ตอนที่ 807 เธอน่าสงสารกว่าคุณมาก

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“เป็นเพราะว่าผู้กำกับไม่ได้โดนหลอกไปซะทีเดียวยังไงล่ะ” ถังหนิงตอบพลางเอนตัวพิงโซฟาและมองรูปของลูกชายทั้งสองคนของตัวเอง “อีกอย่างเขาไม่สามารถปล่อยให้คนคนเดียวมาทำลายหนังของเขาหรอก ยังไงนักแสดงคนอื่นๆ และทีมงานก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย”

 

 

“จริงของคุณค่ะ” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ “อ้อ ฉันเพิ่งดูตารางงานของคุณ หลังจากถ่ายทำเรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ จบแล้วคุณวางแผนจะถ่ายหนังเรื่องอื่นต่อหรือเปล่าคะ”

 

 

นักแสดงคนอื่นๆ ที่เหมือนกับถังหนิงต่างก็มีตารางงานที่แน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี แต่เมื่อหลินเฉี่ยนดูตารางงานของถังหนิงกลับไม่มีอะไรหลังจากหนังเรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’

 

 

“ฉันอยากกลับบ้านไปใช้เวลากับลูกๆ ของฉันน่ะ” ถังหนิงตอบกลับ

 

 

“คุณจะไม่คว้าโอกาสที่จะสร้างชื่อให้คุณเหรอคะ”

 

 

“เธอกลัวว่าจะไม่มีงานระหว่างที่ฉันพักไปอย่างนั้นเหรอ” ถังหนิงหัวเระออกมาทันที “ไม่ต้องห่วงหรอก เธอจะมีงานให้ต้องทำจนยุ่งเลยล่ะ ฉันมีแผนอื่นเอาไว้แล้ว”

 

 

หลินเฉี่ยนไม่รู้ว่าถังหนิงวางแผนอะไรไว้ ได้แต่คอยฟังอย่างไม่รีบร้อนเพราะรู้ว่าไม่นานคำตอบก็จะเผยออกมาเอง

 

 

 

 

คืนนั้นสวี่ซินนอนกระสับกระส่ายพลิกไปมาด้วยไม่อาจนอนหลับลงได้อยู่ข้างๆ ผู้กำกับ เขารู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไรอยู่ ริมฝีปากเขายกยิ้มขึ้นช้าๆ ก่อนจะนอนหลับไป

 

 

โชคดีที่เขาเชื่อคำแนะนำของถังหนิงและไม่ตกหลุมพรางของผู้หญิงเหลี่ยมจัดคนนี้ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคงไม่ดีนัก

 

 

พรุ่งนี้เขาจะคอยดูว่าสวี่ซินวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

ในขณะเดียวกันจากที่เขาเห็น จริงๆ แล้วที่ถังหนิงมีชื่อเสียงมาได้จนถึงตอนนี้ไม่เพียงเพราะการเป็นนักแสดงมืออาชีพแต่ยังเป็นคนที่มีวินัยและสมบูรณ์แบบอีกด้วย

 

 

เขาได้พบผู้ช่วยชีวิตของตัวเองเข้าแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

เช้าวันถัดมาสวี่ซินตื่นแต่เช้าอย่างหวังจะหาทางเอาตัวรอด ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้กำกับนั้นตื่นเช้ากว่าเธอ

 

 

“เพื่อไม่ให้การถ่ายทำต้องล่าช้า เราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ”

 

 

เธอจับมือทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่นอย่างประหม่าด้วยต้องการบอกความจริง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่กล้าพอ ดังนั้นในขณะที่คู่รักออกจากโรงแรมไปสีหน้าของสวี่ซินจึงเริ่มซีดลงเรื่อยๆ

 

 

“มีอะไรหรือเปล่า เธอไม่สบายเหรอ” ผู้กำกับถาม “ฉันได้ยินมาว่าคนท้องจะอารมณ์แปรปรวนและไม่สบายตัว รีบไปตรวจกันเถอะ”

 

 

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น…” เธอส่ายหน้า

 

 

“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เขาปิดประตูรถและขับพาเธอไปยังแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลใกล้ๆ สีหน้าของเขาดูกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด สวี่ซินกำมือแน่นด้วยความตั้งใจที่จะหลบหนีแต่เขาไม่ปล่อยโอกาสให้เธอทำเช่นนั้น แม้แต่ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำอีกฝ่ายยังรอเธออยู่หน้าประตู

 

 

จากนั้นไม่นานเธอผลักประตูเข้าไปในห้องอัลตราซาวนด์ในขณะที่คิดหาทางอธิบายว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้ท้องอย่างหนัก

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมาผู้กำกับก็ได้รับผลการตรวจและมองเธอด้วยความสับสน

 

 

“เธอไม่ได้บอกว่าเธอท้องเหรอ”

 

 

“ฉันตรวจสอบการตั้งครรภ์แล้วและผลก็ออกมาเป็นบวกจริงๆ นะคะ” สวี่ซินอธิบาย

 

 

“แล้วผลตรวจอยู่ไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอทิ้งของสำคัญอย่างนั้นไปแล้ว…”

 

 

“แต่ว่าฉันทิ้งมันไปแล้วนี่คะ…” เธอตอบทั้งยังก้มหน้าอยู่

 

 

“เธอทิ้งมันไว้ที่ไหน ฉันจะไปตามหา ต่อให้อยู่ในถังขยะฉันก็จะไปค้นขึ้นมา” เขาเอ่ยพร้อมดึงตัว

 

 

สวี่ซินออกมา “เธอรู้ไหมว่าฉันคิดว่าเธอท้องเลยเปิดเผยเรื่องการหย่าของฉันกับสื่อไป แต่ดูเธอสิ เธอมาหลอกฉันอย่างนี้ได้ยังไงกัน”

 

 

“ฉัน…”

 

 

“อยากทำอะไรก็ตามใจเลย…” เขาขึ้นเสียงขณะที่ก้าวขึ้นรถและทิ้งเธอไว้เบื้องหลัง

 

 

สวี่ซินยืนอยู่กลางทางเดินภายในโรงพยาบาลพร้อมมือที่กำแน่นด้วยความโกรธ เธอรู้ว่าหากเขาแฉว่าที่จริงเธอไม่ได้ท้อง อาชีพการงานของเธอจะต้องจบสิ้น เขาทำเพื่อเธอมามากแต่เธอก็ยังตั้งใจหลอกลวงเขา แค่คิดว่าจะโดนคนอื่นที่ไม่ยอมรับทับถมใส่ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอตกต่ำแล้ว

 

 

ในเวลาเดียวกันหลังจากกลับมาที่กองถ่าย ผู้กำกับทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคยเหมือนเหตุการณ์ทั้งหมดกับสวี่ซินไม่เคยเกิดขึ้น

 

 

ด้วยตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็จะไม่มีผลกระทบกับการถ่ายทำ

 

 

หลังการถ่ายทำในช่วงเช้าจบลง ผู้กำกับเข้ามาหาถังหนิงเพื่อแสดงความขอโทษและการขอบคุณ “ขอบคุณคำเตือนของคุณมากนะครับ ผู้หญิงแพศยาคนนั้นก่อเรื่องอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ เธอท้องลมเหมือนอย่างที่คิดไว้”

 

 

“ฉันทราบค่ะ”

 

 

เขาพยักหน้ารับ “ยังไงคุณก็ช่วยผมไว้มาก จากนี้ไปถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกได้เลยนะครับ”

 

 

ถังหนิงยกยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา ตราบใดที่เขาเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองและไม่ยอมแพ้กับสิ่งล่อใจอย่างนี้อีกก็เป็นการแสดงการขอบคุณที่ดีที่สุดแล้ว

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ และต้องขอบคุณ ‘ผู้รอดชีพ’ ด้วย คุณจะกลับบ้านไปพร้อมกับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมอีกรางวัลอย่างแน่นอนครับ”

 

 

ในตอนนี้เองที่สวี่ซินกำลังซ่อนตัวอยู่ในมุมอับเพื่อแอบฟังบทสนทนาระหว่างถังหนิงและผู้กำกับ แม้ว่าเธอจะได้ยินไม่ชัด แต่ก็รู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ระหว่างเธอกับผู้กำกับมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับถังหนิง

 

 

มีเพียงถังหนิงที่สามารถพลิกเกมเช่นนี้ได้

 

 

คิดได้ดังนั้นเธอก็กำหมัดแน่น…

 

 

เป็นถังหนิงอีกแล้ว…

 

 

ไม่ห่างออกไปนัก หลินเฉี่ยนก็มาถึงพร้อมมื้อกลางวันของถังหนิงก่อนหญิงสาวทั้งสองคนจะเริ่มพูดคุยและหัวเราะกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าสวี่ซินรู้ตัวเองว่าเธอต้องจำใจยอมรับชะตากรรมนี้เพียงใด

 

 

“ตอนนี้ผู้กำกับก็แฉเรื่องที่สวี่ซินโกหกแล้ว เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ เธอต้องหาทางเอาคืนตอนที่ยังมีโอกาสอยู่แน่” ถังหนิงพูดในขณะที่กินอาหาร “จับตาดูเธออย่างใกล้ชิดเอาไว้ล่ะ”

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ “คนแบบเธอเป็นประเภทที่น่ารำคาญที่สุด เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอันตรายมากนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะไล่เธอไปไกลๆ เพราะว่าเธอเหมือนแมลงที่น่ารำคาญ…

 

 

“เธอย่อมมีทางเลือกที่จะเดินในเส้นทางที่จริงใจและใสสะอาด…

 

 

“แต่ว่าถ้าเธอทำแบบนั้น คงเอาตัวรอดในวงการนี้ไม่ได้” หลินเฉี่ยนถอนหายใจออกมา “แน่นอนว่าคุณเป็นข้อยกเว้นค่ะ”

 

 

ถังหนิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอแค่ปวดใจที่เห็นคนที่มีความสามารถแต่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้น สวี่ซินจ้องมองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนอย่างต้องการจะฉีกพวกเธอออกเป็นชิ้นๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ทำตามที่ใจอยาก แต่กลับรอจนกระทั่งถึงเวลาพักของผู้กำกับในช่วงบ่ายก่อนจะเข้าไปหาเขาและเอ่ยถาม “คุณดูไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยนี่ คุณก็แค่แกล้งทำใช่ไหมล่ะคะ”

 

 

“อย่าลืมว่าเธอเป็นฝ่ายที่โกหกฉันก่อนนะ!” เขาพูดถากถางเธอกลับ

 

 

“คุณเลยคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะควบคุมฉันได้ใช่ไหมล่ะคะ ไม่สิ จริงๆ แล้วคุณไม่ได้เป็นคนคิดแต่เป็นถังหนิงต่างหาก ถูกไหมคะ” เธอถามด้วยความเจ็บปวด

 

 

อีกฝ่ายนิ่งเงียบ

 

 

“เงียบแบบนี้แสดงว่ายอมรับใช่ไหมคะ ดีค่ะ…” เธอเหยียดยิ้มอย่างสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะทำให้ถัง

 

 

หนิงหายไปจากโลกนี้ให้ได้

 

 

“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้วก็ไปรายงานตัวที่กองถ่ายหนังเรื่องใหม่เถอะ จริงๆ การที่ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับสื่อก็ดีมากพอแล้ว เลิกมารังควานฉันสักที” พูดจบเขาก็ผลักเธอออกไป “ยังไงเธอก็รออีกสักหน่อยค่อยบอกคนอื่นว่าเราเลิกกันแล้ว หลังจากนั้นค่อยไปหลอกหาเหยื่อคนใหม่ มองเผินๆ ก็เห็นว่าเธอกำลังหาแฟนสักคน แต่จริงๆ แล้วก็แค่เอาตัวเข้าแลกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”

 

 

“ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” สวี่ซินหัวเราะออกมา “ฉันไม่มีใครคอยหนุนหลังอยู่นี่”

 

 

ตอนนี้เองที่ผู้กำกับชี้ไปทางถังหนิง “ก่อนหน้านี้เธอถูกแย่งชิงทุกอย่างที่มีไปและดูน่าสงสารกว่าเธอมาก”