุปกรณ์ระดับเทพแล้ว ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด!!”
ในตอนนั้นเอง พลันเมื่อเด็กหนุ่มตะโกนออกมา เขาก็ถ่ายพลังอีกส่วนหนึ่งไปไว้ที่มือที่ยังว่างอยู่พร้อมกับหยิบดาบสำหรับมือเดียวอีกเล่มขึ้นมาเพื่อรับมือกับการโจมตีที่รวดเร็วผู้พิทักษ์ตรงหน้าอย่างไม่ท้อถอย
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ทันทีทันใด ข้อความ ‘ป้องกันไว้ได้!’ ก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของซางกวน อาโอเชิน สองมือของเขานั้นกำลังกำดาบแต่ละเล่มเอาไว้และผลัดกันตั้งรับการโจมตีอย่างไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว